อาจารย์แพทย์หญิงวรกานต์ ทิพย์สิงห์ อายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติซั่ม ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เผย โรคข้ออักเสบเกาต์ (gouty arthritis) คือ โรคข้ออักเสบจากผลึกเกลือยูเรตที่ตกผลึกสะสมที่ข้อ และเนื้อเยื่อรอบข้อเกิดเป็นปุ่มก้อนตามร่างกายที่เรียกว่า โทฟาย (tophi)
การตกผลึกของผลึกเกลือยูเรตเกิดจากระดับกรดยูริกในซีรั่มที่สูงเป็นเวลานาน เมื่อกรดยูริกในเลือดสูงจนเกินขีดจำกัด การละลายจะเกิดตกผลึกในข้อและเนื้อเยื่อต่างๆ ระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูงที่ยังไม่มีอาการไปเป็นโรคเกาต์แตกต่างกันอย่างมากในแต่ละคน ขึ้นกับปัจจัยทั้งภายนอกและภายในร่างกาย
ผู้ป่วยที่มีกรดยูริกในเลือดสูงส่วนใหญ่ไม่มีอาการโรคเกาต์ แต่มักจะมีกลุ่มอาการทางเมตาบอลิก ได้แก่ อ้วนลงพุง ความดันโลหิตสูง ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง และโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน และที่รู้กันโดยทั่วไปในวงการแพทย์ว่ากลุ่มอาการเมตาบอลิก เป็นกลุ่มอาการที่ทำให้เสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคข้ออักเสบเกาต์ จึงไม่เพียงแต่ทำให้ทุกข์ทรมานจากอาการปวดตามข้อหรือก้อนโทฟาย แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนภัยถึงมัจจุราชเงียบ อย่าง โรคหลอดเลือดหัวใจ
การรักษากรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์จึงเป็นหนึ่งในหนทางป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ การรักษาแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนคือ รักษาโดยไม่ใช้ยา และโดยใช้ยา
การปฎิบัติตัวที่ถูกต้อง เริ่มต้นที่ออกกำลังกายทุกวันและลดน้ำหนัก เนื่องจากโรคอ้วนสัมพันธ์กับระดับกรดยูริกในซีรั่มที่สูงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงโรคเกาต์
ควรดื่มน้ำวันละ 6 – 8 แก้ว งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หลีกเลี่ยงเครื่องในสัตว์ จำกัดปริมาณเนื้อแดง เช่น เนื้อวัว แกะ หมู และปรับเปลี่ยนให้เป็นโปรตีนจากแหล่งอื่น เช่น นมไขมันต่ำ เต้าหู้ ไข่ ธัญพืช ถั่ว เป็นต้น
จากการศึกษาพบว่าอาหารจำพวกถั่วแห้งและผัก ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงในการกำเริบของโรค ซึ่งเป็นการลบล้างความเชื่อที่ผิดว่าถั่วและธัญพืชทำให้เกาต์กำเริบได้
อันดับต่อมาควรจำกัดการดื่มน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มผสมน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำชา-กาแฟผสมน้ำตาล-น้ำเชื่อมเพื่อปรับรสชาติ เป็นต้น
ส่วนกาแฟหรือน้ำชาที่ไม่ผสมน้ำตาล-น้ำเชื่อม เช่น กาแฟดำ ไม่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการกำเริบของเกาต์ และแนะให้รับประทานวิตามินซี 500 มิลลิกรัม วันละครั้งทุกวัน อย่างต่ำ 2 เดือน สามารถลดยูริกในเลือดได้
การรักษาด้วยยา จะแบ่งเป็น ป้องกันการกำเริบ ที่มีใช้ในไทยคือ ยา Colchicine ชนิดเม็ด 0.6 mg และลดกรดยูริกในเลือดคือ กลุ่มยาลดสร้างกรดยูริก ซึ่ง 2 ชนิดคือ ยา Allopurinol ชนิดเม็ด 100 mg และ 300 mg และ ยา Fabulostat ชนิดเม็ด 80 mg และ 160 mg
และกลุ่มยาเพิ่มการขับกรดยูริกทางไต ในไทยมี 3 ชนิดคือ ยา Probenecid ชนิดเม็ด 500 mg ยา Sulfinpyrazone ชนิดเม็ด 100 mg ชนิดแคปซูล 200 mg และยา Benzbromarone ชนิดเม็ด 100 mg