ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล นักวิจัย อดีตรองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายนักวิชาการด้านการเฝ้าระวังด้านนโยบาย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) กล่าวว่า ปัจจุบันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable diseases - NCDs) เป็นสาเหตุที่ทำให้คนทั่วโลกเสียชีวิต องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) รณรงค์ให้ทั่วโลกมีมาตรการในการควบคุมโรค NCDs แม้ในประเทศไทยจะมีมาตรการในหลายด้านและได้อาศัยกลไกกระบวนการต่าง ๆ ในระดับชาติเป็นหลัก เพื่อขับเคลื่อนดำเนินการป้องกันควบคุมโรคทั่วประเทศ แต่การเจ็บป่วยด้วยโรค NCDs ยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่ของคนไทย โดยมีผู้เสียชีวิตถึง 368,872 คน ในปี พ.ศ. 2557 (คิดเป็นร้อยละ 67 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด 549,172 คน) อันดับหนึ่งเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด 122,581 คน โรคมะเร็ง 96,988 คน โรคเบาหวาน 30,529 คน และโรคปอดเรื้อรัง 22,531 คน ภาวะความดันโลหิตสูงทำให้เสียชีวิต 52,318 คน ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง 29,179 คน และภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน 30,986 คน
และหากจำแนกสาเหตุการเสียชีวิตจากพฤติกรรมเสี่ยง พบว่า การสูบบุหรี่ก่อให้เกิดการเสียชีวิต 54,610 คน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 21,843 คน การบริโภคผักและผลไม้ไม่เพียงพอ 21,650 คน และการขาดกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ 11,453 คน ภาระโรคที่วัดด้วยจำนวนปีสุขภาวะที่สูญเสียไป (Disability adjusted life year DALY) ของโรค NCDs เท่ากับ 10.5 ล้าน DALYS คิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนปีสุขภาวะที่สูญเสียไปจากโรคทุกชนิดรวมกัน ตามเป้าหมายขององค์กรอนามัยโลกใน 10 ปี คือปี พ.ศ. 2568 ต้องลดการเจ็บป่วยจากโรคไม่ต่อต่อเรื้อรัง NCDs ได้ร้อยละ 25 แนวคิดหนึ่งที่นิยมในต่างประเทศคือ การทำงานหลายภาคส่วน (Multi Sectoral Collaboration: MSC) แบบดั้งเดิม ซึ่งคือการใช้วิธีการทำงานกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงต่างๆ
“แต่เดิมการแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพเราจะมองไปที่กระทรวงสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อกลับมามองที่ปัญหาโรค NCDs จะเห็นได้ว่าเกี่ยวข้องกับกระทรวงอื่นด้วย เช่น การเพิ่มพื้นที่ออกกำลังกาย จะไปที่กระทรวงมหาดไทยหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ดูแลพื้นที่นั้น ๆ หรือถนนหนทางไปที่กระทรวงคมนาคม เรื่องอาหารโรงเรียนต้องไปทำงานกับกระทรวงศึกษาธิการ แนวคิดการทำงานแบบหลายภาคส่วน ซึ่งหมายถึง การที่กระทรวงสาธารณสุขจะต้องทำงานกับกระทรวงต่างๆนอกภาคสาธารณสุข จึงเป็นแนวคิดสำคัญในการแก้ไขปัญหา NCDs”
ดร.นพ.บัณฑิต กล่าวอีกว่า และเพื่อเป้นการยกระดับการทำงานหลายภาคส่วนที่มีประสิทธิผลปฏิบัติได้ และยั่งยืน เพื่อป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังด้วยวิธีการสื่อสารความรู้แบบครอบคลุมโดยมีผู้ใช้ความรู้เป็นศูนย์กลาง ร่วมกับภาคีต่างๆได้ทดลองใช้กลไกการทำงานหลายภาคส่วนแนวใหม่เข้ามาขับเคลื่อน การขับเคลื่อนการทำงานหลายภาคแนวใหม่นี้ คือ การทำงานกับ ผู้บริหารและนักวิชาการระดับกลาง คือ ระดับกอง ของกรมและกระทรวงต่างๆ มีชื่อเรืยกโดยย่อในโครงการวิจัยนี้ คือ “คนในที่ใช่” ซึ่งหมายถึง คนในกระทรวงต่างๆนอกภาคสาธารณสุขที่มีความเข้าใจ เห็นความสำคัญและมีความต้องการที่จะทำงานควบคุมปัญหา NCDs ภายใต้พันธกิจของกระทรวงนั้นๆ ด้วยความสมัครใจ (ซึ่งเรียกได้ว่ามีฉันทะ) มาหนุนเสริมการทำงานหลายภาคส่วนแบบดั้งเดิมที่มุ่งทำงานกับผู้บริหารระดับสูงเป็นหลักเพียงอย่างเดียว ซึ่งมักเกิดปัญหา คือ บ่อยครั้งที่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงต่างๆนอกภาคสาธารณสุขจะไม่ได้เห็นความสำคัญของการควบคุมปัญหา NCDs เท่าทีควร เพราะคิดว่าการแก้ปัญหา NCDs ไม่ใช่พันธกิจหลักของกระทรวงนั้นๆ
จึงเป็นที่มาของแนวคิดการทำงานในรูปแบบ Multi-Sectoral Collaboration แนวใหม่ (MSC) ที่เน้นการทำงานในภารกิจที่ทุกฝ่ายสนใจร่วมกัน โดยพิจารณาเลือกนโยบายที่อยากทำร่วมกันทุกฝ่าย ขับเคลื่อนงานโดยไม่ต้องรอคำสั่งแต่เริ่มทำได้เลย โดยใช้ชุดข้อมูลที่แต่ละคนมีมารวมกันแล้วร่วมพิจารณาความเป็นไปได้ในการสร้างนโยบายใหม่ที่จะส่งเสริมเรื่องสุขภาพให้กับคนในสังคม เสนอต่อระดับบริหารต่อไป ยกตัวอย่างการทำงานที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ว่า ในขั้นเตรียมการได้ทำไปแล้ว โดยมีผู้มีส่วนร่วมเลือกนโยบายที่มีความเฉพาะเจาะจง เล็กพอ และมีความเป็นไปได้ ปัจจุบันอยู่ในช่วงการทดลองปฏิบัติการซึ่งคนในที่ใช่จากแต่ละกระทรวงได้ทำงานกับคนของกระทรวงสาธารณสุขในการขับเคลื่อนประเด็นนโยบายนั้น ๆ
การทำงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราเลือกทำประเด็นการบูรณาการข้อมูลสารพิษตกค้างในผักและผลไม้สดระดับชาติ เพราะหากข้อมูลที่มีอยู่ ไม่ดี ไม่ชัดเจน จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาสารพิษตกค้างให้ถูกต้อง ตรงจุดได้ ตัวอย่างคือ วันนี้เรายังไม่รู้ว่า สารพิษตกค้างที่ผักหรือผลไม้สดชนิดใดมากที่สุด และด้วยสาพิษตกค้างอะไร
การทำงานกับกระทรวงศึกษาธิการ เราได้เริ่มต้นการบูรณาการกิจกรรมในและนอกหลักสูตรที่ส่งเสริมสุขภาพให้กับเด็กและเยาวชน ที่ผ่านมามีกิจกรรมโครงการด้านสุขภาพต่าง ๆ มากมายที่ริเริ่มโดยภาคีภาคสาธารณสุข ต่างคนต่างเข้ามาทำงานร่วมกับโรงเรียนต่าง ๆ แบบแยกย่อยกันอยู่ ทุก ๆ โครงการที่เข้าไปที่โรงเรียนทั้งในรูปแบบนโยบายและกิจกรรมล้วนต้องการเวลาจากชั้นเรียน ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระงานของครูและนักเรียน จากปัญหานี้จึงทำการรวบรวมข้อมูลเดิมทั้งหมดไปให้ฝ่ายสาธารณสุข แล้วร่วมกันหารือว่าควรจะมีรูปแบบเชิงระบบอย่างไรที่จะสามารถสนับสนุนฝ่ายการศึกษาให้ไปทำงานต่อได้โดยไม่เป็นการเพิ่มภาระที่ไม่จำเป็น จากแนวคิดนี้น่าจะส่งผลให้การเรียนการสอนประเด็นสุขภาพสำหรับนักเรียนประถมและมัธยมเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ภาระโรงเรียนลดลง และเกิดประโยชน์ต่อทั้งฝ่ายสาธารณสุขและฝ่ายการศึกษา
ในระดับประเทศ NCDs เป็นปัญหาที่กำลังต้องการการขับเคลื่อนอย่างเข้มข้นและพัฒนาวิธีใหม่ๆที่ได้ผลดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในระดับบุคคลประชาชนจะต้องดูแลตนเองด้วย โดยประชาชนทุกคนต้องพึงตระหนักถึงผลของการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นมิตรต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วยการรับประทานอาหารที่ลด หวาน มัน เค็ม และเพิ่มกิจกรรมทางกาย เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทุกคนสามารถทำให้กับตนเองได้