สนามเลือกตั้ง ส.ส.ขอนแก่น ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งสนามรบที่สำคัญและดุเดือดอย่างมาก ซึ่งทุกพรรคการเมืองล้วนต่างหมายมั่นปั้นมือกับเก้าอี้ ส.ส.อันทรงเกียรติแห่งนี้ให้ได้ ซึ่งจากข้อมูลการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ขอนแก่น มีทั้งหมด 10 เขตเลือกตั้ง โดยพรรคเพื่อไทย กวาดเรียบ 7 ที่นั่ง โดยพรรคพลังประชารัฐได้ 2 ที่นั่งและพรรคอนาคตใหม่ได้ 1 ที่นั่งขณะที่การเลือกตั้งปีนี้ กกต.ได้กำหนดเขตเลือกตั้งใหม่หลังจำนวนประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของ จ.ขอนแก่น มีมากกว่า 1.4 ล้านคน จึงต้องมีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่เป็น 11 เขตและมี ส.ส.ได้ 11 คน ซึ่งจากการเปิดรับสมัครที่ผ่านมา ทั้ง 11 เขตเลือกตั้ง มีผู้สมัครลงรับเลือกตั้งทั้งหมด 165 คนจาก 20 พรรคการเมือง
เขตเลือกตั้งที่ 1 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ประกอบด้วยเขตเทศบาลนครขอนแก่น,ต.พระลับ และ ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น เดิมเก้าอี้ ส.ส.แห่งนี้เป็นของพรรคอนาคตใหม่ ก่อนที่ตัว ส.ส.จะย้ายพรรคไปซบพรรคภูมิใจไทย โดยสรุปยอดผู้สมัครรับการเลือกตั้งครั้งมีทั้งหมด 17 คน หากวัดขุมกำลังแล้วนั้นเขต 1 ขอนแก่น เดิมเป็นเก้าอี้ของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดแต่การเลือกตั้งที่ผ่านมากระแสพรรคอนาคตใหม่มาแรง จึงทำให้ครั้งนี้เป็นการบ้านหนักของชัชวาล พรอมรธรรม อดีตรองนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ที่สวมเสื้อพรรคเพื่อไทยลงสนามการเมืองใหญ่ครั้งแรกในชีวิต โดยมีคู่ต่อกรคือ ฐิตินันท์ แสงนาค จากพรรคภูมิใจไทย อดีต ส.ส.เดิมเจ้าของพื้นที่ และบุญฤทธิ์ พาณิชย์รุ่งเรือง อดีต รองนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น โดยมีตัวสอดแทรกคือวีนันท์ ฮวดศรี จากพรรคก้าวไกล ซึ่งหากวิเคราะห์การเลือกตั้งในเขตนี้มั่นใจว่าเพื่อไทย จะกลับมายึดเก้าอี้ได้อีกครั้งง แม้โพลสำรวจต่างๆจะเทให้ก้าวไกลและรวมไทยสร้างชาติก็ตาม
เขตเลือกตั้งที่ 2 เรียกได้ว่าเป็นเขตช้างชนช้าง ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งหมด 16 คน เจ้าของพื้นที่เดิม อย่าง”เสี่ยต้อม” นายวัฒนา ช่างเหลา อดีต ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ยังคงลงสมัครรับการเลือกตั้งอีกครั้ง โดยมีคู่ต่อกรที่สำคัญคือ น.ส.รัมภามาศ ฑีฆธนานนท์ จากพรรคเพื่อไทย ที่ลงสนามการเมืองครั้งแรกในชีวิตในนามพรรคเพื่อไทย ขณะที่ตัวสอดแทรกที่จะตัดคะแนนได้มากคงนี้ไม่พน นายอิทธิพล ชลธราศิริ จากพรรคก้าวไกลและนายพัฒนา นุศรีอัน จากพรรคพลังประชารัฐ และหากให้มีการประเมินพื้นที่ต้องยอมรับว่าการวางฐานการเมืองของวัฒนา ช่างเหลา ยังคงเป็นต่อผู้สมัครจากค่ายต่างๆอยู่เยอะมาก และด้วยการทำงานการเมืองเป็นทีม เป็นที่รักใคร่ของคนในชุมชน เข้าถึงง่ายไม่ถือตัว งานบุญ งานแต่ง งานบวช งานศพ งานชุมชน ไม่เคยขาด เก้าอี้ ส.ส.ขอนแก่นเขต 2 คนขอนแกนยังคงเทคะแนนให้”เสี่ยต้อม”เช่นเดิม แต่ก็ประมาทคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทยไม่ได้
เขตเลือกตั้งที่ 3 เลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครทั้งหมด 15 คน โดยเจ้าของพื้นที่เดิมที่ไม่มีใครมาแย่งไปได้ของนายจตุพร เจริญเชื้อ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ยังคงเป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าเก้าอี้ ส.ส.เขตนี้ต่ออีกสมัยด้วยกระแสแลนด์สไลด์ แต่เมื่อมาดูคู่ต่อกร ไม่ว่าจะเป็นนายชัชวาล โนนใหม่ จากพรรคภูมิใจไทย อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระนวน ที่เพียบพร้อมด้วยกระแสและปัจจัยการผลิตด้านปัจจัย รวมไปถึงนายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง จากพรรคก้าวไกล มือขวาสายตรงจากหัวหน้าพรรคที่ส่งลงสนามที่บ้านเกิด โดยมีตัวสอดแทรกที่สำคัญคือนายพงศกรณ์ เสาทน จากพรรคชาติไทยพัฒนา เรียกได้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เขตนี้หืดขึ้นคอเลยทีเดียวเพราะ 1 คะแนนก็มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนโผเลือกตั้งได้เลยทีเดียว แต่โดยภาพรวมนั้นเขตนี้พรรคภูมิใจไทยมีโอกาสที่สอดแทรกขึ้นมาได้ถ้าไม่แผ่วปลายเสียก่อน
เขตเลือกตั้งที่ 4 นับเป็นเขตที่มีผู้สมัคร ส.ส.เยอะที่สุดคือ 20 คนจาก 20 พรรคการเมือง เป็นสนามเลือกตั้งที่ทุกคนยกให้เป็นช้างชนช้าง ของจริง เมื่อนายเอกราช ช่างเหลา แกนนำพรรคภูมิใจไทยภาคอีสานตอนบน ที่ตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.เขตเพื่อประกาศต่อกรกับ นางมุกดา พงษ์สมบัติ จากพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่หลายสมัย ที่หวังโหนกระแสเพื่อไทยแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่เมื่อได้สัมผัสพื้นที่พบว่ากระแสเปลี่ยนนั้นมีเยอะมาก ประกอบกับกระสุน ปัจจัยการผลิตที่มาเหนือกระแส ทำให้ เอกราช ช่างเหลา เป็นต่อในเขตนี้อย่างมาก เพราะฝ่ายปกครองและท้องถิ่น ประกาศขอเปลี่ยนตัว ส.ส.พื้นที่อ่างชัดเจน แต่ก็มีตัวสอดแทรกและตัดคะแนนได้มากไม่ว่าจะเป็น นายวุฒิรักษ์ แพงดาแก้ว จากพรรคก้าวไกล,นายธนากร สงวนความดี จากพรรคไทยสร้างไทยแม้กระทั่งนายณรงค์เลิศ สุรพล จากพรรคพลังประชารัฐ แต่เซียนปากกาในพื้นที่ยกให้เอกราช จากพรรคภูมิใจไทย คว้าชัยในสนามนี้อย่างแน่นอน ถ้าไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองเสียก่อน
เขตเลือกตั้งที่ 5 ,ผู้สมัครทั้งสิ้น 16 คน เขตเลือกตั้งนี้ยืนยันชัดเจนว่า “เสี่ยซัน” นายภาควัต ศรีสุรพล จากพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่ยังคงครองใจคนขอนแก่น ที่จะกลับมารักษาเก้าอี้ตัวนี้ได้อีกอย่างแน่นอน โดยมีคู่ต่อกรท่าสนใจ อย่าง “ดร.เปี๊ยก” นายวุฒิพงศ์ ศุภรมย์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ,นายศักดิ์เกษม ศรีพลเรือน จากพรรคภูมิใจไทย และนายวิรัตน์ ปัดโต จากพรรคประชาธิปัตย์ และแม้จะเป็นเขตเลือกตั้งติดกับจังหวัดข้างเคียงแต่การทำงานอย่างหนักและครองใจคนภูเวียง,เวียงเก่า ของตระกูลศรีสุรพล มาตั้งแต่รุ่นพ่อ จนส่งต่อมาถึงรุ่นลูก รวมทั้งกระแสเพื่อไทยแลนด์สไลด์ฟันธงได้ว่าเขตนี้เพื่อไทย ได้เก้าอี้ ส.ส.แบบไม่ยากเลยทีเดียว
เขตเลือกตั้งที่ 6 มีผู้สมัครรับการเลือกตั้งครั้งนี้ 15 คน เจ้าของพื้นที่เดิมคือ นายสิงหภณ ดีนาง จากพรรคเพื่อไทย ที่การสมัครรับการเลือกตั้งครั้งนี้ยังคงลงสมัครเพื่อขอรักษาเก้าอี้ไว้ แต่เมื่อดูคู่ต่อสู้แล้วนั้น ยอมรับว่าเพื่อไทย ต้องทำการบ้านอย่างหนักเลยทีเดียว เพราะพรรคภูมิใจไทย ตัดสินใจส่งนายวิศรุต ปู่เพ็ง อดีต ส.อบจ.พื้นที่ที่มีฐานการเมืองท้องถิ่นและฝ่ายปกครอง ให้การสนับสนุนและรักเหมือนลูกเหมือนหลาน ขณะที่พรรคร่วมไทยสร้างชาติ สายตรง”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา ส่ง น.ส.เพชรมณีย์ สันติเมทนีดล ลงสนามแข่งขัน โดยมีตัวสอดแทรกสำคัญคือนายสานิตย์ พระโบราญ จากพรรคก้าวไกลและนายสำราญ ศรีภา จากพรรคพลังประชารัฐ เขตเลือกตั้งที่ 6 นี้ ทุกคะแนนมีความหมายอย่างมากเลยทีเดียว
เขตเลือกตั้งที่ 7 การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครลงรับการเลือกตั้งทั้งหมด 15 คน โดยในการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทย แต่ก็มีการเลือกตั้งซ่อม เมื่อ นายนวัธ เตาะเจริญสุข ถูกศาลสั่งจำคุก และเมื่อเลือกตั้งซ่อม พรรคพลังประชารัฐ ส่งนายสมศักดิ์ คุณเงิน ลงสนาม ก็ได้รับชัยชนะมา ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ส่งน้องชายของนายนวัธ คือนายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข อดีต ส.อบจ.เขต อ.หนองเรือ ลงสนามเลือกตั้งการเมืองขนาดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต ต่อกรกับตัวเก๋าทางการเมืองอย่างสมศักดิ์ คุณเงิน จากพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่เสื้อแดงกลับใจ นายนาวิน คำเวียง ที่ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย เขตเลือกตั้งนี้เรียกได้ว่าสู้กันสนุก โดยมีตัวตัดคะแนนที่สำคัญคือนายรุ่งวิชิต คำงามจากพรรคก้าวไกล และนายปริญญ์ ศรีภักดี จากพรรคไทยสร้างไทย แต่ถึงอย่างไรด้วยกระแสเพื่อไทยแลนด์สไลด์ จะทำให้พรรคเพื่อไทยยึดเก้าอี้เขตนี้ได้อีกสมัย
เขตเลือกตั้งที่ 8 ที่การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครเพียง 13 คน เป็นเขตเลือกตั้งใหม่ ที่ กกต.ประกาศขึ้นจากจำนวนประชากรของคนขอนแก่น ที่เยอะขึ้น จึงกลายเป็นผู้สมัครหน้าเก่าในเขตใหม่ แทบทั้งสิ้น ดังนั้นฟันธงเขตนี้พรรครวมไทยสร้างชาติมีลุ้นอย่างมาก เมื่อได้ นายธนิก มาสีพิทักษ์ ที่ประกาศสวมเสื้อพรรคลุงตู่ มาลงสมัครรับการเลือกตั้งในเขตนี้ด้วยฐานคะแนนในเขต อ.มัญจาคีรีและ อ.พระยืน โดยมีคู่ต่อกรที่น่ากลัวคือนายเจริญ แซ่เต็ง อดีตนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย และน.ส.วิภาณี ภูคำวงศ์ ผู้สมัครหน้าใหม่จากพรรคเพื่อไทย โดยมีตัวสอดแทรกที่สำคัญคือนายกัณพงศ์ อัครไชยพงศ์ จากพรรคพลังประชารัฐ และนายเจริญชัย ศรีวิบูลย์ จากพรรคไทยสร้างไทย ดังนั้นเขตนี้ลุงตู่ มีลุ้นแน่
เขตเลือกตั้งที่ 9 มีผู้สมัครทั้งสิ้น 12 คนเป็นเขตเลือกตั้งที่ตระกูล อรรณนพพร จากพรรคเพื่อไทย ยึดเก้าอี้มาโดยตลอด และการเลือกตั้งครั้งนี้ยังคงส่ง “ข้าวฟ่าง” น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยอีกครั้งเพื่อรักษาเก้าอี้ ส.ส.เขตนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป ขณะที่คู่ต่อสู้ยังคงต้องทำการบ้านอย่างหนักที่จะแย่งคะแนนจากเพื่อไทยไปได้ว่าจะเป็น นายพิพัฒน์พงศ์ พรหมนอก จากพรรคพลังประชารัฐ,นายสุรศักดิ์ ไทรน้อย จากพรรคภูมิใจไทย หรือแม้กระทั่ง น.ส.นัฎศนันท์ ธีรวรรณ จากพรรคก้าวไกล เพราะเขตนี้เพื่อไทย ครองใจคนขอนแก่นมาโดยตลอด
เขตเลือกตั้งที่ 10 มีผู้สมัคร 14 คน เจ้าพื้นที่เดิมจากพรรคเพื่อไทย ยังคงไว้ใจส่งนายวันนิวัฒน์ สมบูรณ์ ลงสนามอีกครั้ง โดยมีคู่แข่งที่น่าสนใจคือนายบัลลังก์ อรรณนพพร จากพรรคพลังประชารัฐ ที่อกหักจากพรรคเพื่อไทยมา,นายนิวัตร สระพรม จากพรรคก้าวไกล และ นายจักรินทร์ ญาณสิทธิเวทย์ จากพรรคร่วมแผ่นดิน โดยเขตนี้ยังคงยกให้พรรคเพื่อไทยครองเก้าอี้ ส.ส.ต่ออีกสมัย
สุดท้ายคือเขตเลือกตั้งที่ 11 ที่มีผู้สมัครรับการเลือกตั้งทั้งหมด 10 คนน้อยที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ และกลายเป็นพื้นที่ที่ทุกพรรคการเมืองประกาศคว้าเก้าอี้ให้ได้ โดยพรรคภูมิใจไทยส่งศิษย์ก้นกุฎิ อย่าง”เสี่ยแม็ค” นายองอาจ ฉัตรชัยพลรัตน์ ลงสนามเลือกตั้งอีกสมัย โดยมีคู่ต่อกรที่สำคัญคือ นายพชรกร อรรณนพพร จากพรรคเพื่อไทย และนายสมรักษ์ คำสิงห์ จากพรรคพลังประชารัฐ เป็นคู่ต่อสู้ที่สำคัญ แต่ด้วยกระแสจากพรรคเพื่อไทยที่จะต่อสู้กับกระสุนจากพรรคภูมิใจไทย ประชาชนเท่านั้นเป็นผู้ชี้ขาด
สรุปสนามเลือกตั้ง ส.ส.ขอนแก่น 11 เขต 11 คน ที่ขณะนี้เข้าสู่ช่วงเปิดสนาม ทุกพรรคการเมืองต่างลองเชิงและวัดกระแสตัวผู้สมัคร และกระแสพรรคกันทุกวัน ดูได้จากการลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัครจากทุกพรรคการเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากให้มีการวิเคราะห์นั้นเพื่อไทยแลนด์สไลด์คงต้องทำการบ้านหนักและเหนื่อยแน่ เพราะภูมิใจไทย และรวมไทยสร้างชาติประกาศชัดเจนว่าต้องการที่นั่ง ส.ส.ในพื้นที่เช่นกัน ดังนั้นหากจะมองถึงใครชนะในช่วงเปิดสนามทั้ง 11 เขต ในเมื่อเกมส์การรบยังคงไม่จบอย่างพึ่งนับศพทหาร ดังนั้นในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งต้องมาดูปัจจัยการผลิต ทั้งกระแส และกระสุน ใครจะมีเยอะหรือกล้ามากกว่ากัน





