ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครวิกฤติ เกินกว่ามาตรฐานจนอยู่ในระดับสีส้ม และสีแดง ติดต่อกันหลายวันในห้วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์โจมตีการแก้ไขปัญหาของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะพ่อเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง
ด้วยโลกโซเชียลไปขุดเอาโพสต์เก่าจากเพจของเขาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่สะท้อนปัญหาและเสนอไอเดียในการแก้ไขเรื่องฝุ่น PM 2.5 เอาไว้มาโจมตีว่าดีแต่พูด ทำไม่ได้จริง
“แรงด่าถือเป็นแรงกระตุ้นให้พยายามทำงานให้ดีขึ้น หากคนด่าแล้วสบายใจขึ้นก็พร้อมให้ด่า เข้าใจว่าการที่มีคนมาด่าคือเรื่องจริง แต่คนที่ด่าก็อย่าดีแต่พูด ต้องช่วยแนะนำด้วยว่าอยากให้ กทม. ช่วยอะไร กทม. ทำไม่ถึงตรงไหน จะได้แก้ไข ที่ผ่านมา กทม. ยังไม่เคยรับปากว่าจะจัดการปัญหาฝุ่นที่มาจากด้านนอก คือจังหวัดที่ติดกับ กทม. ได้ แต่ตรวจรถควันดำมาตลอด เฉพาะปี 2567 ตรวจไปกว่า 1 แสนคัน แต่ตรวจเฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ เพราะรถ 6 ล้อขึ้นไป กทม.ไม่มีอำนาจ เชื่อว่ารถควันดำลดลงแน่นอน ดังนั้นจึงอยากวอนขอให้ช่วยกันเข้าใจปัญหา”ชัชชาติ ระบุ (24มกราคม2568)
อย่างไรก็ตาม สำหรับวิกฤติฝุ่น ในกทม.นั้น “ชัชชาติ”ชี้แจงว่า ต้นตอของฝุ่น PM2.5 ในกทม. เกิดจากควันรถยนต์สันดาป โรงงาน รถดีเซลเก่าจะปล่อยมลพิษออกมา 1ใน 3 ของกทม. ประกอบกับสภาพอากาศปิด ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ทำให้มีลักษณะเหมือนฝาชีครอบกทม. ฝุ่นกักลงมามากกว่าเดิม และการเผาชีวมวลรอบนอกลอยมาตกที่กทม. ที่มีตึกสูงจำนวนมากทำให้ความเร็วลมชะลอตัว
อย่างไรก็ดี น่าสนใจ สถานการณ์ของ “ชัชชาติ”หลังทำงานมาใกล้จะครบ 3 ปีนั้น แตกต่างจากเมื่อครั้งก่อนหาเสียงเลือกตั้งและได้รับการเลือกตั้งใหม่ๆ ที่อยู่ในจุดที่ “ใครๆก็รัก”
จากนักการเมืองระดับดีหนึ่งประเภทหนึ่ง ที่เป็นดาวเด่นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ด้วยดีกรี ผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ประจำภาควิชา วิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ประกอบกับรูปลักษณ์แข็งแรง และการนำเสนอตัวตนในช่วงหาเสียงด้วยภาพซูเปอร์ฮีโร่ the Hulk มนุษย์จอมพลัง ซึ่งทำให้เขาถูกเรียกขานว่าเป็น “ผู้ว่าที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”
ในวันนี้เมื่อเผชิญกับวิกฤติฝุ่น “ชัชชาติ”จะฝ่ากับดักมรสุมฝุ่นทับถมไม่ให้จมหาย กระทบวิกฤติศรัทธาได้อย่างไร