เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 29 เม.ย. พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สน.ดอนเมือง พร้อมด้วย พ.ต.ท.พลวรรธน์ พุมสวัสดิ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.วุฒิชัย บุญยู้ สว.สส.สน.ดอนเมือง พ.ต.ต.ภาคิน ดอกไม้ สว.สส.สน.ดอนเมือง พ.ต.ต.ชรินทร์ อินทนาชัย สวป.สน.ดอนเมือง ร.ต.อ.สมโชค คงตำหนิ รอง สว.สส.สน.ดอนเมือง นำกำลังฝ่ายสืบสวน และฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.ดอนเมือง เข้าปิดล้อมจับกุมคนร้ายก่อเหตุเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ซึ่งหลบซ่อนตัวภายในบ้านเลขที่ 2 หรือ 555 ซอยสรณคมน์ 3 แยก 6 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพ
ใช้เวลาปิดล้อมประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนจับกุมตัวก่อนเข้าจับกุมตัวนายชิติพัทธ์ ปานเที่ยง อายุ 37 ปี ไว้ได้พร้อมจองกลาง รถจักรยาน ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน กทม. (ที่ใช้ก่อเหตุ) รูปปั้นรัชกาลร.9 จำนวน 1 องค์ พระเครื่อง 63 องค์ ก่อนจะพาเข้าค้นภายในห้องพักในชุมชน กสบ. พบพระเครื่องอีกจำนวนหนึ่ง รูปปั้นตุ๊กตาจีน 1 องค์ และ พระแก้วมรกต 1 องค์ ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่สน.ดอนเมือง
การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (29 เม.ย.) มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากตนออกไปทำธุระข้างนอก เมื่อกลับมาพบว่าพระพุทธรูป และพระเครื่อง ที่เก็บรักษาไว้ บริเวณหิ้งพระชั้น 2 ของบ้านได้หายไป โดยพบพิรุจหน้าต่างบ้านถูกเปิดออกจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตร.ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในบ้านหลังดังกล่าว และทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเมื่อวานนี้ ( 28 เม.ย.) เวลาประมาณ บ่ายโมง ได้มีชายขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟเอ็กซ์ สีน้ำเงิน-ดำทะเบียน ลษง 293 กรุงเทพมหานคร มาจอดอยู่บริเวณโรงแรมฯที่อยู่ใกล้กับบ้านหลังเกิดเหตุ จากนั้นเดินขึ้นชั้น2 ออกทางประตูหนีไฟด้านหลัง เพื่อปีนข้ามไปบ้านที่เกิดเหตุ และลักเอาพระพุทธรูปและพระเครื่องยัดถุงกระสอบ ก่อนหลบหนีไป
ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พร้อม กองพิสูจน์หลักฐาน พบรถจักรยานยนต์ของคนร้ายมาจอดที่หน้าโรงแรมเจอที่จึงเชื่อว่าคนร้ายน่าจะอยู่ภายในบ้าน จึงประสาน กำลังเข้าปิดล้อม และ และตรวจค้นภายในบ้านทุกซอกทุกมุมจนพบตัวคนร้ายหลบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าบริเวณชั้นสองของบ้านที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวน นายชิติพัทธ์ ยอมรับว่าเข้าไปก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งที่สามจากนั้นได้พา เจ้าหน้าที่ไปตรวจของกลางที่ลักไป โดยนำไปซุกซ่อนไว้ด้านหลังโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งใกล้กับจุดเกิดเหตุ โดยผู้ต้องหายอมรับว่าวานนี้ (28 เม.ย.) ได้เข้าไปลักทรัพย์พระเครื่อง ออกมา จำนวน 1 โถ ก่อนนำไปวางซ่อนไว้ข้างแท้งน้ำ บริเวณหลังโรงแรมที่ติดกับหลังบ้าน จากนั้นนำตัวไปค้นภายในบ้านพัก พบของกลางรูปหล่อรัชกาลที่ 9 วางอยู่บริเวณระเบียงบ้านข้างๆ จำนวน1 องค์
จากการสอบสวนนายชิติพัทธ์ ยอมรับสารภาพว่า ตนเองมีอาชีพเป็นครูสอนขับรถ ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถผ่านบ้านหลังหนึ่งกล่าวซึ่งมองเห็น หน้าต่างห้องพระชั้นสองไม่ได้ปิดประกอบกับลักษณะบ้านคล้ายจะไม่มีคนอยู่จึงแอบ เข้ามาโดยอาศัย ระเบียง โรงแรมด้านหลังบ้าน ปีนเข้ามาภายในบ้านก่อนจะขึ้นต้นไม้แล้วปีนเขาหน้าต่างชั้นสอง ซึ่งครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อนได้เข้าไปลักเอาพระมาสามองค์ และได้ขายให้กับเพื่อนในราคา 3000 บาท ครั้งที่สองเมื่อวานนี้ได้เข้ามาก่อเหตุลักเอาเครื่องออกมาจำนวนหนึ่งโถจากนั้นได้นำไปซ่อนไว้ข้างแท็งก์น้ำโรงแรมข้างข้างกะว่าวันนี้จะมาเอาไปขาย เมื่อมาถึงบ้านกลับเปลี่ยนใจเข้าไปรักรูปหล่อรัชกาลที่ 9 ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้านเป็นจำนวนมากจึงไม่กล้าออกมาโดยอาศัยตู้เสื้อผ้าไปในห้องหลบซ่อนตัวก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุมได้ในที่สุด ยอมรับว่าตนเองไม่ทราบว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของนายตำรวจถ้ารู้ก็คงไม่กล้าเข้ามาก่อเหตุ
ด้าน พ.ต.อ.อดิเรก กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่าพื้นที่ของสน. ดอนเมืองมีการขโมยพระเครื่องอยู่บ่อยครั้งซึ่งหลังจากนี้จะให้เจ้าที่ฝ่ายสืบสวน ตรวจสอบการรับแจ้งความของผู้เสียหายรวมถึงประสานให้ผู้เสียหายเข้ามาดูฟ้าของกลางที่ตรวจค้นได้ภายในบ้านพัก และติดตามของการที่คนร้ายนำไปขายมาคืนเจ้าของ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา ลักทรัพย์ในเคหะสถาน ก่อนนำตัว ผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า บ้านหลังที่เกิดเหตุเป็นบ้านของ พล.ต.ต.วิบูลย์ศักดิ์ สิทธิเดชะ อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้ว และเสียชีวิตลงเมื่อปี 2558


