วันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ โบราณสถานสบร่องขุย ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสทร ผวจ.พะเยา เป็นประธานในพิธีทำบุญทักษิณานุปทานอุทิศถวายแด่พญางำเมือง มหาเทวีอั้วเชียงแสน ( สิม ) และเจ้าหน่อแก้วภีระ ( หอเสื้อวัด ) ในโอกาสสมโภชพระรูปและหอคำประจำปี 2566 โดยมีนายเทวา ปัญญาบุญ- นายบำรุง สังข์ขาว รองผวจ.พะเยา ประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าวังทองและประชาชนที่เคารพในพระองค์ฯ เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
นางอั้วเชียงแสนมีพระนามว่า “สิม” หนังสือบางเล่มจึงเรียกพระนางว่า “นางอั้วสิม” โดยคำว่า “นางอั้ว”นั้นไม่ใช่พระนามประจำพระองค์แต่อย่างใด แต่เป็นคำที่หลายแว่นแคว้นใช้เรียกสตรีชั้นสูง (เชียงราย เชียงแสน พะเยา สิบสองปันนา ฯลฯ) การใช้คำว่านางอั้วจะบ่งบอกสถานะว่าเป็นเจ้าหญิงจากเมืองใด อาทิ นางอั้วเชียงแสน เป็นพระราชธิดากษัตริย์เชียงแสน เป็นต้น
นางอั้วเชียงแสนเป็นสตรีที่มีความงามพร้อมเป็นที่ติดตาต้องใจแก่ผู้พบเห็น บั้นปลายชีวิตของนางอั้วเชียงแสนเป็นช่วงเวลาเดียวกับการสถาปนาเมืองเชียงใหม่ เมื่อพญามังรายทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ ได้เชิญพญางำเมืองและพ่อขุนรามคำแหง ร่วมพิจารณาสร้างเมือง เมื่อสร้างเมืองเสร็จแล้ว พญางำเมืองเสด็จกลับ โดยพญามังรายทรงมอบผอบมณีรัตนะ อันเป็นสมบัติต้นวงศ์แห่งลาวลังกราช และทรงเวนคืนเมืองพาน เมืองเชียงเคี่ยน และเมืองเทิงให้ พร้อมกับพระราชทานสตรีชั้นสูงให้อีกผู้หนึ่ง
ฝ่ายพระนางอั้วเชียงแสนทรงทราบว่า พระราชสวามีมีพระชายาใหม่ ก็มีพระทัยโทมนัสยิ่ง รับสั่งให้เสนาอำมาตย์จัดแจงม้าพระที่นั่ง เสด็จออกติดตามพระสวามี หมายจักประหารพระชายาใหม่ให้สิ้นพระชนม์ แต่พระนางก็สิ้นพระชนม์เสียกลางทาง ด้วยเหตุพระทัยแตก พญางำเมืองทรงทราบด้วยความสลดพระทัยยิ่ง แต่มิรู้จะทำประการใดจึงจัดพระราชทานเพลิงพระศพพระนางอั้วเชียงแสนตามประเพณี ต่อมาได้มอบราชกิจต่าง ๆ ในการปกครองบ้านเมืองให้พญาคำแดงราชบุตร แล้วเสด็จไปประทับพักผ่อนที่เมืองงาว หรือเมืองเงิน ปัจจุบันคือ อำเภองาว จังหวัดลำปาง


