นครพนม ศุลกากร ขานรับผู้ว่าจัดระเบียบท่าทราย สั่งตรวจสอบอายัดท่าทรายนำเข้าผิดกฎหมาย เลี่ยงเสียภาษี หลังพบข้อมูลคลิปเสียงหลุด ดีลลับอ้างผู้มีอำนาจหน่วยงานเจ้าท่า เอื้อประโยชน์ ใช้ช่องว่างกฎหมาย ช่วยเหลือเลี่ยงภาษีนำเข้า พบปัญหาแนวทางปฏิบัติไม่ชัดเจน เป็นโอกาสเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับส่วย


    เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้าเกี่ยวกับแนวทางการจัดระเบียบท่าทราย ของ นายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นครพนม เพื่อป้องกันปัญหาลักลอบนำเข้าหินทรายจากแม่น้ำโขงผิดกฎหมาย อีกทั้งวางมาตรการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับส่วย จนกระทั่งมีมือมืด ออกมาแฉคลิปเสียงหลุด ของบุคคลอ้างเป็นผู้มีอำนาจในหน่วยงานสำนักงานเจ้าท่า สาขานครพนม ที่อ้างว่า มีอำนาจในการดูแลเอื้อประโยชน์ช่วยเหลือผู้ประกอบการ ใช้ช่องว่างกฎหมายในการแสวงหาประโยชน์จากการดูดหินทราย ส่อไปในทางทุจริตเรียกรับส่วย ทั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมเจ้าท่า แต่ทางสำนักงานกรมเจ้าท่า สาขานครพนม ยังบ่ายเบี่ยงไม่ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง


    ล่าสุด นางนิภาวรรณ ใยบัวเทศ นายด่านศุลกากรนครพนม พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ออกมายืนยัน ในฐานะเป็น 1 ในหน่วยงานที่กำกับดูแลผู้ประกอบการท่าทราย ว่า ได้ดำเนินการตามกฎหมายทักขั้นตอน และมีอำนาจหน้าที่เพียงดูแล การนำเข้าแค่ฝั่งไทย ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบว่ามีการซื้อขายถูกต้องหรือไม่ ระหว่างฝั่ง สปป.ลาว หากมีเอกสารหลักฐานการนำเข้าตามระเบียบ ถือว่าสามารถนำเข้าหินทรายได้ตามกฎหมาย 


    ขณะเดียวกันทางผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับปัญหาผู้ประกอบการท่าทราย มีปัญหายืดเยื้อมานาน ถึงแม้จะมีการอนุญาตดูดหินทราย ทั้งตามมาตรา 9 พรบ.ที่ดิน ที่มีการดูดในประเทศ รวมถึงการนำเข้าระหว่างประเทศ ตามมาตรา 86 วรรสอง ของ พรบ.ศุลกากร แต่ยังมีปัญหาเรื่องความชัดเจน เกี่ยวกับการขออนุญาตนำเข้า เนื่องจากมีปัญหาเรื่องน่านน้ำที่ยังไม่มีหน่วยงานยืนยันได้ว่า น่านน้ำเป็นของไทย หรือทาง สปป.ลาว ทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ประกอบการ โดยที่ผ่านมีการยึดหลักในการดูดหินทรายนำเข้าระหว่างประเทศ จะต้องดูดในพื้นที่น่านน้ำชายแดนลาว แต่เป็นการประมาณด้วยระยะสายตา แต่ไม่มีข้อตกลงระหว่างประเทศ จึงเป็นช่องว่างทางกฎหมาย ที่เอื้อให้หน่วยงานภาครัฐ บางหน่วยงานเอื้อประโยชน์กับผู้ประกอบการท่าทราย เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ในการช่วยเหลือการนำเข้าเลี่ยงภาษี จนมีปัญหาการแฉพฤติกรรมของคนที่อ้างว่ามีอำนาจ ในหน่วยงานสำนักงานเจ้าท่า สาขานครพนม เพราะผู้ประกอบการบางรายถูกเอาเปรียบเรียกรับเงิน มาตลอด 


ด้าน นางนิภาวรรณ ใยบัวเทศ นายด่านศุลกากรนครพนม เปิดเผยว่า สำหรับการดูแลควบคุมการดูดทราย จะมี 2 รูปแบบ ในส่วนแรก คือ ตามมาตรา 9 ของ พ.ร.บ.กรมที่ดิน เป็นการดูดทรายในประเทศไทย ในสวนของศุลกากรนครพนม ไม่ได้กำกับดูแล แต่จะดูแลในส่วนของ มาตรา 86 วรรคสอง นำเข้านอกทางอนุมัติ โดยก่อนนี้ผู้ประกอบการท่าทรายจะต้องมาขออนุญาตที่ศุลกากรนครพนมโดยตรง จนกระทั่งเมื่อปี 2563 มีการเปลี่ยนแปลงพร้อมจัดตั้งคณะทำงาน ชื่อว่า คณะทำงานจัดทำความเห็นประกอบการขออนุญาตนำเข้าสินค้าทางอื่นนอกจากทางอนุมัติ ตาม พรบ.ศุลกากร มาตรา 86 วรรคสอง มี 17 หน่วยงานร่วมดูแล ทำหน้าที่ดูแล ตรวจสอบการขออนุญาตของผู้ประกอบการดูดทราย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ รวมถึงกระบวนการต่างๆ พิจารณาลงความเห็น ก่อนลงนามอนุญาต จากผู้ว่าราชการจังหวัด 


ส่วนการนำเข้าผู้ประกอบการจะต้องขออนุญาตนำเข้าทุกครั้ง แล้วแต่รูปแบบ มีทั้งรายวัน รายสัปดาห์ แล้วแต่กรณี หากถามว่าระเบียบพิธีการ นำเข้าทางศุลกากรจะรู้หรือไม่ว่า หินทรายที่นำเข้า มาจากฝั่งไทย หรือฝั่งลาว ไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่นอน เป็นการดำเนินการของผู้ประกอบการ ที่นำเข้ามาโดยแจ้งการนำเข้า ในรูปแบบของการซื้อขายกับทางฝั่งลาว โดยมีหน่วยงานศุลกากรเป็นคนดูแลตรวจสอบ การจัดเก็บคิดเพียงภาษีมูลค่าเพิ่มจากราคาซื้อขาย เพราะหินทรายยกเว้นอากร ตามกฎหมาย ยืนยันไม่กังวลเรื่องการนำเข้าเกินความเป็นจริง เพราะมีกระบวนการตรวจสอบ รวมถึงมีกล้องวงจรปิด และประมาณการตามขั้นตอนอย่างละเอียด ในส่วนการตรวจสอบว่าจะนำเข้ามาจากไทย หรือทางลาว ศุลกากรไม่สามารถตรวจสอบได้ มีอำนาจหน้าที่เพียงตรวจสอบปริมาณการนำเข้า ทั้งหินทั้งทราย และไม่จำเป็นต้องนำหินทรายไปพักที่ฝั่งลาว ก่อนนำเข้ามาไทย แล้วแต่การตกลงซื้อขายของผู้ประกอบการ แต่ต้องมีหลักฐานซื้อขายและยื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรทุกครั้ง


กรณีปัญหาเรื่องการนำเข้ามีหน่วยงานตรวจสอบว่า นำเข้าถูกต้องหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่มีอำนาจหน้าที่จะไปตรวจสอบว่าจะต้องมีการนำไปพักไว้ที่ไหน หรือดูดมาจากไหน เพียงตรวจสอบการขออนุญาตนำเข้าในปริมาณที่ถูกต้อง และจะต้องเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ที่ผ่านมายืนยันไม่มีปัญหากระทำผิดกฎหมาย โดยการซื้อขายกับฝั่งลาวเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการ ฝากถึงผู้ประกอบการหากยังมีปัญหายังไม่เข้าใจระเบียบพิธีการนำเข้าหรือส่งออก ให้แจ้งมาทางศุลกากร หรือทำหนังสือมาสอบถาม จะได้วางแนวทางมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด