วันที่ 4 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหารระดับสูงจากทุกหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงแรงงาน รับพี่น้องแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยซึ่งเดินทางกลับประเทศไทยเพิ่มอีกจำนวน 6 ราย ด้วยเที่ยวบินที่ LY081 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 13.55 น. ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
โดยนายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้แทนของกระทรวงแรงงาน มาร่วมรับพี่น้องแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย ซึ่งขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับครอบครัวของพี่น้องแรงงานไทยทุกคนที่ได้รับการปล่อยตัวจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ซึ่งในปัจจุบันนี้มีแรงงานที่ถูกจับเป็นตัวประกันและได้รับการปล่อยตัว เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วรวมจำนวนทั้งสิ้น 23 ราย
พร้อมกันนี้ขอแสดงความห่วงใยถึงพี่น้องแรงงานไทยที่เหลืออีกจำนวน 9 ราย และขอให้ญาติของแรงงานมั่นใจได้ว่ารัฐบาลไทย กระทรวงแรงงาน และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามอย่างเต็มที่ ในการดำเนินการประสานทุกฝ่าย เพื่อเร่งช่วยเหลือให้พี่น้องแรงงานไทยที่เหลือทั้งหมดให้ได้รับการปล่อยตัวและเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อพบครอบครัวในเวลาที่รวดเร็วที่สุด
ซึ่งในส่วนการช่วยเหลือของกระทรวงแรงงาน ในวันนี้ได้จัดรถไปส่งแรงงานไทยที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จำนวน 3 ราย เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยมีเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางานดอนเมืองอำนวยความสะดวกดูแล สำหรับแรงงานไทย 2 ราย ที่จะเดินทางต่อเครื่องจากสุวรรณภูมิไปยังภูมิลำเนานั้นจะมีเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิอำนวยความสะดวกดูแลเช่นกัน นอกจากนี้ แรงงานจังหวัดและหน่วยงานในกำกับ จะลงพื้นที่ไปยังบ้านของแรงงานไทยเพื่อดูแลเรื่องเอกสาร เนื่องจากเอกสารทั้งหมดของแรงงานไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยอำนวยความสะดวกในการแปลและเรียบเรียงเอกสาร
พร้อมกันนี้ยังได้ชี้แจงสิทธิประโยชน์ความช่วยเหลือต่างๆแก่แรงงานและญาติของแรงงานได้รับทราบเพื่อให้แรงงานไทยได้รับสิทธิประโยชน์ได้อย่างรวดเร็วที่สุด รวมทั้ง ยังได้เตรียมตำแหน่งงานทั้งในประเทศและในต่างประเทศให้กับผู้ที่เดินทางกลับมาจากอิสราเอลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกรมการจัดหางานจะได้สอบถามความสมัครใจของแรงงานเพื่อหางานให้ตรงกับความต้องการอีกครั้ง ซึ่งครอบคลุมถึงการประกอบอาชีพอิสระและการเข้ารับการฝึกทักษะด้านอาชีพเสริมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานด้วย
ทั้งนี้ นายอารี ยังกล่าวต่อว่า สิทธิประโยชน์และเงินช่วยเหลือจากประเทศไทยที่แรงงานไทยที่ถูกจับกุมตัวจะได้รับนั้น ประกอบด้วย 1.เงินจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยแรงงานไทย เป็นสมาชิกกองทุนฯ จะได้รับเงินสงเคราะห์กรณีภัยสงคราม รายละ 15,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบแรงงานไทย จำนวน 6 ราย พบว่า เป็นสมาชิกที่อยู่ในความคุ้มครองของกองทุนฯ จำนวนทั้ง 6 ราย / 2.หากแรงงานไทยดังกล่าวประสบปัญหาด้านร่างกายหรือจิตใจ ยังจะได้รับเงินสงเคราะห์ จากกองทุนฯ รายละ 30,000 บาท โดยต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ (ใบรับรองแพทย์) / 3.เงินสด ซึ่งกระทรวงแรงงานได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือมาจากสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับการปล่อยตัวในเบื้องต้นทุกราย รายละ 10,000 บาท
ส่วนสิทธิประโยชน์และเงินช่วยเหลือจากอิสราเอลที่แรงงานไทยที่ถูกจับกุมตัวจะได้รับ ประกอบด้วย 1.เงินช่วยเหลือจากอิสราเอล ก้อนแรกจำนวน 10,000 เชคเกล หรือประมาณ 100,000 บาท ในรูปแบบบัตรเงินสด ที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก ซึ่งได้รับมาจากอิสราเอลเรียบร้อยแล้ว / 2.แรงงานไทยทุกรายที่ถูกจับกุมตัวจะได้รับเงินช่วยเหลือซึ่งนอกจากเงินก้อนแรกข้างต้นนั้น ในช่วง 6 เดือนแรก แรงงานไทยจะได้รับเงิน 6,900 เชคเกลต่อเดือน ซึ่งคิดเป็นเงินไทยประมาณเดือนละ 60,000 บาท รวมถึง หากแรงงานไทยได้รับการประเมินจากแพทย์ว่าได้รับผลกระทบด้านร่างกาย หรือจิตใจ สามารถนำใบรับรองแพทย์ไปยื่นกับสำนักงานประกันสังคมอิสราเอลเพื่อประเมินขอรับเงินช่วยเหลือรายเดือนหลังจาก 6 เดือนได้ โดยแต่ละรายจะได้รับเงินไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการประเมินของสำนักงานประกันสังคมอิสราเอล ด้านค่าชดเชยอื่นๆ ของสำนักงานประกันสังคมอิสราเอล แรงงานไทยทั้ง 6 รายได้กรอกข้อมูลและยื่นคำร้องเรียบร้อยแล้ว โดยสำนักงานประกันสังคมอิสราเอล จะส่งให้สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป / 3.เงินค่าจ้างค้างจ่ายและเงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง (เงินปิซูอิม) นั้น อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ จะเร่งตรวจสอบติดตามกับนายจ้างเพื่อดำเนินการจ่ายค่าจ้างส่วนที่ยังค้างจ่าย เงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง (ปิซูอิม) ต่อไป
สำหรับรายชื่อแรงงานไทยในอิสราเอลที่เดินทางกลับ จำนวน 6 ราย มีดังนี้ 1.นายพัฒนายุทธ ต้อนโสกรี ภูมิลำเนา จ.นครพนม 2.นายโอวาส สุริยะศรี ภูมิลำเนา จ.ศรีสะเกษ 3.นายไพบูลย์ รัตนิล ภูมิลำเนา จ.หนองบัวลำภู 4.นายกง แซ่เล่า ภูมิลำเนา จ.เชียงราย 5.นายจักรพันธ์ สีเคนา ภูมิลำเนา จ.อุดรธานี และ 6.นายเฉลิมชัย แสงแก้ว ภูมิลำเนา จ.นครพนม


