ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับ ปี 2024 (พ.ศ. 2567) ซึ่งตามการสอบถามจากผู้คนในหลายประเทศของแต่ละภูมิภาคโลก โดยสำนักสำรวจความคิดเห็น หรือการทำโพลล์ ของเฮาส์ (House) ต่างๆ ล้วนได้รับคำตอบแทบจะไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่น่าปลื้มสักเท่าใดนัก ด้วยวิกฤติปัญหาสารพัดที่บังเกิดขึ้นในช่วงรอบปีที่เพิ่งผ่านพ้นมา
เมื่อก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ ปี 2025 (พ.ศ. 2568) บรรดาชาวประชาคมโลก ต่างก็มีความหวังว่า อะไรๆ ต่างๆ จะดีขึ้นกว่าช่วงขวบปีที่เพิ่งผ่านพ้นไป
อย่างการสำรวจความคิดเห็น หรือการทำโพลล์ ที่จัดทำขึ้นโดย “อิปซอสส์” บริษัททำวิจัยและให้คำปรึกษาด้านการตลาดข้ามชาติ ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสได้เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ 33 ประเทศทั่วทุกภูมิภาคโลก เมื่อเร็วๆ นี้ ในคำถามเกี่ยวกับความหวัง ความคาดการณ์ ที่อาจจะเกิดขึ้น หรืออยากให้เกิดขึ้นในปี 2025 (พ.ศ. 2568)
ผลอิปซอสส์โพลล์ โดยรวมที่ออกมา ปรากฏว่า ร้อยละ 65 หรือเกือบ 2 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า ปี 2024 (พ.ศ. 2567) ที่เพิ่งผ่านไปนั้น โลกของเราอยู่ในสภาพที่เลวร้าย ซึ่งสภาพที่เลวร้ายที่ว่านั้น ก็ยังรวมถึงประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วย จากการได้รับผลกระทบของวิกฤติปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าโลกเราสารพัด
ไม่ว่าจะเป็น “ปัญหาค่าครองชีพ” ที่ค่าครองชีพทะยานพุ่งสูงขึ้น จนกล่าวได้ว่า เรื่องค่าครองชีพ เป็นปัญหาที่มีความรุนแรงระดับวิกฤติของประชาชนกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ประชาคมโลกกลุ่มตัวอย่างของอิปซอสส์โพลล์ ก็ยังมีความคิดเห็นว่า ปัญหาความขัดแย้งที่บังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของโลกเรา เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธและกองกำลังในหลายดินแดนของภูมิภาคตะวันออกกลาง เช่น กลุ่มฮามาสของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน รวมไปถึงการโจมตีในซีเรียโดยกองทัพอิสราเอล ก็เป็นสิ่งที่กลุ่มตัวอย่างข้างต้น ระบุว่า เป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับพวกเขาในช่วงรอบปีที่ผ่านมา แม้ว่าปัญหาความขัดแย้งเหล่านั้น ไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ประเทศของพวกเขา หรือไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาโดยตรงก็ตาม
พร้อมกันนี้ ตามการวิเคราะห์ผลการสำรวจความคิดเห็นที่ออกมาโดยอิปซอสส์โพลล์ ยังระบุด้วยว่า ตัวเลขร้อยละ 65 หรือเกือบ 2 ใน 3 ดังกล่าว ก็ยังถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดเท่าที่มีการสำรวจนับตั้งแต่ปี 2019 (พ.ศ. 2562) เป็นต้นมา หรืออาจกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า เป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือโควิด-19 มาเลยก็ว่าได้
โดยเมื่อกล่าวถึงการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างโดยอิปซอสส์โพลล์ ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างการวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตัวเลขที่ออกมาจะมากกว่านี้หลายจุด เช่น ในการสำรวจเมื่อปี 2023 (พ.ศ. 2566) ได้ตัวเลขสูงถึงร้อยละ 70 เลยทีเดียว ที่มีความคิดเห็นว่า โลกของเรา หรือประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้น อยู่ในสภาพที่เลวร้าย
ทั้งนี้ วิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ข้างต้นนอกจากส่งผลทำให้มีผู้คนทั่วโลกล้มป่วยมากกกว่า 777 ล้านคนแล้ว ก็ยังคร่าชีวิตเหยื่อที่ล้มป่วยเพราะติดเชื้อไปมากกว่า 7.07 ล้านคน รวมถึงก่อวิกฤติอื่นๆ ต่อเนื่องสารพัด โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่หลายกิจการต้องล่มสลายไปเพราะโควิดฯ ตามๆ กัน
โดยภายหลังจากวิกฤติโควิดฯ ผ่านพ้นไป ก็ตามมาด้วยวิกฤติค่าครองชีพ และปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ดังกล่าว จนทำให้ผลการสำรวจความคิดเห็นออกมาอย่างที่เห็นข้างต้น
ในการสำรวจความคิดเห็นแบบแยกย่อยลงไปในรายละเอียดสำหรับบางเรื่องที่เกี่ยวกับวิกฤติค่าครองชีพ หรือเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการกลุ่มตัวอย่างยังคงอยู่ในสายงานอาชีพที่พวกทำอยู่นั้น ก็ได้รับคำตอบว่า มีความกังวลในเรื่องตกงานกันเพิ่มขึ้น อันเป็นสถานการณ์ที่ต่อเนื่องจากปี 2024 ที่แล้วมาจนถึงปี 2025 นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการมาของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านต่างๆ เช่น ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ในอันที่จะทำให้ลดการใช้แรงงานที่เป็นมนุษย์ลงในธุรกิจ หรือกิจการต่างๆ
ผลการสำรวจที่ออกมาเกี่ยวกับความกังวลต่อเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจนอาจกระทบต่อการทำงานของพวกเขาดังกล่าวนั้น ในปี 2024 ก็มีตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ 47 หรือเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ที่กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบบสอบถาม แสดงความกังวล ซึ่งตัวเลขที่ออกมาในปี 2024 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น ก็เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าในการสำรวจเมื่อปี 2021 (พ.ศ. 2564) หรือในช่วงที่กำลังเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 พอดีที่ปรากฏว่า ตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ 38 อันสะท้อนให้เห็นว่า หลังผ่านพ้นวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 มาแล้ว บรรดาผู้ประกอบการหลายกิจการ เริ่มหันไปมองถึงการใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัย ตลอดจนระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ กันมากขึ้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาซ้ำรอย คือ เมื่อเกิดวิกฤติต่างๆ ขึ้นมาอีกจนส่งผลกระทบต่อแรงงาน หรือกำลังคนในการทำงานของกิจการของพวกเขาขึ้นมาอีก
โดยในจำนวนของประชากรในกลุ่มตัวอย่างที่เห็นว่า โลกเราในปีที่แล้วเลวร้ายถึงร้อยละ 65 นั้น เมื่อแยกย่อยไปในแต่ลประเทศแล้ว ปรากฏว่า ประชากรในอาร์เจนตินา มีความคิดเห็นข้างต้นมากที่สุดถึงร้อยละ 71 เลยทีเดียว ซึ่งพวกเขามีความวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ถูกยกให้เป็นวิกฤติอันน่าสะพรึง
อย่างไรก็ดี ในการสำรวจของอิปซอสส์โพลล์ เกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อปี 2025 ที่เพิ่งมาถึงนี้ ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 71 ทีเดียว ที่คิดเห็น และมีความหวังว่า ในปี 2025 ที่เพิ่งเริ่มดำเนินมานี้ จะเป็นปีที่ดีของพวกเขาในหลายประการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิกฤติปัญหาค่าครองชีพ อันเป็นวิกฤติปัญหาที่เกี่ยวกับปากท้องและเงินกระเป๋าของพวกเขาโดยตรง รวมไปถึงปัญหาความขัดแย้ง เช่น สงครามการสู้รบในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธ กองกำลังต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อันเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากเห็นและมีความหวัง
