สำหรับงาน Thailand Tourism Forum 2022 หรือ TTF 2022 สุดยอดการประชุมสัมมนาของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในไทย ที่ดำเนินมาเป็นปีที่ 11 แล้ว ในปีนี้ได้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ #ThaiTourismUnited มุ่งเน้นประเด็นความสำคัญ ปัญหา และทางออกของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการของประเทศไทยหลังการระบาด รวมถึงการลงนามร่วมกันของเหล่าผู้นำในปฏิญญาการพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งกำหนดเป้าหมายในการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้แก่อุตสาหกรรมทองเที่ยวไทยก้าวหน้าและยั่งยืน โดยมีผู้แทนจากธุรกิจท่องเที่ยวและบริการเข้าร่วมถึง 500 คน ภายใต้มาตรการการป้องกันโควิด 19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งภายในงานดังกล่าวได้มีการร่วมลงนามในคำมั่นสัญญาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำโดย นายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) นายบิล ไฮเนคกี ผู้ก่อตั้งและประธาน ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล นายสตีเฟ่น ฟานเดน อูวีลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบริการ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ ผู้บริหารพราวกรุ๊ป นายบุน ควี ลิ้ม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล นายเดิร์กอังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท นายคลาเรนซ์ ตัน รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนา ฮิลตัน และ นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย บิล บาร์เน็ต โดยได้สร้างทิศทางเชิงกลยุทธ์ใหม่ให้กับประเทศไทย ภายใต้ปฏิญญา 5 ข้อ ที่ครอบคลุมประเด็นความสำคัญของภาคส่วนการท่องเที่ยวในทุกมิติ ได้แก่ 1.การผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นแนวหน้าของเศรษฐกิจประเทศ 2. การร่วมกันจุดประกายให้การท่องเที่ยวให้เป็นหน้าตาและความภูมิใจของชาติ 3. การทำให้ภาคการบริการกลับมาทำงานได้อีกครั้งและฟื้นฟูอาชีพการโรงแรม 4. บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืน และ 5. การต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมาสู่สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยข้อสัญญานี้จะเป็นการวางรากฐานสำหรับการท่องเที่ยวของไทยที่สามารถสร้างขึ้นใหม่หลังหายนะจากการระบาดใหญ่ทั่วโลก นอกจากนี้ กุญแจสำคัญในการอภิปรายครั้งนี้ยังรวมถึงการเรียกร้องที่ชัดเจนจากผู้นำทุกคนว่าถึงเวลาที่ประเทศจะต้องเปิดกว้างอย่างเต็มที่ สำหรับนางสาว พราวพุธ ลิปตพัลลภ ผู้บริหารพราวกรุ๊ป กล่าวว่า จำเป็นต้องเปิดประเทศเพื่อประโยชน์ของทุกคน และวางแผนการทำงานที่มุ่งเน้นให้เกิดความยั่งยืน โดยแสดงให้โลกได้เห็นประเทศไทยถึงการเป็นผู้นำในด้านต่าง ด้าน นายบิล ไฮเนคกี ผู้ก่อตั้งและประธาน ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ขณะนี้กฎการเข้าประเทศไทยมีความซับซ้อนเกินไป โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ถึง 10% ของช่วงก่อนโควิด-19 และประเทศไทยไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย 10 ล้านคนในปี 2565 เรากำลังตามไม่ทัน แม้แต่เพื่อนบ้านของเราด้วยซ้ำ ขณะที่ นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ไม่มีทางเลือกแล้ว ประเทศไทยต้องเปิดและหยุด Test &Go จะต้องเปลี่ยนความคิดจากการเห็นโควิดเป็นโรครระบาดใหญ่ไปสู่โรคประจำถิ่นได้แล้ว เพื่อที่จะทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ดำเนินการได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวสามารถเดินเครื่องได้ในทุกมิติ พร้อมกันนี้ นายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส ยังกล่าวต่อว่า การท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยมีประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนของสังคม แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทำให้ เศรรษฐกิจถอยหลังและตระหนักว่า การท่องเที่ยวมีความสำคัญเพียงใด ดังนั้นในเวลานี้จึงจำเป็นต้องอนุรักษ์มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของประเทศไทย ขับเคลื่อนผลประโยชน์ให้กับชุมชนท้องถิ่น และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นมิตรสำหรับผู้มาเยือน นับเป็นโอกาสที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่า