จากกรณีที่มีร้องเรียนว่าที่บริเวณริมทางถนนหลักติดริมคลองระพีพัฒน์ มีการก่อสิ่งปลูกสร้างศาลาริมทางอย่างถาวร ในพื้นที่ราชพัสดุ ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พื้นที่รับผิดซอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ โดยมิได้รับอนุญาต
วันที่ 26 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าที่บริเวณถนนริมคลองระพีพัฒน์ หมู่บ้านราชพฤกษ์ หมู่บ้านพฤษา หมู่บ้านเปรมฤทัย ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ มีการสร้างศาลาเทปูนแบบถาวร ริมทางกว้างประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 4-5 เมตร โครงเหล็กใส่ลักษณะสิ่งปลูกสร้างถาวร ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยไม่ได้ขออนุญาตในการก่อสร้าง ทำการบุกรุกในทีราชพัสดุ แม้ว่ายังไม่ได้รับความเหลียวแลจากหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดำเนินการใดๆ
จากการสอบนายน้อย (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านพยอม กล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีกลุ่มชายฉกรรจ์ เป็นคนในพื้นที่ลูกน้องผู้เตรียมลงสมัครการเมืองท้องถิ่นสร้างเต๊นท์ ริมทางถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ ถึงสองครั้งด้วยกัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาไล่ให้รื้อถอนออกไป ครั้งนี้หนักกว่าเดิมเทปูนบนสิ่งปลูกสร้างศาลาแบบถาวร เลียบคลองระพีพัฒน์ ส่วนตัวเชื่อว่าการหาเสียงไม่จำเป็นต้องรุกพื้นที่ของทางราขการ เพราะในอนาคตเมื่อเขาเข้ามาทำหน้าที่เพื่อประชาชนต้องเคารพกฏหมาย เมื่อมาทำเสียเองแล้วสังคมจะอยู่ได้อย่างไร
นายน้อย กล่าวอีกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ที่ระบาดอยู่ทั่วในพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ อ.วังน้อย ซึ่ง ต.พยอม เป็นตำบลหนึ่งที่มีผู้ป่วยติดเชื้อได้รับผลกระทบจำนวนมาก ประกอบกับชาวบ้านต้องอาศัยน้ำ เลียบคลองชลประทานระพีพัฒน์ ทำเกษตรกรรม และน้ำประปาชุมชน หากมีการสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำบริเวณพื้นที่ลำธาร อาจทำให้ขยะตกลงในลำคลอง ก่อให้เสียต่อระบบนิเวศวิทยา เช่นน้ำเน่า ก่อให้เกิดเชื้อโรคซึ่งไม่ปลอดภัยในชีวิตขึ้นของชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถนนเลียบุคลองระพีพัฒน์ อยู่ในความดูแลของกรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ เป็นผู้รับผิดชอบ แม้ว่าถนนริมคลองระพีพัฒน์ เป็นถนนที่มีประชาชนสัญจรไปมาจำนวนมากตลอดเวลา ถูกปล่อยปละละเลยไร้การเหลียวแลจากหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ อีกหน่อยพื้นที่บริเวณริมทางถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ คงจะมีการบุกรุกลงสิ่งปลูกสร้างถาวรเต็มพื้นที่ เหมือนลำตะคลอง ต.หนองสาหร่าย อ.ปากข่อง โคราช ถ้าหากไม่ได้รับการดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมาย วอน อธิบดีกรมชลประธาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยลงพื้นที่ตรวจสอบปัญการบุรุกพื้นที่ริมถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ ดีกว่าปล่อยเกิดปัญหากลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว กลายเป็นปัญหาสังคมไม่รู้จบ
วันที่ 26 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าที่บริเวณถนนริมคลองระพีพัฒน์ หมู่บ้านราชพฤกษ์ หมู่บ้านพฤษา หมู่บ้านเปรมฤทัย ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ มีการสร้างศาลาเทปูนแบบถาวร ริมทางกว้างประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 4-5 เมตร โครงเหล็กใส่ลักษณะสิ่งปลูกสร้างถาวร ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยไม่ได้ขออนุญาตในการก่อสร้าง ทำการบุกรุกในทีราชพัสดุ แม้ว่ายังไม่ได้รับความเหลียวแลจากหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดำเนินการใดๆ
จากการสอบนายน้อย (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านพยอม กล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีกลุ่มชายฉกรรจ์ เป็นคนในพื้นที่ลูกน้องผู้เตรียมลงสมัครการเมืองท้องถิ่นสร้างเต๊นท์ ริมทางถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ ถึงสองครั้งด้วยกัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาไล่ให้รื้อถอนออกไป ครั้งนี้หนักกว่าเดิมเทปูนบนสิ่งปลูกสร้างศาลาแบบถาวร เลียบคลองระพีพัฒน์ ส่วนตัวเชื่อว่าการหาเสียงไม่จำเป็นต้องรุกพื้นที่ของทางราขการ เพราะในอนาคตเมื่อเขาเข้ามาทำหน้าที่เพื่อประชาชนต้องเคารพกฏหมาย เมื่อมาทำเสียเองแล้วสังคมจะอยู่ได้อย่างไร
นายน้อย กล่าวอีกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ที่ระบาดอยู่ทั่วในพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ อ.วังน้อย ซึ่ง ต.พยอม เป็นตำบลหนึ่งที่มีผู้ป่วยติดเชื้อได้รับผลกระทบจำนวนมาก ประกอบกับชาวบ้านต้องอาศัยน้ำ เลียบคลองชลประทานระพีพัฒน์ ทำเกษตรกรรม และน้ำประปาชุมชน หากมีการสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำบริเวณพื้นที่ลำธาร อาจทำให้ขยะตกลงในลำคลอง ก่อให้เสียต่อระบบนิเวศวิทยา เช่นน้ำเน่า ก่อให้เกิดเชื้อโรคซึ่งไม่ปลอดภัยในชีวิตขึ้นของชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถนนเลียบุคลองระพีพัฒน์ อยู่ในความดูแลของกรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ เป็นผู้รับผิดชอบ แม้ว่าถนนริมคลองระพีพัฒน์ เป็นถนนที่มีประชาชนสัญจรไปมาจำนวนมากตลอดเวลา ถูกปล่อยปละละเลยไร้การเหลียวแลจากหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ อีกหน่อยพื้นที่บริเวณริมทางถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ คงจะมีการบุกรุกลงสิ่งปลูกสร้างถาวรเต็มพื้นที่ เหมือนลำตะคลอง ต.หนองสาหร่าย อ.ปากข่อง โคราช ถ้าหากไม่ได้รับการดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมาย วอน อธิบดีกรมชลประธาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยลงพื้นที่ตรวจสอบปัญการบุรุกพื้นที่ริมถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ ดีกว่าปล่อยเกิดปัญหากลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว กลายเป็นปัญหาสังคมไม่รู้จบ