สำหรับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยทุกภาคส่วนในเวลานี้ ต่างเฝ้ารอ และเตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มที่ เพื่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 กรกฎาคม ที่จังหวัดภูเก็ต และวันที่ 1 ตุลาคม 2564 อีก 9 จังหวัด ประกอบด้วย กระบี่, พังงา, สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย, พะงัน, เกาะเต่า), ชลบุรี (พัทยา), เชียงใหม่, กรุงเทพฯ, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ และบุรีรัมย์ เพื่อเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้กลับคืนมาโดยเร็วตามแผนการที่วางไว้
แผนการตลาดต้องยืดหยุ่น
โดยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับ สถานการณ์ดังกล่าวไว้ 3 ด้าน หลัก ๆ ประกอบด้วย 1.แผนการพัฒนาด้านต่างๆ ทั้งเรื่องของสุขอนามัย ความปลอดภัย การปรับภูมิทัศน์ ความเป็นเจ้าบ้านที่ดี รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน ไว้รองรับการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ และ กลุ่มศักยภาพใช้จ่ายสูง 2.แผนการกระจายและฉีดวัคซีน ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันติดตามและแก้ปัญหา หากพื้นที่ไหนได้รับวัคซีนไม่ครบตามเป้าที่วางไว้ว่าต้องปรับวิธี หรือปรับพื้นที่การฉีดก่อนและหลังอย่างไร รวมถึงแผนการบริหารความเสี่ยงของพื้นที่และความพร้อมด้านสาธารณสุขหากมีการแพร่ระบาดซ้ำ 3.แผนการตลาด ซึ่งถือเป็นงานที่ ททท.รับผิดชอบโดยตรง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมทำการตลาด ทั้งแนวทางการดำเนินงานการประสานงาน การคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาจังหวัดภูเก็ตในช่วงไตรมาส 3 และอีก 9 จังหวัดในช่วงไตรมาส 4
เริ่มประสานงานคู่ค้าตปท.
ด้านนาย ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวในไตรมาส 3-4 ปีนี้ ว่า ทุกฝ่ายได้เตรียมพร้อมสำหรับการรองรับนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้แล้ว โดยสมาชิกกว่า 10 รายที่อยู่ในพื้นที่ภูเก็ตได้เริ่มประสานงานกับคู่ค้าในต่างประเทศโดยสมาชิกส่วนใหญ่มีฐานการทำตลาดทั้งในภูเก็ต, กรุงเทพฯ, พัทยา และเมืองอื่น ๆ
ซึ่งนอกจากภูเก็ตแล้วคงต้องประเมินความต้องการในการเดินทางของนักท่องเที่ยวไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ด้วย เพราะสำหรับภูเก็ตถ้าเปิดเมืองตามแผนก็น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาพอสมควร แม้จะยังไม่มาก แต่ก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีกับผลประกอบการที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4 หรือช่วงปลายปี 2564 เนื่องจากเป็นช่วงการท่องเที่ยวของทั่วโลก แต่ที่สำคัญที่จะเป็นดัชนีวัดความเชื่อมั่นของทุกประเทศเวลานี้ ในการตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทย คือ สัดส่วนการฉีดวัคซีนของประชากรในประเทศเป็นหลัก เรียกว่าวัคซีนต้องมาก่อน ประเทศที่จะเปิดการท่องเที่ยวมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งฉีดวัคซีน เพื่อให้ประชากรในประเทศได้รับวัคซีนในสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่า 70% โดยเร็ว
นโยบายภาครัฐต้องชัดเจน
ซึ่ง นาย ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ก็ได้กล่าวต่อในเรื่องนี้ ว่า ปัจจัยที่สำคัญ ที่จะทำให้การเปิดจังหวัดภูเก็ตประสบความสำเร็จในเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยว คือ นโยบายของรัฐบาลที่ออกมาต้องชัดเจน 1.เงื่อนไขการเดินทางเข้าของแต่ละประเทศ รวมถึงนโยบายการกักตัวเมื่อขากลับ มาเมืองไทยไม่ต้องกักตัว แต่กลับไปแล้วต้องโดนกักตัวหรือไม่ 2.วัคซีนยี่ห้อไหนผ่านการรับรองบ้าง เรื่องนี้เป็นการเจรจาระหว่างประเทศ ซึ่งเกินอำนาจของคนในพื้นที่และยังไม่มีความชัดเจนเท่าที่ควร
โดย นายภูมิกิตติ์ กล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการมีความพร้อมอยู่แล้ว ขอให้มีความชัดเจนเพียงพอ ซึ่งการฟื้นกลับมาของภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่าง กลุ่มตลาดไมซ์ ที่จะมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศแน่นอน แต่ไม่ใช่ในช่วงเริ่มแรกของการเปิดประเทศ น่าจะเริ่มมาช่วงไตรมาส 4 เป็นอีเวนต์ อย่าง งานแต่งงาน งานประชุมที่มีจำนวนคนไม่มาก เป็นต้น
สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ที่พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปพร้อมๆ กับสร้างความมั่นใจให้กับภาคประชาชน ในการพัฒนาศักยภาพของ Destination Management Company (DMC) หรือ องค์กรมืออาชีพที่มีความรู้ความเข้าใจในท้องถิ่น ความเข้าใจใน ทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่นั้นๆไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการอื่นๆทั้งทางด้านโรงแรม ระบบขนส่ง รวมไปถึงความ เข้าใจในการดำเนินการจัดเตรียม วางแผน และจัดงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมพิเศษ (Special Event) การประชุม (Meetings)เพื่อตอบรับนโยบายการเปิดประเทศในการนำนักธุรกิจชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศในระยะสั้น
อีกทั้งทีเส็บยังได้ให้ความร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ ทิก้า สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า และทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อดำเนินการอบรมเพิ่มองค์ความรู้ด้านสาธารณสุขและจัดทำแผนในการบริหารจัดการรับคณะนักเดินทางธุรกิจชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยในระยะสั้น ให้สอดคล้องกับมาตรการด้านสาธารณสุขของไทย เพื่อขับเคลื่อนกิจการและกิจกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ รักษาตำแหน่งงานเดิมภายในประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการจ้างงานในประเทศไทย
โดย นายภูมิกิตติ์ กล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการมีความพร้อมอยู่แล้ว ขอให้มีความชัดเจนเพียงพอ ซึ่งการฟื้นกลับมาของภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่าง กลุ่มตลาดไมซ์ ที่จะมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศแน่นอน แต่ไม่ใช่ในช่วงเริ่มแรกของการเปิดประเทศ น่าจะเริ่มมาช่วงไตรมาส 4 เป็นอีเวนต์ อย่าง งานแต่งงาน งานประชุมที่มีจำนวนคนไม่มาก เป็นต้น
สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ที่พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปพร้อมๆ กับสร้างความมั่นใจให้กับภาคประชาชน ในการพัฒนาศักยภาพของ Destination Management Company (DMC) หรือ องค์กรมืออาชีพที่มีความรู้ความเข้าใจในท้องถิ่น ความเข้าใจใน ทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่นั้นๆไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการอื่นๆทั้งทางด้านโรงแรม ระบบขนส่ง รวมไปถึงความ เข้าใจในการดำเนินการจัดเตรียม วางแผน และจัดงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมพิเศษ (Special Event) การประชุม (Meetings)เพื่อตอบรับนโยบายการเปิดประเทศในการนำนักธุรกิจชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศในระยะสั้น
อีกทั้งทีเส็บยังได้ให้ความร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ ทิก้า สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า และทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อดำเนินการอบรมเพิ่มองค์ความรู้ด้านสาธารณสุขและจัดทำแผนในการบริหารจัดการรับคณะนักเดินทางธุรกิจชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยในระยะสั้น ให้สอดคล้องกับมาตรการด้านสาธารณสุขของไทย เพื่อขับเคลื่อนกิจการและกิจกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ รักษาตำแหน่งงานเดิมภายในประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการจ้างงานในประเทศไทย