จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ผลสำรวจของ ซูเปอร์โพล เรื่อง “ผู้นำ ฝ่าโควิด ของไทย วันนี้” ที่มีหลายประเด็นคำถาม เช่น ทำโพลมีประโยชน์อะไร ไปทำโพลที่ไหน ถามใคร จำนวนคนตอบแค่พันกว่าคนจะน่าเชื่อถือได้หรือ ใช้เงินใครทำ เป็นต้น ล่าสุด ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.ซูเปอร์โพล ได้ออกมาชี้แจง ว่า การทำโพลคือการถามประชาชนคนทุกกลุ่มทุกระดับชั้น เพื่อนำเสียงของคนเล็กคนน้อยมาบอกผู้มีอำนาจและสังคม ไม่ใช่เสียงของคนเฉพาะกลุ่มที่เป็นคนชนชั้นนำ หรือที่เรียกกันว่าพวก “อีลีท” ที่คอยปั่นกระแสชี้นำสังคมในโลกโซเชียลเพียงกลุ่มเดียว เมื่อซูเปอร์โพลถามครอบคลุมคนเล็กคนน้อยทุกระดับชั้นจึงไม่น่าจะเสียเวลาแต่น่าจะเป็นประโยชน์ให้คนทุกระดับหลากหลายมีส่วนร่วม ซึ่งการทำโพลเรื่องดังกล่าวนี้และโพลอื่น ๆ ส่วนใหญ่ถามมาจากประชาชนทุกภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปกระจายครอบคลุมพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ผ่านการสุ่มตัวอย่างที่ใช้หลักความน่าจะเป็นตามหลักสถิติโดยมีฐานข้อมูลครอบคลุมประมาณ 8 หมื่นชุมชนผ่านเครือข่ายทั่วประเทศ ขณะที่มีคำถามในโซเชียลที่ว่า จำนวนคนตอบเพียงพันกว่าคนจะน่าเชื่อถือได้หรือ ทางผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า เพียง 1.5% เห็นชอบรับร่าง ผลจริง 61.4% ประกาศก่อนล่วงหน้า 2 สัปดาห์ อ้างอิงใน https://www.sanook.com/news/2035470/ และยังได้สำรวจถามสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะเลือกใครเป็นหัวหน้าพรรค เก็บมาศึกษา 719 คน ผลโพล 52.7% จะเลือกนายอภิสิทธิ์ ฯ ผลจริง 52.9% อ้างอิงใน https://www.dailynews.co.th/politics/674444 ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยในไต้หวัน ยังเชิญไปบรรยาย รวมถึงทางมหาวิทยาลัยออสเตรเลีย ได้สนับสนุนงบประมาณให้ซูเปอร์โพลเขียนบทความวิชาการเรื่อง ประชาธิปไตยไทยกับคนชนชั้นกลางโดยใช้ข้อมูลของซูเปอร์โพล เพราะฉะนั้นงบประมาณที่ใช้เป็นเงินของซูเปอร์โพลที่ทำให้กับสังคมแบบให้เปล่า เพราะซูเปอร์โพลมีลูกค้าองค์กรต่าง ๆ ทั้งจากภายในและต่างประเทศดูอ้างอิงได้ที่ www.superpoll.co.th ซึ่งคำตอบดังกล่าวน่าจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันของคนในสังคม