โชคไม่เข้าข้าง เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย รวบ 2 หนุ่มไทยได้พร้อมรถยนต์กระบะ 1 คัน คาด่าน ขณะทำพิธีการทางศุลกากร เตรียมข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว แต่สำแดงข้อมูลอันเป็นเท็จป้ายทะเบียนปลอม สารภาพเป็นเพียงคนรับจ้าง


เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2566 ( เวลาประมาณ 15.30 น.) ที่ ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย ฝั่งขาออก นายสมบัติ ฆ้อนทอง ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร ,นายวศินพิศุต พุทธนิมนต์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม,นายพัฒนพงศ์ ตันติวัฒนกุลชัย หัวหน้าฝ่ายบริการศุลกากร 1 ส่วนบริการศุลกากรที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่งร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายชัยรัตน์(สงวนนามสกุล)​ อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดอุบลฯ และนายสุทธิพงษ์ (สงวนนามสกุล)​ อายุ 22 ปี ชาวจังหวัดมุกดาหาร พร้อมรถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร  ขณะทำพิธีการทางศุลกากร เตรียมข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว แต่เจ้าหน้าที่พบเป็นการสำแดงข้อมูลเท็จและป้ายทะเบียนปลอม  ภายใต้การอำนวยการของนายวุฒิ  เร่งประดุงทอง นายด่านศุลกากรหนองคาย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรหนองคาย 
การจับกุมครั้งนี้เมื่อวันที่ 23 ก.ย 2566 (เวลาประมาณ 09.30 น. ) ขณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในด่านตามปกติได้มี นายชัยรัตน์  (สงวนนามสกุล)​ ได้ขับรถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน  กรุงเทพมหานคร เข้ามาที่ช่องรถยนต์ส่วนบุคคล ขาออกไป สปป.ลาว มีนายสุทธิพงษ์(สงวนนามสกุล)​นั่งรอในรถ  เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นป้ายทะเบียนรถยนต์คันกล่าวเป็นป้ายทะเบียนปลอม เนื่องจากไม่มีตราของกรมการขนส่ง จึงได้ทำการตรวจอย่างละเอียดพบเอกสารสำเนารายการจดทะเบียนรถยนต์ เป็นหมายเลขทะเบียนเพชรบูรณ์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น Hilkux พบเอกสารสัญญาซื้อขาย และพบมีการดัดแปลงหมายเลขตัวถังรถยนต์และหมายเลขเครื่องยนต์ เพิ้อให้ตรงตามเอกสารที่สำแดงต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อนำรถยนต์ออกนอกราชอาณาจักร 


เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองคนยังให้การปฏิเสธ พวกตนเป็นเพียงคนรับจ้างจากคนที่รู้จักให้ขับรถคันดังกล่าวข้ามไปส่ง สปป.ลาว ซึ่งคนจ้างได้ข้ามไปรอที สปป.ลาว ก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา กับทั้ง 2 คน สำแดงข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หลงผิดในข้อเท็จจริง ขณะกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเพื่อนำรถยนต์คันดังกล่าวออกราชอาณาจักร กรณีจึงเป็นการกระทำความผิดฐานสำแดงเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้าม ข้อจำกัดของต้องจำกัดในการนำรถยนต์ส่วนบุคคลออกไปในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามมาตรา 202,244 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 ประกอบ มาตรา 7 ที่แก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 152 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 จากนั้นได้ควบคุมตัวพร้อมรถยนต์ของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย :