"ดีเอสไอ" เร่งสางคดี "หมูเถื่อน"ลุยออกหมายจับ "ชิปปิ้งเอกชน" เพิ่มอีก 3 ราย หลังหลักฐานโยงมีพฤติการณ์รับเงินนายทุนนำเข้าซากหมู พร้อมออกหมายจับกลุ่มนายทุน คาดเข้ามอบตัว 15 พ.ย.นี้
ที่กองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 13 พ.ย.66 พ.ต.ต.สุริยา สิงกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงคดีหมูเถื่อน ว่า ดีเอสไอได้รับดำเนินคดีในของกลางจำนวน 161 ตู้ ซึ่งตกค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ทำให้พนักงานสอบสวนพบการกระทำความผิดในกลุ่มแรก ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชนนำเข้าสินค้า ในส่วนนี้พนักงานสอบสวนได้มีการดำเนินการไปแล้ว โดยมีการแจ้งข้อหากับบุคคล 6 ราย หรือ 5 บริษัท ประกอบด้วย 1.น.ส.มณีวรรณ จิรวรวงศ์ อายุ 38 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท อาร์.ที.เอ็น.โอเวอร์ซี จำกัด 2.นายโดม วัจนคุปต์ อายุ 45 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เดอะ คิวบ์ โลจิสติกส์ จำกัด 3.น.ส.นัทธมน สมบุญ อายุ 42 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท กู๊ด วอเตอร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด 4.นายณัฐวุฒิ กันพร้อม อายุ 32 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของห้างหุ้นส่วนจำกัด กันตา ไทยโฟรเซ่นฟิช KANTA THAI FROZEN FISH LIMITED PARTNERSHIP 5.น.ส.เจนจิรา พรรัตนกุล อายุ 40 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของห้างหุ้นส่วนจำกัด กันตา ไทยโฟรเซ่นฟิช KANTA THAI FROZEN FISH LIMITED และ 6.นายศักดา ทองถนอม อายุ 51 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท มายเฮ้าส์ เทรดดิ้ง จำกัด MY HOUSE TRADING CO.,LTD. ในความผิดฐานนำของผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และความผิดฐานนำเข้า ส่งออกหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน เตรียมดำเนินการออกหมายจับกลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชนนำเข้าสินค้าเพิ่มเติมอีก 3 ราย (ขอสงวนชื่อ-นามสกุลไว้ก่อน) เนื่องจากทั้งหมดนี้ได้รับว่าจ้างจากกลุ่มนายทุนให้นำเข้าซากสุกรแช่แข็งมายังราชอาณาจักรจากไทยโดยผิดกฎหมาย
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าอีกเรื่องคือพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสืบสวน และพบว่ากลุ่มบริษัทที่นำเข้ามาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ได้มีการนำเข้าในลักษณะหมูเถื่อน โดยมีแผนประทุษกรรมคล้ายกัน จำนวน 2,385 ตู้ ซึ่งดีเอสไอได้ทำการแยกเป็นคดีพิเศษอีกเลขคดีหนึ่ง และอยู่ระหว่างการสืบสวน ซึ่งในกลุ่มนี้เองทำให้เราได้พบกับกลุ่มนายทุนที่เป็นผู้ว่าจ้างให้กลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชนนำเข้าซากสุกรแช่แข็ง และปัจจุบันนี้คณะพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตรวจสอบพยานหลักฐาน นอกจากนี้ ดีเอสไอยังได้รับความร่วมมือจากทางผู้แทนของกรมปศุสัตว์ ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ที่รู้ข้อมูลเป็นอย่างดีมาให้การกับทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ถือเป็นความร่วมมือที่ได้มีการประสานกันมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับความคืบหน้าอีกเรื่องคือ ในกลุ่มที่สอง หรือกลุ่มนายทุน พนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายจับจำนวน 2 บริษัท (หรือ 2 ราย) ได้แก่ 1.นายวิรัช ภูริฉัตร อายุ 69 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด WEALTY & HEALTHY FOODS CO.,LTD. และบริษัท เดอะ กู๊ด ช็อป จำกัด THE GOOD SHOP CO.,LTD 2.นายธนกฤต ภูริฉัตร อายุ 42 ปี (บุตรชายของนายวิรัช ภูริฉัตร) ในความผิดฐานโดยหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้น ๆ โดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้นและนำเข้า ส่งออกหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 243 มาตรา 244 และ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 31 ประกอบมาตรา 68 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 นับเป็นข่าวดีเพราะผู้ต้องหาได้พยายามติดต่อที่จะเข้ามอบตัว โดยคาดว่าทั้งคู่จะเข้าพบพนักสอบสวนไม่เกินวันพุธที่ 15 พ.ย. เพื่อเข้าให้ปากคำ
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ถือเป็นตัวการสำคัญที่จะทำให้พนักงานสอบสวนทราบได้ว่าของกลางที่ได้ยึดอายัดไว้นั้น และรวมถึงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ไปตรวจค้นที่ห้องเย็นแห่งหนึ่งภายใน จ.สมุทรสาคร และได้อายัดเนื้อหมูแช่แข็งไว้อีก 75 ตัน ก็จะใช้สำหรับสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ด้วยว่าใครเป็นเจ้าของเนื้อหมูทั้งหมด เพราะทั้งคู่ก็เป็นเจ้าของเนื้อหมูบางส่วนที่นำไปฝากไว้ที่ห้องเย็นดังกล่าว