เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์วิกฤติ!!! เหลือน้ำต้นทุนใช้ได้เพียง 27% "ไชยา" สั่งกรมฝนหลวงฯ เร่งเติมน้ำ รับมือเอลนิโญ เตรียมชง "นายกฯ" ของบประมาณสนับสนุนเครื่องมือและบุคลากรรับมือทุกภารกิจ
วันที่ 28 ก.ย.66 นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังแถลงนโยบายและแนวทางการดำเนินงานปฏิบัติการฝนหลวง ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง สนามบินนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ว่า ปฏิบัติการเติมน้ำในเขื่อนแบบเต็มอิ่ม รองรับสภาวะเอลนีโญ โดยสั่งการให้ทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตรประสานงานกับกรมชลประทาน ให้ติดตามสถานการณ์การเพาะปลูกและดำเนินการช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง รวมถึงปฏิบัติการฝนหลวงอย่างเต็มอิ่มในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูฝนนี้ เพื่อให้มีปริมาณน้ำต้นทุนเพียงพอสำหรับรองรับความต้องการน้ำ และป้องกันสถานการณ์ภัยแล้งจากสถานการณ์เอลนีโญที่จะส่งผลกระทบไปจนถึงกลางปี 2567 ตามแนวทางการขับเคลื่อนงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งเน้นให้เกษตรกรอยู่ดีมีสุข มีรายได้มั่นคง ภาคการเกษตรแข็งแกร่ง เน้นการทำงานบูรณาการงานอย่างเข้มแข็ง รับมือภัยธรรมชาติด้วยการวางแผนอย่างชัดเจน เพื่อรับมือตั้งแต่การป้องกัน แก้ไข และฟื้นฟู เมื่อประสบเหตุภัยแล้งและภัยพิบัติทุกชนิด และการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งกำชับให้ระวังและหลีกเลี่ยงพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัยด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบแก่พื้นที่การเกษตรและประชาชน ทั้งนี้ได้เน้นย้ำเรื่องประสิทธิภาพ ความพร้อมของอากาศยาน อุปกรณ์ และเครื่องมือในการปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฝนหลวงแบบ เต็มอิ่มในพื้นที่ภาคกลางบริเวณลุ่มรับน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อเติมน้ำต้นทุนและช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร โดยแบ่งเป็น 4 ภารกิจ จากการระดมกำลังจาก 3 หน่วยปฏิบัติการ ได้แก่ ภารกิจที่ 1 การก่อเมฆ โดยหน่วยฯ นครราชสีมา ใช้เครื่องบิน CN 1 ลำ ภารกิจที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน โดยหน่วยฯ ลพบุรี ใช้เครื่องบิน CASA 2 ลำ ร่วมกับหน่วยฯ กาญจนบุรี ใช้เครื่องบิน CARAVAN 2 ลำ ก่อนเติมสารฝนหลวง ณ หน่วยฯ ลพบุรี เพื่อทำภารกิจที่ 3 เลี้ยงเมฆซ้ำ ในพื้นที่เป้าหมายเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในก้อนเมฆให้มากที่สุด และภารกิจที่ 4 โดยหน่วยฯ นครราชสีมา ใช้เครื่องบิน Super King Air 1 ลำ บินปฏิบัติการโจมตีเมฆเย็น เพื่อเพิ่มปริมาณฝนให้ตกมากขึ้น เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจการระดมกำลังปฏิบัติการฝนหลวงอย่างเต็มอิ่ม
"ปัญหาปริมาณน้ำต้นทุนทั่วประเทศขณะนี้ เหลือไม่ถึงร้อยละ 50 โดยเฉพาะในพื้นที่เขื่อนภาคกลาง ประกอบด้วย เขื่อนสิริกิต์ เขื่อนแควน้อย เขื่อนภูมิพล และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำกักเก็บที่ใช้การได้เพียงร้อยละ 27 ซึ่งจะเกิดผลกระทบในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาแน่นอนในช่วงฤดูแล้ง เพราะปีนี้ประเทศไทย กำลังประสบปัญหาเอลนิโญ อีกทั้งพบว่าปริมาณอ่างเก็บน้ำสำคัญ 27 อ่างก็มีน้ำในอ่างไม่ถึง 100 ล้าน ลบ.ม.การเติมน้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเตรียมน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้"
ขณะนี้เพื่อเตรียมการรับมือกับภัยแล้ง “เอลนิโญ” ได้รายงาน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับภารกิจ เพื่อดึงเอา กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เข้าไปร่วมสู้วิกฤตภัยแล้ง ทั้งนี้จะขอสนับสนุนงบประมาณให้กับกรมฝนหลวงฯ เนื่องจากเครื่องบินฝนหลวงที่ใช้ในการทำเมฆเย็นที่ระดับความสูงเกิน10,0000ฟุตขึ้นไป เครื่องบิน SKA ซึ่งปัจจุบัน มีเพียง 3 ลำที่สามารถบินทำฝนได้สูงเกิน 10,000 ฟุต จะไม่เพียงพอกับการพัฒนาเสริมศักยภาพในด้านต่างๆ ทั้งเครื่องมือและบุคลากรเพื่อเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจ จึงจำเป็นที่ต้องมีเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน




