การรักษาและบรรเทาอาการเจ็บป่วยด้วยพืชสมุนไพร นับเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน และในปัจจุบันสมุนไพรไทย เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ
วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรบ้านดงบัง ตำบลดงขี้เหล็ก อ.เมือง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการส่งเสริมในการปลูกพืชสมุนไพรอินทรีย์ จากหน่วยงานต่างๆหลายหน่วยงาน ในอดีตพื้นที่หมู่บ้านบ้านดงบังประชาชนประกอบอาชีปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ จำหน่ายต่อมาเกิดปัญหาราคาตกต่ำ และปัญหาด้านสุขภาพจาการใช้สารเคมี ชาวบ้านจึงได้มีการรวมตัวกันคิดหาอาชีพอื่นที่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ โดยมี สมัย คูณสุข ประธานกลุ่มสมุนไพรบ้านดงบัง เป็นผู้ริเริ่มการปลูกสมุนไพร โดยร่วมมือกับชาวบ้านพลิกฟื้นคืนชีวิตให้แก่สมุนไพร พร้อมๆกับได้ฟื้นฟูภูมิปัญญาไทยที่มีมาแต่ครั้งบรรพบุรุษให้คืนกลับมาอีกครั้ง โดยเน้นการทำเกษตรแบบอินทรีย์ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่พึ่งยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีใดๆ สมุนไพรบ้านดงบังได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ทัดเทียมมาตรฐานของสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ
ในปัจจุบันการปลูกสมุนไพรได้กลายเป็นอาชีพหลักของชาวบ้าน และเป็นแหล่งผลิตสมุนไพรเกษตรอินทรีย์แหล่งใหญ่ ที่ส่งวัตถุดิบให้กับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร การปลูกสมุนไพรแบบอินทรีย์ส่งผลให้ชุมชนที่เคยมีปัญหาเรื่องสุขภาพกลับกลายเป็นหมู่บ้านสุขภาพดี พร้อมกับมีอาชีพและมีรายได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของตนเองได้เป็นอย่างดี
สมัย คูณสุข ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรบ้านดงบัง กล่าวว่า “วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรอินทรีย์บ้านดงบังปลูกสมุนไพร หลายหลายชนิด จุดเริ่มต้นของกลุ่มเกิดมาจาก เดิมกลุ่มบ้านดงบังเป็นแหล่งปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ต่อมาเกิดปัญหาราคาไม้ดอก ไม้ประดับ ตกต่ำ จึงรวมตัวกันหันมาปลูกพืชสมุนไพร และได้รับการส่งเสริมเรื่องการปลูก ความรู้ด้านสมุนไพร และการรับซื้อ จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดยมีเงื่อนไขว่า สมุนไพรที่ปลูกต้องเป็นสมุนไพรอินทรีย์ ไม่มีสารเคมีเจือปน สมุนไพรอินทรีย์เป็นสมุนไพรที่มอบความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ปลูกและผู้บริโภค การปลูกสมุนไพรเพื่อส่งเป็นวัตดุดิบในการผลิต ต้องมีขั้นตอนการทำความสะอาด หั่น และตากแห้ง ปัญหาของการผลิตวัตถุดิบคือเรื่องของโรงตาก เดิมโรงอบและตากสมุนไพรเป็นรูปแบบโรงเรือนเดิมที่มุงด้วยกระเบื้องแผ่นใส ที่ให้ความร้อนในอุณหภูมิ 35 – 40 องศา ใช้เวลาตากมากว่า 3 วัน แต่ในฤดูฝนต้องใช้เวลามากกว่านั้น ทำให้เกิดปัญหาการขึ้นรา วัตถุดิบเสียหาย ถ้านำวัตถุดิบเข้าไปอบในตู้อบก็ต้องสิ้นเปลืองค่าแก๊สและค่าไฟฟ้าที่อบ ทำให้ต้นทุนมีราคาสูงขึ้น ทางกอ.รมน จังหวัดปราจีนบุรี ได้เข้ามาสนับสนุนและช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยได้มอบ โรงเรือนพาราโบลาโดม เพื่อใช้ในการอบแห้งสมุนไพร โรงเรือนแบบพาราโบลาโดม สามารถอบสมุนไพรได้ในระดับความร้อนสูงกว่า 60 องศา และใช้เวลาอบ เพียง 2 วัน ทำให้สมุนไพรที่อบมีคุณภาพสูงและมีสีสวยงาม ช่วยแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้าและประหยัดพลังงานอีกด้วย.
ร.ท.หญิง นัทธมน สิงหาเทพ รอง หน.กลุ่มงานศปป. กอ.รมน.จังหวัดปราจีนบุรี ได้กล่าวถึงการเข้ามาสนับสนุนในครั้งนี้ว่า “ กอ.รมน.เล็งเห็นถึงความสำคัญของความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย สมุนไพรไทยถือเป็นสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และ การปลูกและผลิตสมุนไพร ยังถือว่าได้ช่วยอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ การปลูกพืชสมุนไพรยังสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชน การปลูกสมุนไพรอินทรีย์ยังช่วยให้ทั้งผู้ปลูกและผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดี การเข้ามาสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจบ้านดงบัง ในครั้งนี้ ทางกอ.รมน.คาดหวังว่าวิสาหกิจชุมชนบ้านดงบัง จะเป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่นๆ สามารถนำต้นแบบนี้ไปพัฒนาและต่อยอดในชุมชนอื่นๆต่อไป ฝากถึงชุมชนต่างๆว่าท่านสามารถนำโครงการในชุมชนของท่านเข้ามาขอรับการปรึกษา หรือ ขอรับคำแนะนำช่วยเหลือได้จาก กอ.รมน.ที่มีประจำอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ”
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรบ้านดงบัง แห่งนี้ มีการผลิตสมุนไพรไทยเพื่อจำหน่ายมาแล้วกว่า 20 ปี และยังเป็นแหล่งวัตถุดิบสมุนไพรชั้นดีให้กับทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งจากการเข้ามาส่งเสริม สนับสนุนจาก กอ.รมน.จังหวัดปราจีนบุรี ในการติดตั้งโรงเรือนนวัตกรรมพาราโบล่าโดม เพื่อใช้อบแห้งสมุนไพร ถือเป็นการยกระดับคุณภาพการผลิต และสร้างศักยภาพของทางกลุ่มให้มีความมั่นคงและเข้มแข็ง โดยสร้างการมีส่วนร่วมจากประชานชนในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการยกระดับกระบวนการผลิตสมุนไพรอบแห้งให้มีประสิทธิภาพ และยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนสมุนไพรบ้านดงบัง ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน จนสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับชุมชนอื่นๆ
ข้อมูลจาก :รายการ คนไทยหัวใจเดียวกัน ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ทุกวันเสาร์ เวลา 12.45 -13.10 น.
ในปัจจุบันการปลูกสมุนไพรได้กลายเป็นอาชีพหลักของชาวบ้าน และเป็นแหล่งผลิตสมุนไพรเกษตรอินทรีย์แหล่งใหญ่ ที่ส่งวัตถุดิบให้กับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร การปลูกสมุนไพรแบบอินทรีย์ส่งผลให้ชุมชนที่เคยมีปัญหาเรื่องสุขภาพกลับกลายเป็นหมู่บ้านสุขภาพดี พร้อมกับมีอาชีพและมีรายได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของตนเองได้เป็นอย่างดี
สมัย คูณสุข ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรบ้านดงบัง กล่าวว่า “วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรอินทรีย์บ้านดงบังปลูกสมุนไพร หลายหลายชนิด จุดเริ่มต้นของกลุ่มเกิดมาจาก เดิมกลุ่มบ้านดงบังเป็นแหล่งปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ต่อมาเกิดปัญหาราคาไม้ดอก ไม้ประดับ ตกต่ำ จึงรวมตัวกันหันมาปลูกพืชสมุนไพร และได้รับการส่งเสริมเรื่องการปลูก ความรู้ด้านสมุนไพร และการรับซื้อ จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดยมีเงื่อนไขว่า สมุนไพรที่ปลูกต้องเป็นสมุนไพรอินทรีย์ ไม่มีสารเคมีเจือปน สมุนไพรอินทรีย์เป็นสมุนไพรที่มอบความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ปลูกและผู้บริโภค การปลูกสมุนไพรเพื่อส่งเป็นวัตดุดิบในการผลิต ต้องมีขั้นตอนการทำความสะอาด หั่น และตากแห้ง ปัญหาของการผลิตวัตถุดิบคือเรื่องของโรงตาก เดิมโรงอบและตากสมุนไพรเป็นรูปแบบโรงเรือนเดิมที่มุงด้วยกระเบื้องแผ่นใส ที่ให้ความร้อนในอุณหภูมิ 35 – 40 องศา ใช้เวลาตากมากว่า 3 วัน แต่ในฤดูฝนต้องใช้เวลามากกว่านั้น ทำให้เกิดปัญหาการขึ้นรา วัตถุดิบเสียหาย ถ้านำวัตถุดิบเข้าไปอบในตู้อบก็ต้องสิ้นเปลืองค่าแก๊สและค่าไฟฟ้าที่อบ ทำให้ต้นทุนมีราคาสูงขึ้น ทางกอ.รมน จังหวัดปราจีนบุรี ได้เข้ามาสนับสนุนและช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยได้มอบ โรงเรือนพาราโบลาโดม เพื่อใช้ในการอบแห้งสมุนไพร โรงเรือนแบบพาราโบลาโดม สามารถอบสมุนไพรได้ในระดับความร้อนสูงกว่า 60 องศา และใช้เวลาอบ เพียง 2 วัน ทำให้สมุนไพรที่อบมีคุณภาพสูงและมีสีสวยงาม ช่วยแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้าและประหยัดพลังงานอีกด้วย.
ร.ท.หญิง นัทธมน สิงหาเทพ รอง หน.กลุ่มงานศปป. กอ.รมน.จังหวัดปราจีนบุรี ได้กล่าวถึงการเข้ามาสนับสนุนในครั้งนี้ว่า “ กอ.รมน.เล็งเห็นถึงความสำคัญของความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย สมุนไพรไทยถือเป็นสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และ การปลูกและผลิตสมุนไพร ยังถือว่าได้ช่วยอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ การปลูกพืชสมุนไพรยังสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชน การปลูกสมุนไพรอินทรีย์ยังช่วยให้ทั้งผู้ปลูกและผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดี การเข้ามาสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจบ้านดงบัง ในครั้งนี้ ทางกอ.รมน.คาดหวังว่าวิสาหกิจชุมชนบ้านดงบัง จะเป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่นๆ สามารถนำต้นแบบนี้ไปพัฒนาและต่อยอดในชุมชนอื่นๆต่อไป ฝากถึงชุมชนต่างๆว่าท่านสามารถนำโครงการในชุมชนของท่านเข้ามาขอรับการปรึกษา หรือ ขอรับคำแนะนำช่วยเหลือได้จาก กอ.รมน.ที่มีประจำอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ”
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรบ้านดงบัง แห่งนี้ มีการผลิตสมุนไพรไทยเพื่อจำหน่ายมาแล้วกว่า 20 ปี และยังเป็นแหล่งวัตถุดิบสมุนไพรชั้นดีให้กับทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งจากการเข้ามาส่งเสริม สนับสนุนจาก กอ.รมน.จังหวัดปราจีนบุรี ในการติดตั้งโรงเรือนนวัตกรรมพาราโบล่าโดม เพื่อใช้อบแห้งสมุนไพร ถือเป็นการยกระดับคุณภาพการผลิต และสร้างศักยภาพของทางกลุ่มให้มีความมั่นคงและเข้มแข็ง โดยสร้างการมีส่วนร่วมจากประชานชนในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการยกระดับกระบวนการผลิตสมุนไพรอบแห้งให้มีประสิทธิภาพ และยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนสมุนไพรบ้านดงบัง ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน จนสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับชุมชนอื่นๆ
ข้อมูลจาก :รายการ คนไทยหัวใจเดียวกัน ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ทุกวันเสาร์ เวลา 12.45 -13.10 น.