ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   นายณฐพล ชุ่มสวัสดิ์   ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผาจุก สำนักงานชลประทานที่ 3 พร้อมด้วยนายธงชัย ใจเทียมศักดิ์หัวหน้าฝ่ายก่อสร้างที่ 2 สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 3 สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่  กรมชลประทาน  และ เจ้าหน้าที่ในสังกัดโครงการชลประทานอุตรดิตถ์   ร่วมพิธีวันครบรอบรัฐพิธีเปิดเขื่อนสิริกิติ์ ปีที่ 46  ทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง   พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป   กิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลา จำนวน  460,000 ตัว    โดยมีหัวหน้าส่วนราชการฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ ตลอดจนคณะผู้บริหาร กฟผ. , ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ , พนักงาน กฟผ.  ร่วมพิธีท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น  ที่บริเวณเขื่อนสิริกิติ์ ต.ผาเลือด  อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์

46 ปี  ที่แล้ว  พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสร็จพระราชดำเนินทรงประกอบรัฐพิธีเปิดเขื่อนสิริกิติ์และโรงไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2520 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงพระราชดำรัสเนื่องในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินประกอบรัฐพิธีเปิดเขื่อนสิริกิติ์ ความว่า


" ขอให้เขื่อนและโรงไฟฟ้าพลังน้ำซึ่งได้มงคลนามอันเป็น สิริ และ กิติ แห่งนี้จงมีความเจริญรุ่งเรืองสถิตสถาพรอำนวยคุณประโยชน์แก่ประเทศและประชาชนชาวไทยชั่วกาลนาน "


“เขื่อนสิริกิติ์” จ.อุตรดิตถ์ เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก่อสร้างขึ้นตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน่าน เดิมมีชื่อว่า “เขื่อนผาซ่อม” ต่อมาได้รับพระบรมราชานุญาตให้เชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขนานนามว่า “เขื่อนสิริกิติ์” โดยภายหลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนสิริกิติ์และโรงไฟฟ้าเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2520
เขื่อนสิริกิติ์ เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่จุน้ำได้มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย รองจากเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนภูมิพล โดยตัวเขื่อนมีประโยชน์ทางด้านการชลประทาน การบรรเทาอุทกภัยเป็นหลัก และมีการผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นผลพลอยได้ ซึ่งนับเป็นการใช้พลังน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตัวเขื่อนมีการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารวมกำลังผลิต 500 เมกะวัตต์ 


เขื่อนสิริกิติ์    ยังประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว ด้วยวิวลำน้ำน่านและดอกไม้นานาพันธุ์ที่เขื่อนแห่งนี้ได้อนุรักษ์ไว้อย่างดี และ    สร้างสรรค์ขึ้นใหม่อย่างสวยงามและกลมกลืนกับธรรมชาติ ทำให้มีจุดเช็คอินภายในเขื่อนสิริกิติ์ถึง 11 จุด ไม่ว่าจะเป็นมหัศจรรย์ธารสองสี Unseen ของประเทศไทย หนึ่งปีมีครั้งเดียว ซุ้มอุโมงค์ไผ่กว่า 100 ต้น งานประติมากรรมทรงคุณค่า ณ สวนสุมาลัย และ   สะพานแขวนเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถที่สวยงาม ชมพระอาทิตย์ตกดิน ณ สันเขื่อน รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่นอกเหนือจากผ้าทอบ้านห้วยต้าก็ถือว่าเด็ดอย่าบอกใคร โดยเฉพาะมะม่วงหิมพานต์ที่ดีที่สุดของประเทศไทย นำพาเหล่านักท่องเที่ยวมาสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ช่วยยกระดับเศรษฐกิจชุมชนมาตลอด 46 ปี และพร้อมเคียงข้างคนไทยตลอดไป.