จากกรณีเด็กชายวัย 1 ปี 4 เดือน เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มและศีรษะฟาดพื้น ในห้องน้ำ หัวปูดโน แม่จึงพาไปโรงพยาบาลบางจาก หลังเข้ารับการรักษา ทางโรงพยาบาล ได้ส่งน้องไปสแกนสมองอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ระหว่างเดินทางพยาบาลได้หยิบยาให้น้องกิน โดยแจ้งว่าเป็นยานอนหลับ เพื่อให้น้องไม่ดิ้นตอนเข้าเครื่องสแกนสมอง สักพักน้องมีอาการปากซีดขาว แม่จึงแจ้งพยาบาลว่าน้องมีอาการผิดปกติ แต่พยาบาลบนรถบอกให้น้องกินให้หมด จากนั้นปรากฏว่า อาการของน้องทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว จึงรีบนำเข้าห้องฉุกเฉิน เพื่อใส่เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากน้องมีอาการตาลอย โดยแพทย์ที่รักษาต่อแจ้งว่า ยาที่น้องกินเข้าไปนั้นเป็นกรด โรงพยาบาลจึงได้ประสานโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อส่งตัวน้องไปรักษาต่อ โดยล่าสุดน้องยังมีอาการน่าเป็นห่วงเนื่องจากตอนที่มาถึงโรงพยาบาลรามาฯ น้องมีเสียงหายใจที่ค่อนข้างแหบ แพทย์เกรงว่ากรดจะกัดกร่อนหลอดลม เบื้องต้นได้ให้ยานอนหลับน้องเพื่อให้น้องพักผ่อนรอดูอาการ โดยแพทย์แจ้งว่าพรุ่งนี้จะมีการส่องกล้องตรวจภายในอวัยวะของน้อง เพื่อดูว่ามีอวัยวะภายในส่วนไหนได้รับความเสียหายจากกรดหรือไม่
ล่าสุด วันที่ 8 ธันวาคม 2566 เวลา 15.00 น. ที่โรงพยาบาลบางจาก ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ นายแพทย์ วันฉัตร ชินสุวาเทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางจาก ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมบอกว่า ได้มีการพักงานเจ้าหน้าที่จ่ายยาคนดังกล่าวแล้ว และทางโรงพยาบาลยินยอมเยียวยาชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับน้องและครอบครัว
ในส่วนของทางญาติของน้องนั้น ยังติดใจกับเหตุผลที่ทาง ผอ.รพ.ให้การแถลง โดยเฉพาะความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่คนที่จ่ายยาให้กับน้อง ทางครอบครัวยืนยันไม่ต้องการตัวแทนรับผิดชอบ แต่ต้องการให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ออกมาแสดงตัว ออกมาพูดคุยและขอโทษด้วยความจริงใจ
ขณะที่กลุ่มจิตอาสา"เป็นหนึ่ง"ช่วยเหลือประชาชน ได้เปิดเผยภาพขวดยา TCA ที่เจ้าหน้าที่จ่ายยาให้น้องกิน โดยอ้างว่าหยิบผิดเนื่องจากมีบรรจุภัณฑ์คล้ายกันกับยานอนหลับ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักทำให้เด็กมีอาการโคม่าและทรุดลงในเวลาต่อมาอย่างรวดเร็ว
ด้าน นายแพทย์ วันฉัตร ชินสุวาเทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางจาก กล่าวว่า ขออนุญาตชี้แจงข้อมูลเบื้องต้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับเด็กชาย วัฒนชัย เบื้องต้นก็คือทราบมาว่าน้อง หกล้มได้ มีปัญหาที่ศีรษะ เลยจะส่งตัวไปรับการรักษาสแกนสมอง ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ แต่ในระหว่างที่สแกนสมอง จำเป็นที่จะต้องมีการ ให้ยาเพื่อให้น้อง มีอาการเคลิ้มเพื่อที่จะง่ายต่อการตรวจ ประเด็นก็คืออาจจะมีการคลาดเคลื่อน เตรียมยาที่จะให้น้องหลับ เป็นยาตัวหนึ่งที่มีฤทธิ์เป็นกรด จึงทำให้ตอนให้ยายกับน้อง น้องจึงเกิดอาการระคายเคืองขึ้นมา
ซึ่งขณะเกิดเหตุน้องอยู่ในรถฉุกเฉิน หลังจากนั้นจึงนำเข้าห้อง ฉุกเฉินที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อรับการดูแลเบื้องต้น หลังจากนั้นน้อง ก็หายใจติดขัด จะทำการใส่ท่อช่วยหายใจ และนำส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี สาเหตุมาจากเริ่มต้นโดยที่น้องป่วย เราก็ประเมินเบื้องต้นว่าน้องซึม เราอาจจะต้องสนใจในเรื่อง เลือดออกในสมองหรือเปล่าเราเลยต้องส่งน้องไปที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อสแกนสมองเนื่องจากโรงพยาบาลบางจากไม่มีเครื่อง ในเรื่องของประเด็น การใช้ยาคาดว่าน่าจะสื่อสารคลาดเคลื่อนในเรื่องของขั้นตอนการเตรียมยา
โดยขณะนี้ทางโรงพยาบาลกำลังสอบสวนอยู่ ซึ่งได้ประสานกับทางจังหวัดเส้นทางจังหวัดให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากทางโรงพยาบาลเตรียมรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ ส่งไปทางจังหวัดและคณะกรรมการสอบสวน ขึ้นมา รายละเอียดอยู่ในช่วงจัดเก็บข้อมูลเพื่อส่งจังหวัด ซึ่งกำลังพิจารณาดูอยู่ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น หลังจากเกิดเหตุขึ้นเราเองก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยง ทั้งหมดอยู่ในระหว่าง การสอบสวนข้อมูลเพิ่มเติม
สำหรับมูลนิธิเป็นหนึ่ง กล่าวว่า ขั้นตอนของการร้องเรียน เกี่ยวกับเรื่องทางเจ้าหน้าที่เภสัชให้ยาผิดกับน้อง ทางเราได้ติดต่อไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ชลนาถ ศรีแก้ว และให้เลขาท่านติดต่อเรามา เมื่อตอนที่เราอยู่โรงพยาบาลรามา ซึ่งตอนนี้ให้รับเป็นเคสพิเศษเร่งด่วน ทางกระทรวงจะมีการเยียวยา ในส่วนของทางครอบครัว แต่ในส่วนของทางโรงพยาบาลซึ่งอยู่ใน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข เส้นทางจากสวนจะประสานงานมาที่นี่ติดตามอาการน้องก็คือจะรับผิดชอบให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ท่านรัฐมนตรีจะลงมาตรวจสอบเอง และจะให้ความเป็นธรรมกับทางครอบครัวผู้เสียหายแน่นอน โดยจะไม่เข้าข้างคนกระทำความผิด เพราะว่าอันนี้มันชัดเจนอยู่แล้วเป็นการให้ยาผิดอย่างแน่นอน
ส่วน นางสาวสุภัทรา แม่ของเด็กชายวัฒนชัยได้เล่าว่า ไม่ได้ข่าวหรือทราบอาการน้องเลยตั้งแต่เมื่อคืน พอเข้าไปน้องมีอาการสั่นตลอด เนื่องจากไข้ขึ้นสูง 40 ต้องเช็ดตัวตลอดเวลาแล้วทีนี้คือ น้องต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ สายแหย่ทางจมูกเพิ่มขึ้นอีก 1 สาย ซึ่งตนเองไม่แน่ใจว่าเป็นสายอะไร นอกจากนี้ยังมีการเจาะสายทางคอ เพื่อ ที่จะให้สารอาหารเพราะต้องงดข้าวงดน้ำ 100% ต้องให้สารอาหารน้องเพื่อไปฟื้นฟูกระเพาะ ที่ว่าโดนตัวยาดังกล่าวทำลาย เนื่องจากตั้งแต่ลำคอลงไป เป็นแผลเล็กน้อยแต่ที่อันตรายคือกระเพาะ ซึ่งทางโรงพยาบาลรามาแจ้งว่าต้องดูอาการน้องประมาณ 1 สัปดาห์ และต้องดูอาการอย่างใกล้ชิด แล้วเขาไม่สามารถส่องกล้อง ตลอดเวลาได้เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อกระเพาะของน้อง เราใจไม่ดีตรงที่หมอบอกว่าอาจจะมีกระเพาะรั่ว หนูเลยถามว่าน้องมีสิทธิ์รอดไหม เขายังตอบหนูไม่ได้เลย แจ้งไม่ได้ 100% แต่จะช่วยให้เต็มที่

