สำหรับ เมืองไทย เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับ Workations ทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวในประเทศ และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผลสำรวจจาก Holidu บริษัทจากประเทศเยอรมัน เผยว่า ทั้งกรุงเทพฯและภูเก็ต ถูกจัดอันให้เป็น 1 ใน 10 เมืองชั้นนำจากทั่วโลก สำหรับการ Workations โดยกรุงเทพฯถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 1 รวมถึงประเทศไทยยังมีเมืองตากอากาศสำคัญให้คนในประเทศได้หลีกหนีจากในเมืองหลวงอีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อมูลสำคัญที่ทางภาคธุรกิจโรงแรมจะต้องนำไปวิเคราะห์ เพื่อกำหนดแนวทางในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าว คนไทยปรับตัวรับการทำงานที่ยืดหยุ่น นายแบรดลีย์ ไฮนส์ รองประธานฝ่ายภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก ของ ไซต์มายเดอร์ (SiteMinder) กล่าวว่า ในช่วงที่มีการระบาดโควิด-19 ทำให้ทุกคนรู้ว่าไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ในออฟฟิศเพียงแห่งเดียว เพื่อทำงานร่วมกันเสมอไป โดยผลจากการศึกษาพบว่า ชาวไทยสามารถปรับตัวรับการทำงานที่ยืดหยุ่น และประยุกต์การทำงานเข้ากับไลฟ์สไตล์ได้มากขึ้น ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดจาก Changing Traveller Report พบว่า กว่า 51% ของคนไทย วางแผนที่จะทำงานไปด้วยระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนที่กำลังจะมาถึง ซึ่งสูงกว่าประเทศในอันดับถัดมาอย่างสหรัฐอเมริกาถึง 10% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ 21% ยิ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับกลยุทธ์การทำงานร่วมกับการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มช่วงเวลาการลาพักร้อนประจำปีได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ นายแบรดลีย์ กล่าวถึงผลสำรวจดังกล่าวเปรียบเสมือนสัญญาณเตือน สำหรับผู้ประกอบการโรงแรมที่ต้องการรองรับแขกผู้เข้าพักกลุ่มนี้ ว่าปัจจุบันนักท่องเที่ยวไม่ได้วางแผนการเดินทางเพื่อการพักผ่อนในช่วงวันหยุดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ได้เพิ่มการทำงานลงไปในแผนการเดินทางของพวกเขาด้วย นักธุรกิจเริ่มวางแผนปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ โดย นายแบรดลีย์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาได้พูดคุยกับผู้ประกอบการโรงแรมหลากหลายระดับ ทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่นๆในภูมิภาค ต่างเริ่มวางแผนปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เพื่อรองรับการเดินทางในรูปแบบ Workations ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถทำงานทางไกลได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีโรงแรมอีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้เริ่มปรับตัวเพื่อรับเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงและจะดำรงอยู่ไปในระยะยาวนี้ ซึ่งจากการพูดคุย พบว่า แนวทาง ที่จะใช้ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ที่จะยิ่งเติบโตขึ้นอีกในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ประกอบไปด้วย ประการแรก เมื่อปริมาณของแขกผู้เข้าพักในกลุ่ม Workation เพิ่มมากขึ้น การสร้างข้อเสนอพิเศษสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ตามหลักแล้ว Workations เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยว สามารถใช้เวลาท่องเที่ยวได้นานกว่าการมาพักผ่อนแบบปกติ พร้อมหลักประกันว่าจะยังคงมีรายได้อยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อผู้คนเริ่มปรับตัวเข้ากับการท่องเที่ยวแบบค่อยเป็นค่อยไป ที่กินระยะเวลานานนี้ การสร้างแพ็คเกจพิเศษที่เหมาะ สำหรับการเข้าพักในระยะยาว หรือการเข้าพักอย่างไม่จำกัดระยะเวลา จะยิ่งมีส่วนช่วยในการดึงดูดแขกผู้เข้าพักได้ แต่อย่างไรก็ตามอาจขึ้นอยู่กับที่ตั้งของโรงแรมนั้นๆด้วย ตัวอย่างเช่น หากโรงแรมตั้งอยู่กลางใจเมือง การกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างจังหวัด และต้องการที่พักในเมือง 2-3 คืนในช่วงกลางสัปดาห์ อาจเหมาะสมมากกว่า ประการที่สอง คือการสร้างพื้นที่ทำงานให้เป็นแรงบันดาลใจในการอยากเดินทางมาเข้าพัก หลากหลายโรงแรมที่ร่วมงานด้วย มุ่งเน้นการยกระดับพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working space) ให้ดียิ่งขึ้น โดยแต่ละโรงแรมสามารถเสริมไอเดียไม่ว่าจะเป็น การจัดโต๊ะให้เห็นทัศนียภาพของโรงแรม การปลูกต้นไม้ในร่มเพื่อเพิ่มออกซิเจน หรือสร้างพื้นที่ให้แขกผู้เข้าพักสามารถทำงานในพื้นที่กลางแจ้งได้ รวมไปถึงการนำเสนอจุดขายที่แตกต่าง อย่างเช่น การทำงานกลางแจ้งที่สะดวกสบาย หรือ วิวทิวทัศน์ที่น่าหลงใหล เป็นต้น ซึ่งนับเป็นข้อดี ที่จะสามารถดึงดูดผู้ที่ทำงานในสถานที่เดิมๆ ติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน และกำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ส่วน ประการที่สาม คือ การช่วยค้นหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตัวอย่างเช่น หนึ่งในลูกค้าของเราได้มีการออกแบบเมนูอาหารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (productivity-introducing) หรือบางรายก็มีการจัดหาพ่อบ้าน หรือ work butlers ที่คอยช่วยดูแลด้านงานธุรการต่างๆ อย่างเช่น การปริ้นเอกสาร หรือการสแกนงาน และแม้แต่งานอย่างการจัดหาเสบียง ก็เป็นวิธีที่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แขกผู้เข้าพักได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้นระหว่างการเข้าพัก จัดโปรแกรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย พร้อมกันนี้ นายแบรดลีย์ ยังกล่าวถึง ประการที่สี่ ว่า การจัดเตรียมรองรับกลุ่มครอบครัว หลากหลายคนที่กำลังสนใจใน Workations อาจจะต้องการการพาครอบครัวไปด้วย ถือเป็นกลุ่มสำคัญที่ทางโรงแรมต้องคำนึงถึงเช่นกัน ลูกค้าบางโรงแรมของเรา ได้มีการจัดโปรแกรมเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก เพื่อสร้างความสบายใจให้กับผู้ปกครองในระหว่างที่ต้องทำงาน ในขณะที่ลูกค้าบางโรงแรม ก็มีการสร้างแผนการเดินทางสำหรับการทัศนศึกษาในท้องถิ่นที่เหมาะกับช่วงเวลานั้นๆ เพื่อให้เด็กๆได้พักสายตาจากหน้าจอ ประการที่ห้า คือการทำให้สนุก ถึงแม้ว่าการทำงานอาจจะใช้เวลาไปทั้งวัน แต่สิ่งสำคัญสำหรับแขกผู้เข้าพัก คือการเพลิดเพลินไปกับเวลาส่วนตัวของพวกเขาในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ผมเห็นโรงแรมหลากหลายแห่ง เสนอสิทธิพิเศษ เช่น ออกรอบตีกอล์ฟฟรี หรือชั้นเรียนทำอาหาร เพื่อให้แขกผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายจากการทำงาน สุดท้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดสำหรับการทำงาน อย่างน้อยที่สุดทางโรงแรมควรจัดเตรียม บริการ ฟรีไวไฟและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่รองรับการประชุมทางวิดิโอ เก้าอี้นั่งทำงานที่นั่งสบาย และโต๊ะทำงานที่มีคุณภาพและกว้างขวาง การได้รับรีวิวว่าอินเทอร์เน็ตของโรงแรมคุณช้าและไม่เสถียร เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับลูกค้ากลุ่มนี้