วันที่ 3 ธ.ค. 67 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ห้องประชุม 1 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มกำลัง เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเพื่อรับมือสถานการณ์อุทกภัยในห้วงถัดไปอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง
โดยมีผู้บริหารกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยกรน้ำ (องค์การมหาชน) ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด รวมถึงจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ร่วมประชุมฯ ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Webex)
โดย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ จนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 36 อำเภอ 290 ตำบล 1,728 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 302,982 ครัวเรือน
ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ประสบภัยโดยเร็ว ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด 6 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จังหวัดละ 50 ล้านบาท จากเดิม 20 ล้านบาท รวมเป็น 70 ล้านบาท เพื่อใช้ในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและดูแลประชาชนจากเหตุอุทกภัย ตามที่ ปภ. เสนอ และในวันนี้ช่วงเช้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 16 จังหวัด รวมกว่า 5 แสนครัวเรือน เป็นเงินรวมกว่า 5,039,793 ล้านบาท โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนที่ ครม. ได้มีมติเห็นชอบในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ในห้วงต่อไป ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 3 - 5 ธ.ค. 67 มีแนวโน้มจะเกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล และมีฝนตกหนักมากในพื้นที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส และในช่วงวันที่ 11-14 ธ.ค. 67 นี้ จะมีมวลอากาศเย็นหรือความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ซึ่งอาจทำให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มขึ้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) จึงได้สั่งการให้จังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน เตรียมความพร้อมจุดอพยพและศูนย์พักพิงให้พร้อมใช้งานเมื่อมีความจำเป็นต้องอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย พร้อมกันนี้ ขอให้เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมออกปฏิบัติการช่วยเหลือประชนทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัยขึ้นในพื้นที่ และหากเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ให้ประสานมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อขอสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อีกทั้ง นายภาสกร กล่าวต่อว่า สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ระดมเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตต่าง ๆ ลงไปสนับสนุนการช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ขณะนี้รวมกว่า 680 หน่วย ทั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล เครื่องสูบส่งน้ำ รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถประกอบอาหารพร้อมอุปกรณ์ รถบรรทุกน้ำ รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว เรือชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงสะพานเบลีย์ที่ใช้เชื่อมต่อพื้นที่ตัดขาดและอำนวยความสะดวกในการเดินทางสัญจรของประชาชน และเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัน KA-32 จำนวน 1 ลำ พร้อมทีมนักบินและเจ้าหน้าที่กู้ภัยบนอากาศยาน “The Guardian Team” ซึ่งทำงานร่วมกับจังหวัดในการเร่งสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ การอพยพ เคลื่อนย้าย และช่วยเหลือผู้ประสบภัย การขนย้ายลำเลียงวัสดุอุปกรณ์และสิ่งของช่วยเหลือ รวมถึงแจกจ่ายอาหารและน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ ปภ. มีแผนสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยเพิ่มเติมหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เน้นประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และครอบคลุมครบทุกมิติ ทั้งด้านการดำรงชีพ การแพทย์และสาธารณสุข การบริการจัดการน้ำ การดูแลความปลอดภัยของประชาชน และการฟื้นฟูสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ขอให้เร่งทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลความเสียหาย เพื่อทำการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งตามระเบียบเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เงินช่วยเหลือกรณีพิเศษตามมติ ครม. และระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว
"กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยและความคืบหน้าในการช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าให้ประชาชนทราบและให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผมได้จัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (ส่วนหน้า) ขึ้นที่จังหวัดนราธิวาส และส่งทีมเจ้าหน้าที่ ปภ. ลงไปทำงานเพื่อให้สามารถติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด รายงานสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว บริหารจัดการทรัพยากรเครื่องจักรกลสาธารณภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสานการปฏิบัติงานระหว่างทุกภาคส่วนได้อย่างคล่องตัว วันนี้ ผมจะนำทีม ปภ. ลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อร่วมติดตามสถานการณ์ การเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนในห้วงต่อไป และความคืบหน้าในการช่วยเหลือประชาชนและการระดมทรัพยากรออกปฏิบัติงานบรรเทาความเดือดร้อนให้มีความรวดเร็ว และมั่นใจได้ว่าประชาชนจะได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที” นายภาสกร กล่าว
สำหรับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะปักหลักช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกคนอย่างเต็มความสามารถและต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายกลับสู่สภาวะปกติ โดยประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยสามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์ในพื้นที่ การแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยเพิ่มเติม รวมไปถึงแนวทางการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยในช่วงที่เกิดสถานการณ์ และการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews และหากพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง



