นายคุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา”ความจริงค่าการกลั่น”จัดโดยชมรมวิทยาการพลังงาน (ชวพน.)ว่า การที่รัฐบาลกำลังพิจารณาขอความร่วมมือให้นำส่งกำไรจากค่าการกลั่น Gross Refinery Margin (GRM) มาดูแลราคาพลังงานที่แพงนั้นต้องเข้าใจความจริงว่า GRM เป็นเพียงตัวชี้วัดความสามารถของโรงกลั่นไม่ใด้เป็นกำไรเมื่อรัฐส่งสัญญาณเช่นนี้อาจทำให้โรงกลั่นวางแผนลดการผลิตลงไทยอาจขาดแคลนน้ำมันได้ในระยะต่อไปได้ ดังนั้นแนวทางออกของปัญหาต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน ภายใต้ข้อเท็จจริงที่ไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันการดูแลผลกระทบกระทรวงพลังงานควรบูรณาการทุกหน่วยงานดูความเหมาะสมและหามาตรการลดผลกระทบเจาะจงเฉพาะกลุ่มเปราะบาง

โดยค่าการกลั่นควรจะต้องพิจารณาจากค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของราคาของทุกผลิตภัณฑ์ที่กลั่นออกมาจากหอกลั่น เทียบกับราคาน้ำมันดิบชนิดที่แต่ละโรงกลั่นสั่งซื้อเข้ามากลั่นจริง (crack spreads) และดู loss ในกระบวนการผลิตด้วย ไม่ใช่เอาส่วนต่างเฉพาะของราคาน้ำมันดีเซล (ซึ่งมักจะแพงที่สุด) ไปลบด้วยราคาน้ำมันดิบดูไบ (ซึ่งมักจะถูกที่สุด) แล้วไปสรุปเลยว่าโรงกลั่นฯต้องมีกำไรมหาศาล และ เวลาเขาคิดต้องมองเป็นเดือนๆ การที่จะไปขอแบ่งกำไรมาจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ้นปีเขาจะกำไรหากช่วงที่เหลือของปีเกิดราคาน้ำมันลง หรือเกิดเศรษฐกิจถดถอยการใช้ลดต่ำเขาจะขอคืนได้ไหม ถ้าเราไปกดดันเขาแรงไป เขาก็อาจมองการลดกำลังการกลั่นลง หรือเน้นไปทำปิโตรเคมีหรือส่งออกดีกว่า ที่พูดเพราะสิ่งไม่อยากเห็นคือการขาดแคลนน้ำมัน และการที่เราไปควบคุมเพราะคิดว่าเป็นกำไรความน่าเชื่อถือการลงทุนจะหายไป 

ทั้งนี้วิกฤติราคาน้ำมันแพงเกิดขึ้นทั่วโลกจากการสู้รบรัสเซีย-ยูเครน หากดูราคาตลาดโลกจะเห็นว่าน้ำมันดีเซลโลกจะแพงกว่าเบนซินแต่ไทยดีเซลรัฐบาลได้ดูแลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรมายาวนานและขณะนี้จะขยับไปสู่ 35 บาทต่อลิตรก็ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนมาต่อเนื่องรวมกับดูแลแอลพีจี(LPG)ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯติดลบเกือบ แสนล้านบาทแล้ว และยังมีการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลมาช่วยอีกดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันเพราะน้ำมันของไทยเองก็จะแพงต่อเนื่องแม้สถานการณ์โลกคลี่คลายก็ตามเพราะกองทุนน้ำมันฯยังคงติดลบที่สุดก็จะต้องกลับมาจ่ายคืน

โดยรัฐต้องไม่ทำอะไรไปดิสรัปความเชื่อมั่นคนทำธุรกิจต้องยอมรับความจริงกับประชาชนว่า ไม่อาจอุ้มราคาถาวรระยะยาวได้เหมือนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เคยสู้กับค่าเงินบาทปี 2540 เราสู้กลไกตลาดโลกไม่ได้ ดังนั้นกระทรวงพลังงานต้องบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ เอกชน ประชาชนต้องร่วมมือกันระดับมหาภาคคือ 1. การประหยัด รัฐเอกชนรายใหญ่ต้องทำตัวอย่างให้เห็น 2. แก้คอขวดระบบขนส่งในไทยอาทิ ระเบียบต่างๆ ที่เพิ่มต้นทุนต้องยกเลิก เช่น รถบรรทุกทำให้มีการขนสินคาทั้งไปและกลับ ระดับจุลภาคหรือประชาชนก็ต้องรู้จักประหยัดเช่นกัน

นอกจากนี้รัฐควรจะส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์E20 และ E85 ให้มากขึ้นเพราะเอทานอลราคาต่ำ ส่วนการผสมไบโอดีเซล(B100)ในดีเซลเพราะ B100 ราคาค่อนข้างสูงก็ควรปรับมาอยู่ระดับ 5% หรือ ดีเซล B5 ปรับลงมาเป็น B4 หรือ B3 ได้ไหมซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงมาได้ ฯลฯ เหล่านี้ต้องช่วยกัน