ภายหลังจากห่างหายไปนาน หลังจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้ออกมาเปิดโปงนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดทนายกฯและบริษัทแสนสิริขณะนั้น จากนั้นก็ได้หายตัวไป โดยไม่ได้มีการโพสต์เรื่องราวใดๆในโซเชียลมีเดียเลยนับตั้งแต่วันที่ 21ส.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดนายชูวิทย์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวโพสต์บนเพจ”ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์”ด้วยข้อความว่า ชีวิต-ชูวิทย์ พร้อมกับแชร์เพจที่ชื่อว่า”Long De by Livereal” ถึงคำให้สัมภาษณ์
โดยเท่าที่ได้ถอดความคร่าวๆของการให้สัมภาษณ์ความว่า ชีวิตผมก็เหมือนโรงละครโรงหนึ่ง เมื่อแรกเริ่มเปิดโรงละคร ผ้าม่านก็เปิดขึ้น จนกระทั่งมาถึงวันนี้ โรงละครโรงนี้ก็ใกล้จะปิดฉากลง ไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าช้า ไม่ว่าเร็ว ผ้าม่านก็จะต้องปิดหมด
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ผมจะเล่าเรื่องราวต่างๆในชีวิตของผมให้ฟัง ผมเกิดและเติบโตที่เยาวราช ในชีวิตวัยเด็กผมนั้น เป็นชีวิตที่ค่อนข้าง จะเหมือนกับคนที่ เด็กที่เติบโตมาอย่างไร้ทิศทาง เหตุผลเพราะว่า ผมเป็นคนที่ห่างจากพี่ชายคนรองผมถึงสิบกว่าปี ดังนั้นในเมื่อพี่ชายผมยังเป็นหนุ่ม ผมยังเป็นเด็ก แม่ผมมักจะบอกผมว่า ผมนั้นไม่ใช่ลูกเค้าหรอก เพราะมีคนมาซื้อผ้าห่ม ที่บ้านผมขายผ้าห่ม ขายเสื้อผ้า ก็จะเหมือนมีคนมาฝากไว้ และเค้าบอกว่าฝากไว้เดี๋ยวมาเอา และเค้าก็ไม่กลับมา
ผมจะไม่เหมือนพี่ชายผมทุกๆคน เพราะเกเร เมื่อโตขึ้น แม่ผมก็นำผมไปฝากไว้โรงเรียนประจำ เมื่ออยู่โรงเรียนประจำ ก็ต้องต่อสู้กับชีวิตในวัยเด็กอันเป็นเรื่องปกติ การดำเนินชีวิตของผมก็เติบโตมาจนกระทั่งเข้าช่วง30 ด้วยความที่ผมรักอบายมุข ชีวิตของผมอยู่กับอบายมุขมาตลอด บ้านผมอยู่เยาวราช ติดกับโรงจั้มบ๊ะ ถ้าใครไม่รู้จักกับโรงจั้มบ๊ะ ผมก็จะบอก โรงจั้มบ๊ะก็คือการแก้ผ้า มันก็จะเหมือนหนังคาบาเร่ต์ ผู้หญิงก็จะมาแก้ผ้า ตีตั๋วให้ดู10บาท ที่นั้นก็คือโรงจั้มบ๊ะ ก็จะมีคนแถวเยาราชเข้ามาดู ที่นั่นก็คือโรงจั้มบ๊ะฮั่วลัก ใจกลางเยาวราช ในขณะนั้นผมอายุ10กว่าขวบการดำเนินชีวิตของผมเติบโตมาท่ามกลางอบายมุขมีซ่องโสเภณี
ไม่ไกลจากบ้านผมก็จะมีวัดวัดหนึ่ง เค้าเรียกวัดใหม่ยายแฟง ยายแฟงก็เห็นว่าทำบาปทำกรรมมา เพราะเป็นเจ้าของซ่อง ก็เลยสร้างวัด ในวัยเด็กผมก็จะเรียกวัดใหม่ยายแฟง ในปัจจุบันก็คือวัดคณิกาผลก็คือผลอันเกิดจากคณิกา คณิกาก็คือโสเภณี
ผมเติบโตมาจนกระทั่งได้ไปอเมริกา แม่ผม พ่อผมก็คิดว่าผมไปเรียนหนังสือ แต่ผมไม่ได้เรียน ชีวิตผมจะตะเวณไปเรื่อย เคยขายไอติม กระทั่งขับรถขายไอติม ไปขายให้กับเด็ก จนผมกลับมาที่ประเทศไทย ผมก็ตกมาดวงอบายมุขอีก ผมก็มาทำอบายมุขอีก ขีวิตของผมนั้นถ้าใครถามว่ามีจุดประสงค์ใด มีเป้าหมายใด ผมไม่เคยมีเป้าหมายในชีวิต ใครถามผมว่าแพลนของชีวิตคืออะไร ผมก็บอกว่าแผนขีวิตของผมคือไม่มีแผน เพราะผมเรียนรู็มาจากการที่ผมผิดหวัง
เพราะผู้ที่ไม่วางแผน ก็จะพบกับแผนที่ถูกกำหนดโดยคนอื่น คุณไม่สามารถจะวางแผนของคุณได้ ไม่ว่า คุณปรารถนาอยากวางแผนอย่างไรก็ดี แผนของคุณจะไม่เป็นไปตามแผนเด็ดขาด เหตุที่ผมรู้อย่างงั้น เพราะผมรู้ว่านิสัยของพระเจ้า ท่านชอบกลั่นแกล้ง เมื่อคุณหวังสิ่งใด คุณจะไม่เคยได้สมหวัง เมื่อคุณไม่หวังสิ่งใด คุณก็จะได้ในสิ่งที่คุณไม่คิดว่าคุณจะได้
ผมไม่เคยคิดว่าผมจะต้องมาทำธุรกิจ ผมไม่เคยคิดว่าผมจะต้องมาติดคุก ผมไม่เคยคิดว่าผมจะมีเงิน ผมคิดว่าวันที่ผมทำธุรกิจ ผมแค่เอาพอกินพอใช้ ขอให้ไม่อดไม่อยาก แต่ดวงผมนั้น มาตกลงที่ผมได้เงิน ผมมีเงินเยอะจนผมไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร แต่ก็บอกแล้ว ชีวิตเนอะ คุณไม่สามารถกำหนดได้ วันหนึ่งคุณก็จะเจอกับเหตุการณ์ ที่จู่ๆนี่ ก็จะมีคนเข้ามาในชีวิตคุณ เข้ามาเสนอขาย ในสิ่งที่คุณก็ไม่เคยคิดว่าคุณจะได้ซื้อ นั่นก็คือที่ดินอยู่แปลงหนึ่ง มาขาย ผมก็ซื้อ ที่ดินแปลงนี้ก็จะทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป ถ้าเปรียบดั่งเส้นกราฟ ของชีวิตคนเรา ก็จะขึ้นๆจะลงๆ แต่เมื่อไปเจอจุดๆนี้ เส้นมันก็จะดำดิ่ง หรือเส้นมันจะขึ้นสูงสุด มันอยู่ที่จุดๆนี่เท่านั้นเอง จุดชะตาชีวิตจะทำให้คนเปลี่ยนไปเลย คุณอาจจจะเปลี่ยนไปตอนอายุ 20 หรือ40 หรือ 30 หรือ 50 มันไม่ได้สาย หรือเร็วเกินไป แต่ชีวิตคุณนั้น บางคนก็ราบเรียบ บางคนก็มีชีวิตที่โลดโผน เหมือนดังในละคร ที่มีคนกำหนดไว้ มีคนเขียนบทไว้ โดยที่คุณไม่รู้ ในบทละครนี้ ผมเคยเป็นทั้งพระเอก ผมจะไม่ได้เป็นพระเอกได้ยังไง ผมเป็นเจ้าของอาบอบนวด การเป็นเจ้าของอาบอบนวด ด้วยเจ้าของคนเดียว ที่มีผู้หญิงทำงานกับผม 6 ที่ ที่ละ 200-300 คน อย่างงี้เป็นต้น จนเล่าเรื่องราวสัพเพเหระเรื่องอื่นต่อ
จนมาถึงตอนท้ายในการสัมภาษณ์ นายชูวิทย์ ได้ตบท้ายว่า “คุณไม่มีทางที่คุณจะประสบความสำเร็จในการมองคนได้ ถ้าคุณไม่หลากหลายเพียงพอ ความหลากหลายมันยังสอนผมอีก ผลักดันให้ผมข้าไปในคุก ผมติดคุกอยู่หลายรอบ ทั้งหมดคือ 3 รอบ ชีวิตในการติดคุก ทำให้ผมเรียนรู้ชีวิตของคนก่อนจะก้าวเข้าสู่ความตาย อย่างที่เขาบอก มึงไม่ตาย ก็ต้องติดคุก มึงไม่ติดคุก มึงก็ต้องตาย ดังนั้นจากการหมดสิ้นอิสรภาพ ก็คือ การที่คุณต้องตาย ผมอยู่ในคุก ผมได้เรียนรู้ผู้คนต่างๆ ไม่ว่า ติดคุกเพราะข่มขืน ฆ่า คุกพระเจ้าไม่ได้สร้างขึ้น มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง เมื่อมนุษย์สร้างขึ้นคุกขึ้นมา และนำมนุษย์ทั้งหลายมาขังรวมกัน สันดาปดิบ ทุกสิ่งทุกอย่าง คุณไม่สามารถปิดบังตัวคุณได้ในสถานที่แคบๆ ตัวตนคุณเป็นอย่างไร ไม่สามมารถบิดพลิ้ว ไม่มีทางที่จะเสแสร้าง ดังนั้นในคุกทำให้ผมเรียนรู้คนที่เห็นตัวสุด คนที่มีเล่ห์เหลี่ยม มันเสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น
คุณรู้ไหมว่า ในสังคมใดที่เป็นสังคมที่เงียบ ทุกๆคนเงียบ เสียงกระซิบเบาๆ มันจะแสดงถึงเสียงที่ทรงพลังที่สุด นั่นคือสิ่งที่กำลังจะบอกคุณ เวลาที่ผมจะเปิดเผยเรื่องอะไร มันจะเป็นเรื่องราวที่ทุกคนเงียบ เงียบเพราะตัวเองได้ประโยชน์ เช่นตำรวจ ตำรวจจะเงียบเพราะตัวเองได้ผลพลอยได้ เช่นนักเลง หรือแม้กระทั่งนักการเมือง ทุกๆคนเงียบหมด เหมือนกับที่ผมบอกว่า ในสังคมที่ทุกคนเงียบ เสียงกระซิบเบาๆ มันจะทรงพลังที่สุด
อย่าคิดว่า ไม่มีผมแล้ว ทุกอย่างเหมือนเดิมนะ อย่าเอาตัวเอง เป็นไก่ ที่ขัน และไก่ ก็หลงผิด คิดว่า ทุกครั้งที่ตัวเองขัน พระอาทิตย์จะขึ้น จนกระทั่งเกิดความหลงตัวเองทุกครั้งที่ตัวเองขัน ทุกครั้งที่ไก่ขัน พระอาทิตย์จะต้องขึ้น ไก่ไม่ขัน ไก่ตายไป พระอาทิตย์ก็ยังขึ้นอยู่ดี ดังนั้น การที่มีผม หรือไม่มีผม มันไม่ความแตกต่างกันเลย แม้แต่นิดเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังดำเนินอย่างปกติ เพียงแต่มีคนคนหนี่งหายไปเท่านั้นเอง”