เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. 66 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง มายื่นหนังสือขอให้ กกต.เร่งพิจารณา และประกาศรับรังรองผลการเลือกตั้งส.ส.โดยเร็วเนื่องจากผ่านการเลือกตั้งมาเกือบ 1 เดือน แต่ก็ยังไม่มีการรับรองส.ส. หากเทียบกับรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่กำหนดให้กกต. รับรองผลภายใน 30 วัน มีการแจกใบเหลือง ใบแดง สั่งเลือกตั้งใหม่ แต่ กกต.อ้างว่าระยะเวลา 30 วัน ไม่สามารถพิจารณาเรื่องร้องเรียน และรับรองผลการเลือกตั้งได้ทัน จึงแก้เป็นภายใน 60 วัน เมื่อเป็นรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ยังไม่มีการแจกใบเหลืองใบแดงเลย นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 โดยรอให้เกือบครบ 60 วันแล้วประกาศรับรอง แจกใบแดงแค่ใบเดียวกรณีเลือกตั้งเชียงใหม่ 

และเลือกตั้งครั้งนี้ มีแค่เรื่องร้องเรียนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมือง ออกมาร้อง เมื่อกกต. เห็นว่าไม่ปัญหาก็ควรเร่งรับรองโดยเร็ว เพื่อให้มีรัฐบาลชุดใหม่มาแทนที่รัฐบาลรักษาการพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งตนเห็นว่าไม่สมควรจะอยู่ทำหน้าที่ต่อแล้ว ควรจะรับผิดชอบด้วยการลาออกกรณีที่พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตก 

ทั้งนี้ หากเขตไหนไม่มีปัญหาก็ควรรับรองไปก่อน ตนเชื่อว่า มากกว่าครึ่งไม่มีปัญหาเรื่องร้องเรียน เพื่อให้เกิดความชัดเจน ว่าใครจะได้เป็นส.ส. และทำให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้เร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ 60 วัน หากไม่มีกรณีต้องแจกใบเหลืองใบแดง 

เมื่อถามถึงกรณีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ที่ถูกร้องเรียนเรื่องการถือหุ้นสื่อ กกต.ควรจะเร่งตรวจสอบเพื่อให้นายพิธาได้เร่งเคลียร์ตัวเองด้วยหรือไม่ นายเอกชัย กล่าวว่า กรณีของนายพิธานั้น ก็เคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งที่พิพากษากรณีนายชาญชัย อิสรเสนารักษ์ อดีตส.ส.จังหวัดนครนายก ที่ถือหุ้นบริษัท AIS 200 กว่าหุ้นไม่เป็นลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น จึงมองว่ากรณีของนายพิธาถือหุ้น 42,000 หุ้น จากหุ้นไอทีวีมีมากกว่า 1.2 พันล้านหุ้น ตนเห็นว่าน้อยมาก ถือหุ้นแค่นี้ แม้แต่ไอในห้องประชุมยังทำไม่ได้ โดยกกต.สามารถหยิบยกคำพิพากษาศาลฎีกากรณีนายชาญชัย มาพิจารณาและตีตกคำร้องการถือหุ้นของนายพิธาได้เลย ไม่จำเป็นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งสถานะของนายพิธาก็ไม่แตกต่างกับสถานะของนายชาญชัย ที่เป็นเพียงผู้สมัคร ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ดังนั้น กกต.จึงพิจารณาได้เลยโดยไม่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นนักเคลื่อนไหว หากผลของคดีนี้เป็นไปในทางลบ จะส่งผลให้คนสนับสนุนออกมาเคลื่อนไหวลงถนนหรือไม่ นายเอกชัย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ สมมติหากกกต.รับรอง ส.ส. และส่งเรื่องนายพิธา ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ หากก่อนการโหวตนายกฯ แล้วศาลยังไม่ได้พิจารณา นายพิธาก็มีสิทธิได้รับการโหวต แต่จะได้เป็นหรือไม่ได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากนายพิธาโดนศาลรัฐธรรมนูญแขวน ก่อนการโหวตนายกฯ เช่นเดียวกับกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ที่สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ กรณีดำรงตำแหน่ง 8 ปี จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้นายพิธา เสียสิทธิแคนดิเดตนายกฯ และต้องไปโหวตคนอื่น ซึ่งตนมองว่าไม่เป็นผลดี หากศาลวินิจฉัยว่าไม่ผิด แล้วไปแขวนเขาทำให้ไม่มีสิทธิได้โหวตเป็นนายกฯ ตนจึงมองว่ากกต.ควรเร่งวินิจฉัยตีตกเลย

เมื่อถามถึงกรณีที่นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ นนทบุรี อดีตนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ออกมาระบุว่า ให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการตัดสินกรณีการถือหุ้นของนายพิธาโดยไม่ลงถนน เพราะที่ผ่านมาประเทศเสียหายเยอะแล้ว นายเอกชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ตนมองว่า ใครจะลงหรือไม่ลงถนน ตามรัฐธรรมนูญก็กำหนดแล้วว่าเป็นสิทธิของประชาชนที่จะแสดงความคิดเห็น ซึ่งการที่ประชาชนจะลงถนนก็มีเหตุผลอยู่แล้ว และการที่จะลงหรือไม่ลง ก็ขึ้นอยู่กับกกต.ว่าทำงานสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ ทั้งการรับรอง ส.ส. ล่าช้า การวินิจฉัยการถือหุ้นสื่อของนายพิธา หากวินิจฉัยได้ดี และถูกต้องก็คงจะไม่มีใครลงถนน แต่หากกกต.พิจารณาล่าช้าหรือกรณีนายพิธาที่ดูแล้วไม่ค่อยเป็นธรรม ก็จะทำให้ประชาชนที่เลือกนายพิธามา 14 ล้านเสียง อาจจะไม่พอใจได้ ก็เป็นสิทธิที่เขาจะเคลื่อนไหวอย่างไร 

เมื่อถามย้ำว่า กรณีนี้ไม่ถือว่าใช้ 14 ล้านเสียงมากดดันให้กกต.ต้องพิจารณาให้ถูกใจมวลชนหรือไม่ นายเอกชัยกล่าวว่า ก็ต้องพิจารณาตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการรับรอง ส.ส. ดังนั้น นายพิธาจึงยังมีสถานะเป็นผู้สมัครซึ่งกกต.สามารถพิจารณาได้เลย ไม่จำเป็นต้องทำให้ยืดเยื้อ 

“ขอฝากกกต. ชุดนี้ถูกครหาว่ามีที่มามาจากคสช. เลยทำให้หลายคนเกิดความระแวง ตั้งแต่การเลือกตั้ง ก็เหมือนเอื้อหรือเข้าข้างไปทางฝ่ายที่ตั้งเขามา ดังนั้น กกต.ก็อย่าทำตัวไปตามที่คนเขาสงสัย อย่างกรณีนี้ คะแนนเสียงออกมาก็โอเค เท่าที่ดู กองเชียร์ทั้งหลายก็พอใจ แต่ที่กำลังจับตา คือกรณีนายพิธา จะถูกสอยเรื่องหุ้น แล้วอย่างที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ออกมาบอกว่าการโดนสอยเรื่องหุ้นนั้น อาจจะทำให้ส.ส. อีก 150 กว่าคนกระเด็นไปด้วย อันนี้คนกำลังจับตาอยู่ว่า กกต.จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร อย่าไปฟังคนที่กำลังจะไปแล้ว แต่ให้พิจารณาตามสิ่งที่ควรทำตามหน้าที่ของคุณ” นายเอกชัย กล่าว