จากกรณี นางสาวกนกวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ได้หอบหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารปึกใหญ่ ร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว ว่า ถูกหญิงคนหนึ่งสุมหัวกับพวกร่วมกันหลอกลวงเธอให้ต้องสูญเงินกว่า 5 ล้านบาท จนกลายเป็นหนี้สินก้อนโต แถมครอบครัวแตกแยก สามีขอแยกทางเนื่องจากรับหนี้สินดังกล่าวไม่ไหว ทำให้ นางปิ่น (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี ผู้เป็นมารดา รู้สึกกลัวว่าลูกสาวจะคิดสั้น เหมือนในข่าว ฆ่า 3 ศพ เหยื่อแก๊งมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้

          ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 4 กันยายน 2566 ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ นางสาวกนกวรรณ ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติม กับ ร.ต.ท.กันตพัฒน์ ชาวดอน รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ

         จากการสอบถาม นางสาวกนกวรรณ บอกว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตนมาให้ปากคำเพิ่มเติม ให้รายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับคู่กรณี พร้อมหลักฐานบางส่วนที่สำคัญทั้งหมด เช่น ข้อมูลการแชท และข้อมูลการโอน มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนโอนไปทั้งหมด 117 ครั้ง รวมเป็นยอดประมาณ 5.7 ล้านบาท

         นางสาวกนกวรรณ บอกอีกว่า หลังจากมาแจ้งความ คู่กรณีเหมือนเขาน่าจะรู้หลักกฎหมาย เขาคงรู้กระบวนการในชั้นศาล ว่า ทำเหมือนเยียวยา โทษมันอาจจะน้อยลงหรือเปล่า ก็คือมีการโอนเงินกลับมาส่วนหนึ่ง บางทีก็ 5 พัน หมื่นนึง ตนก็จำไม่ได้ว่าเขาโอนกลับมากี่ครั้งแต่ละครั้งยอดไม่เยอะ แต่รวมอยู่ไม่เกิน 2 แสนบาท ล่าสุดที่โอนเข้ามาเมื่อวันศุกร์ที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ตอนแรกเขาจะไม่โอน โดยปกติ 10 วัน 15 วัน เขาจะโอนมาที ตนก็ไม่ไหว เพราะสิ้นเดือนตนมีหนี้ที่ต้องจ่ายเจ้าหนี้บัตรเครดิต ที่จะต้องขึ้นศาลเพราะโดนฟ้อง และเงินกู้ต่าง ๆ ตนก็บอกเขาว่ายังไงก็ต้องช่วยหามาให้บ้างเขาโอนมา 5 พัน คือเขาก็ไม่เคยทำตามที่พูดได้เลยสักครั้งนึง เหมือนเขารู้เรื่องกฎหมาย และเขาใส่กำไลอีเอ็มอยู่ด้วย ก็คงไม่กลัวอะไรแล้ว เพราะเอากำไลอีเอ็มมาให้เราดู ว่าเขาติดกำไลจริง ๆ เขาโดนคดี ลูกแชร์ และเท้าแชร์ ฟ้อง