เมื่อวันที่ 8 พ.ค.67 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊ก "Paisal Puechmongkol" ระบุว่า สื่อสหรัฐ voa แฉบิ๊กแม้ว ประสานการเจรจากลุ่มต่างๆในพม่า 

ชัดเจนว่า บิ๊กแม้วไม่ได้กลับมาเลี้ยงหลานดังว่า และคงถือว่าได้แผ่นดินมาครองแล้ว ก็สามารถทำอะไรได้ตามใจชอบ 

เพราะเรื่องนี้นายกเศรษฐาก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยทราบ เรื่องที่บิ๊กแม้วไปเจรจากับฝ่ายต่างๆในพม่า 

ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศก็บอกว่ายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ดังนั้นจึงห้ามคนคิดไม่ได้ว่าบิ๊กแม้วท่านเข้าไปจัดการเรื่องนี้ โดยมองไม่เห็นหัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเลย

Voa แฉว่า มีการเจรจามาตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน 2567 แล้ว ซึ่งแสดงว่า มีการประสานงานเรื่องนี้ตั้งแต่บิ๊กแม้วอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจแล้ว

ทว่าบิ๊กแม้วจับเรื่องนี้เหมือนกับการเล่นกับไฟ คือจับตรงไหนก็ร้อน ถูกตรงไหนก็ร้อน คงเหลือแต่ว่าไฟจะไหม้มือไหม้ตีน ไหม้หน้า ไหม้ตา ตรงไหนเท่านั้นเอง

ปัญหาของบิ๊กแม้วคือท่านเข้าใจว่าท่านเป็นอัจฉริยะในทุกเรื่อง สามารถทำอะไรได้ดีเด่นทุกเรื่อง ซึ่งความจริงไม่เป็นเช่นนั้น

 พลเอกพัฒน์ อัคนนิบุตร เพื่อนซี้ลุงจิ๋ว อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นักยุทธศาสตร์คนสำคัญของประเทศ เคยบอกว่า บิ๊กแม้วท่านไร้เดียงสาในเรื่องความมั่นคง 

จริงไม่จริงก็ให้ดู ปฐมบทการเกิดเหตุปล้นปืนที่บ้านปิเหล็งเมื่อปี 2547 มาจนถึงกรณีตากใบ กรือเซะ ก็แล้วกันว่าบานเป็นกระด้งถึงวันนี้ ฉิบหายกันไปเท่าไหร่แล้ว ก็จะเข้าใจว่าฝีไม้ลายมือด้านความมั่นคงของบิ๊กแม้วเป็นอย่างไร

การเข้าไปประสานฝ่ายต่างๆในพม่านั้น อาจสำเร็จก็ได้แต่ว่าหนทางนี้น้อยและแคบมาก

แต่ด้านที่จะเป็นวิกฤตและปัญหา ตลอดจนผลกระทบต่อประเทศไทยและรัฐบาลนั้นใหญ่หลวงนัก 

แล้วประเทศไทยก็มีหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วย ที่จัดการดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว ควรต้องปรึกษาหารือกันก่อนว่าจะทำอย่างไร ไม่ใช่จัดการอะไรไปแต่ลำพังตัวคนเดียว

ผมไม่ตำหนิบิ๊กแม้วในเรื่องนี้ เพราะเล็กน้อยกว่าเรื่องที่บิ๊กตู่เอาประเทศไทย ไปเข้าร่วม ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก กับสหรัฐ ที่ถือจีนเป็นภัยคุกคาม ที่ต้อง ปกป้องกันกำจัดขัดขวาง ทุกมิติ แม้ว่าจะต้องทำสงครามแก่กัน ซึ่งสร้างความฉิบหายวายวอด มากที่สุดให้แก่ประเทศชาติ ในปัจจุบันนี้


#ไพศาลพืชมงคล #ทักษิณชินวัตร #เศรษฐาทวีสิน #ข่าววันนี้