“ธนกร”  สวนฝ่ายค้านเล่นการเมืองเกินเหตุ   หลังองค์ประชุม.ไม่ครบถึงกับกดดันนายกฯ ยุบสภา    ประเทศชาติไม่ใช่ของเล่น   ไม่พอใจก็ล้มกระดาน    เจตนาทั้งที่รู้ขัดคำสั่ง ศาล ยังฝืนแก้ไขมาตรา  256  พ่วงตั้ง ส.ส.ร.    สส.-สว.พร้อมทำหน้าที่แต่ต้องดูกฎหมายให้รอบคอบ 

กทม. วันนี้  (  15 ก.พ.)   นายธนกร วังบุญคงชนะ  อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ  รองหัวหน้าพรรคและ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ  กล่าว ถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์  เรืองปัญญาวุฒิ  สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน นำ สส.แถลงกดดันนายกรัฐมนตรียุบสภา  หลังองค์ประชุมไม่ครบ ในวาระพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ให้มี ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า การที่พรรคประชาชนออกมากดดันเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจยุบสภา  เพียงเพราะการประชุมรัฐสภาไม่เป็นไปตามความคาดหวังของตัวเอง  ถือเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล  ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมา  การที่นายกฯจะตัดสินใจยุบสภาได้นั้นต้องถึงขั้นสภาวะเดตล็อก  ไม่มีทางออกจนถึงที่สุดจริงๆ  นายกฯจึงจะตัดสินใจ   แต่กรณีการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ ยังสามารถใช้ช่องทางและวิธีการแก้ปัญหาในรัฐสภาได้อยู่    ไม่ถึงกับว่าเป็นทางตันทางการเมือง   แต่พรรคประชาชนกลับเรียกร้องให้ยุบสภา จึงทำให้มองได้ว่าเป็นการเล่นเกมการเมืองเกินกว่าเหตุ  ประเทศชาติไม่ใช่ของเล่น  ที่เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ล้มกระดานแล้วเริ่มใหม่   สิ่งที่สำคัญการเลือกตั้งแต่ละครั้งล้วนแต่ใช้งบประมาณแผ่นดินหลายพันล้านบาท   จึงขอให้พรรคประชาชน ทบทวนบทบาททางการเมืองของตัวเองเสียใหม่ การออกมาแถลงลักษณะนี้ เป็นการเล่นใหญ่เกินไป
นายธนกร  กล่าวอีกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในส่วนที่จะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน ตนเชื่อว่า สมาชิกรัฐสภาทุกคนไม่มีปัญหา    พร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว    แต่การแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 ที่ไปแตะหมวด 1 หมวด 2 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์   และยังมีการพ่วงหมวด 15 /1 เพิ่มเข้ามา  เพื่อเปิดทางให้การเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. 200 คน   เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่ต้องทำประชามติฟังเสียงประชาชนก่อนนั้น   เป็นการขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4 / 2564 อย่างชัดเจน   จึงเป็นความสุ่มเสี่ยงหาก  ร่วมพิจารณาอาจจะขัดต่อกฎหมายได้  ทำให้สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ไม่ขอร่วมด้วย
“การที่พรรคประชาชนเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยหวังจะยกร่างใหม่ทั้งฉบับ   ไม่เพียงสุ่มเสี่ยงขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผูกพันทุกองค์กรแล้ว    พรรคประชาชนยังไม่ฟังเสียงพี่น้องประชาชนโดยการทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย    แบบนี้อาจถูกมองได้ว่าการกระทำย้อนแย้งกับคำพูดหรือไม่  หากเคารพเสียงประชาชนจริงๆ อย่างที่พูด ก็สมควรต้องทำประชามติก่อนการแก้ไขหรือยกร่างใหม่ตามที่ศาลบอก   และสิ่งที่สำคัญควรมุ่งที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อพัฒนาช่วยเหลือความเป็นอยู่ประชาชนมาเป็นอันดับแรก   ไม่ใช่มุ่งเน้นจะช่วยนักการเมืองก่อน”  นายธนกร กล่าว