เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ก.พ. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และในฐานะ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพชังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระแสข่าว กลุ่มสามมิตร จะย้ายพรรคช่วงโค้งสุดท้ายว่า วันที่ 7 ก.พ. ผ่านมาแล้วถือว่าหมดเวลาแล้ว หากรัฐบาลอยู่ครบวาระ เว้นแต่มีการยุบสภาฯ เราต้องการเป็นผู้แทน ตนก็ได้บอกนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตรว่า ท่านไปไหนตนไปด้วย ไม่ต้องถามตนแล้วให้นายสุริยะ ตัดสินใจได้เลย
เมื่อถามว่า หากนายกฯยุบสภาฯสามารถย้ายพรรคได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่รู้ซิไปเปิดทางให้เขา
เมื่อถามย้ำว่า เมื่อยุบสภาฯนายสมศักดิ์ จะไม่เปลี่ยนใจ ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ ตอบว่า ไม่ได้เปลี่ยนใจเพราะยังไม่ได้คุยอะไรเพิ่มเติมให้นายสุริยะตัดสินใจ
เมื่อถามว่า เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งจะมีนโยบายของกลุ่มสามมิตร ออกมาหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายเขาไม่ถาม ตนก็พูดไม่ได้ ซึ่งตนมีตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค เรียกประชุมเพื่อพูดคุยนโยบาย ได้แค่ครั้งเดียว แต่ดูเหมือนทางพรรคไม่สนใจจะทำเรื่องนี้ ถามว่าตนมีนโยบายหรือไม่ ยืนยันว่าส่วนตัวมี แต่บางทีต้องดูว่าเราได้บริหารหรือไม่ ตนไปอยู่กระทรวงไหนมีนโยบายอยู่แล้ว เพราะยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง วันนี้อาจไม่ต้องใช้นโยบายอะไรมากมาย เพราะแต่ละคนวันนี้ใช้นโยบายหัวหน้าเป็นจุดขายก็ถือเป็นเรื่องดี
เมื่อถามว่าท่าทีพรรคพลังประชารัฐ เหมือนส่งสัญญาณจะสลับขั้วการเมือง นายสมศักดิ์ ตอบว่า ตนเคยบอกแล้วว่าพรรคพลังประชารัฐมีโอกาสเป็นรัฐบาล 99% ตนยังยืนยัน ใครไม่รู้จะไปไหนก็มาพลังประชารัฐ แต่ถ้าอยากเป็นฝ่ายค้านไม่ต้องพิถีพิถันนัก และเรื่องจับขั้วการเมืองนั้น สื่อเป็นคนแบ่ง แต่นักการเมืองเขาไม่แบ่งกัน เพราะถึงเวลาให้ได้รับเลือกมาก่อนแล้วค่อยมาแบ่ง ซึ่งไม่มีพรรคไหนบอกหรอกว่าไม่อยากเป็นรัฐบาล อยากเป็นรัฐบาลกันทั้งนั้น แต่บางทีก็เอาศักดิ์ศรีนิดหน่อยไว้หาเสียง
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐเน้นสายกลางในสงครามแบ่งขั้ว จะหาเสียงลำบากหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคเขาทุ่มเทและมีความพยายาม ตนดูหัวหน้าพรรคต่างๆในการหาเสียง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐสดที่สุด ดูจากเสื้อผ้าซิ
เมื่อถามย้ำว่าแบบนี้แล้วจะอยู่ต่อใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวทีเล่นที่จริงว่า “ไม่แน่นะ”