เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 8 ต.ค.67 ที่ศาลแพ่ง ถนนรัขดาภิเษก นายนพดล ธรรมวัฒนะ ได้เดินทางมาเข้ายื่นฟ้องเพิกถอนมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด เจ้าของตลาดยิ่งเจริญ ครั้งที่ 1/2567 ต่อศาลแพ่ง ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ (น้องสาว) และนายแทนทอง (หลานลูก ส.ส.ห้างทอง) ธรรมวัฒนะ เป็นโจทก์ที่1-2 ตามลำดับ ฟ้อง น.ส.ณฤมล ธรรมวัฒนะ กับ บริษัทสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด เป็นจำเลยที่1-2 ฐานเพิกถอนมติที่ประชุมบริษัทจำกัด ศาลรับไว้เป็นคดีดำที่ 4403/67 และสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกจำเลยต่อไป
คำฟ้อง มีใจความว่า บ.สุวพีร์ เป็นเจ้าของตลาดยิ่งเจริญ เมื่อ25มิย.ปี2567 โจทก์ที่1ทำหนังสือสัญญาโอนหุ้นใน บริษัทสุวพีร์จำเลยที่ 2 ให้ นายนพดล 368,482 หุ้น และให้นางมัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ จำนวนเท่ากันโดยไม่มีค่าตอบแทน นายนพดล จึงแจ้งจำเลยให้ไปจดแจ้งชื่อนายนพดล ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น แต่จำเลยเพิกเฉย แต่วันที่ 11 ก.ค.67 จำเลยมีหนังสือประชุมกรรมการบริษัทสุวพีร์ เรื่องให้พิจารณาหนังสือทีาขอให้จดแจ้งชื่อนายนพดล แต่ตัวโจทก์ที่ 1 ไปต่างประเทศ และได้รับแจ้งว่า ไม่มีการประชุมครั้งนั้นแล้ว ซึ่ง น.ส.ณฤมล และคณะกรรมการบริษัทสุวพีร์ ไม่อนุมัติการโอนหุ้นดังกล่าว โดยอ้างสิทธิตามข้อบังคับที่ 4 ที่ให้สิทธิ์คณะกรรมการปฎิเสธ ไม่ให้ความยินยอมในการโอนหุ้นได้โดยไม่มีเหตุผล จึงขัดต่อกฎหมายความสงบ และกฎหมายอื่นๆ ต่อมาโจทก์ทราบว่า มีการเรียกประชุมวิสามัญโดยไม่มีการออกหนังสือเรียกประชุม ทั้งยังอ้างว่ามีการประชุม และมีการลงมติให้เรียกประชุม โดยไม่มีการประชุมกันจริง จึงเป็นการอ้างมติที่ประชุมอันเป็นเท็จทำให้โจทก์เสียหา จึงขอให้เพิกถอนมติการประชุมครั้งที่1/67 ศาลรับฟ้องไว้สอบคำให้การและให้ส่งหมายเรียกจำเลยมายื่นคำให้การ
นายนพดล เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ฟ้องน.ส.ณฤมลมาแล้วเค้ารับหมายเรียกแล้วก็ยังเฉย ส่วนคดีนี้เป็นเรื่องการไม่ปฎิบัติตามข้อกำหนดในพินัยกรรม ซึ่งตนอาจเปรียบได้ว่าพินัยกรรมคือรัฐธรรมนูญ ที่ทุกคนต้องปฎิบัติตาม เมื่อมีการฝ่าฝืนเพื่อประโยชน์ตัวเองปัญหาก็ตามมา คดีก่อนที่ฟ้องไปวันที่ 27 ก.ย.เป็นการฝ่าฝืนพินัยกรรมที่เขาไปโอนหุ้นให้บุคคลอื่น ซึ่งพินัยกรรมกำหนดว่าใครฝ่าฝืนให้ริบหุ้น ดังนั้นผลของการกระทำทั้งหมด จะมีการนำไปสู่คดีอาญาฐานปลอมเอกสาร และผิดตามพรบ.ห้างหุ้นส่วนที่มีโทษอาญา จะยื่นฟ้องที่ศาลอาญาวันที่ 10 ต.ค.นี้