กรณีการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง “จับและกิน” เป็นกิจกรรมหลักและเห็นผลได้จากปริมาณปลาต่อพื้นที่ลดลง แต่สิ่งที่ยังติดอยู่ในใจหลายๆ คน คือ บริษัทผู้ส่งออกปลาหมอคางดำในกลุ่มปลาสวยงามอีก 6 บริษัท กลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆ ไม่กล้านำเอกสารการส่งออกปลาหมอคางดำมาชี้แจงกับสังคม ว่า ปลาที่ส่งออกไป 17 ประเทศ ระหว่างปี 2556-2559 เป็นปลาหมอคางดำจริงหรือไม่ หรือเป็นการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบหวังทำกำไร แต่เป็นความเสียหายของประเทศ โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ ฤาบริษัทเหล่านี้อยู่เหนือกฎหมาย…
ทั้งนี้ คุณสมสมัย หาญเมืองบน นักวิชาการอิสระ ได้วิเคราะห์ว่า แม้ว่าผู้แทน 5 ใน 11 บริษัทส่งออกปลาหมอคางดำ ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ( กมธ.อว.) เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา และยืนยันในทิศทางเดียวกันว่า ไม่เคยส่งออกปลาหมอคางดำ (Sarotherodon melanotheron) ไม่ทราบว่าเกิดความผิดพลาด ส่วนปลาที่ส่งออก คือ ปลาหมอมาลาวีและปลาหลังเขียว พร้อมแสดงเอกสารใบกำกับสินค้าและใบสั่งซื้อสินค้าเป็นหลักฐาน โดยทั้งหมดมอบหมายให้บริษัทชิปปิ้ง ดำเนินการแทนในการกรอกเอกสารส่งออกตามระเบียบของกรมประมง ทำต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี นี่คือคำชี้แจงของบริษัทเหล่านี้
ไม่ว่าจะกรณีใดๆ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเรียกผู้ส่งออกทั้ง 11 บริษัท มาชี้แจงข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเหมือนกันหรือต่างกันก็ตาม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทำผิดกฎหมายทั้งของกรมประมงและกรมศุลกากร ด้วยการสำแดงเท็จจากปลาหมอมาลาวีและปลาหลังเขียว เป็นปลาหมอคางดำ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจรับรองสุขภาพปลา (Health Certificate) จากประเทศปลายทางที่ร้องขอ
กรณีนี้ ถือเป็นการปลอมแปลงเอกสาร สำแดงเท็จลักลอบส่งออกปลาไม่ตรงกับในกำกับสินค้า และหากพิสูจน์ได้ว่าเป็นปลาหมอคางดำจริง คือ แอบอ้างใช้ชื่อปลาหมอคางดำ เพื่อประโยชน์ทางการค้าโดยไม่มีความผิด การตรวจสอบเพียง 5 บริษัท โดยอีก 5 บริษัทได้รับอภิสิทธิ์ไม่ถูกตรวจสอบ ไม่ต้องชี้แจง ก็ไม่ควรอนุมานว่ากรอกเอกสารผิดแบบเดียวกันหมด เพราะแม้แต่ กมธ.อว. ยังตั้งข้อสังเกตแล้วว่า เหตุใดจึงการผิดซ้ำซากและต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี
ทั้ง 11 บริษัทมีการส่งออกปลาหมอคางดำในลักษณะปลาสวยงามมีชีวิตช่วงปี 2556-2559 รวม 326,240 ตัว ไปยัง 17 ประเทศ ได้แก่ ปากีสถาน ตุรกี คูเวต อาเซอร์ใบจาน ออสเตรเสีย รัสเซีย โปแลนด์ อิหร่าน ซิมบับเว แคนาดา อียิปต์ เลบานอน ญี่ปุ่น อิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว กรมประมงตรวจสอบพบว่าการกรอกข้อมูลส่งออกในระบบมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อน 212 ครั้ง จากการส่งออกปลาสวยงามทั้งหมดมากกว่า 24,000 ครั้ง เมื่อมีการเรียกร้องให้มีการพิสูจน์ความผิดชอบของบริษัทเอกชนที่นำเข้าปลาหมอคางดำเพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ปลาแล้ว สังคมควรกระตุ้นหน่วยงานภาครัฐให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของการส่งออกปลาหมอคางดำในกลุ่มปลาสวยงาม เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่มีบริษัทใดในกลุ่มผู้ส่งออกที่สามารถยืนยันได้ว่าปลาที่ส่งออกไปประเทศปลายทางเป็นปลาชนิดใด ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำกคัญในการไขข้อสงสัยที่ยังถกเถียงกันเรื่องการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำในประเทศไทย