สำหรับ ตลาดด้านสุขภาพ หรือ wellness มีการเติบโตถึงประมาณ 6.4% ต่อปี และมีมูลค่าการตลาดประมาณ 640 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงทำให้ไมเนอร์กรุ๊ป เตรียมรุกตลาดในกลุ่มดังกล่าวนี้โดยเฉพาะ ทั้งนี้แต่ละโครงการได้ร่วมกับพันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้าน wellness ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในเรื่องนี้ ทาง นาย ไมเคิล มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย ไมเนอร์ กรุ๊ป (กลุ่มโรงแรมอนันตรา และกลุ่มโรงแรมอวานี) ได้สะท้อนแผนงานทางการตลาดด้านนี้ พร้อมโครงการอื่นๆ ที่จะนำมาเสริมทัพการทำงานในช่วงที่ผลประกอบการโดยรวมจากโรงแรมในกลุ่มต่ำกว่า 50% ไว้อย่างน่าสนใจ ทำตลาดในประเทศของแต่ละเมือง ทั้งนี้ นาย ไมเคิล มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย ไมเนอร์ กรุ๊ป (กลุ่มโรงแรมอนันตรา และกลุ่มโรงแรมอวานี) กล่าวว่า ด้วยไมเนอร์ กรุ๊ปมีโรงแรมทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นการทำตลาดในช่วงที่โควิด-19 ยังไม่หายไปจากโลกใบนี้ และยังไม่มีวัคซีนป้องกันตั้วนั้น คือ การมุ่งทำตลาดในประเทศของแต่ละเมือง โดยจะออกแคมเปญ หรือโปรโมชั่นไปตามความเหมาะสมของประเทศนั้นๆ แต่สำหรับเมืองไทยเวลานี้ได้ออกมา 4 โครงการ โดยแต่ละโครงจะตอบรับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการบริการแตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงจะไม่เป็นการแข่งขันกันเอง เริ่มต้นที่ วิวิด บาย เวอริตา เฮลธ์ (Vivid by Verita Health) บาร์วิตามินเพื่อสุขภาพ ที่โรงแรมอนันตรา สยาม พร้อมบริการเวชศาสตร์ชะลอวัย และ บริการเสริมความงาม ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ เวอริตา (Verita) ผู้นำในการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ จากประเทศสิงค์โปร ซึ่งที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เป็นอย่างมาก ร่วมมือกับเวอริตา โดยในส่วนของ เวอริตา เฮลธ์ น่าจะเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ของปี 2564 ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของอาคารทางทิศใต้ของ อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ รีสอร์ท ซึ่งจะมีบริการต่างๆ ด้วยการใช้หลักของกระบวนการสู่ชีวิตที่ยืนยาว มีทั้งหมด 3 ขั้นตอน 1. ค้นหาโดยจะใช้การวินิจฉัยและการตรวจสุขภาพ เพื่อค้นหาข้อบกพร่องต่างๆในชั้นเซลล์ ประเมินรูปแบบการใช้ชีวิตในทุก ๆ ด้าน ตรวจวิเคราะห์เฉพาะบุคคลด้านตัวบ่งชี้เกี่ยวกับเซลล์ 2. ฟื้นฟูร่างกาย และป้องกันความเจ็บป่วย คือ การบำบัดในด้าน ผิวพรรณและความงาม เพื่อต่อต้านริ้วรอย การบำบัดเพื่อดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน การบำบัดฟื้นฟูโดยใช้เวชศาศตร์ชะลอวัย 3. สร้างเสริมสุขภาพให้สมบูรณ์ที่สุด ด้วยการใช้โปรแกรมดูแลสุขภาพที่ครอบคลุม มีโปรแกรมให้เลือก 3-7 วันขึ้นอยู่กับผลลัพธ์และความต้องการของแต่ละบุคคล ประกอบด้วยการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพเพื่อชีวิตที่ยืนยาว และ การเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้กับร่างกาย ขณะที่ Clinique La Prairie Aesthetics & Medical Spa ตั้งอยู่ที่ชั้น 15 ของ โรงแรม เดอะ เซ็นต์รีจิส กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็น Clinique La Prairie นแห่งแรกรกที่เปิดนอกประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทั้งนี้ในส่วนสปาคาดว่าจะเปิดให้บริการในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคม 2563 โดยมีบริการที่หลากหลายรวมถึง เวชสาสตร์ด้านความงาม วิตามินบำบัด โค้ชด้านโภชนาการและสุขภาพ และทรีทเม้นท์สปาอันล้ำสมัย อีกทั้งยังมีการใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Swiss Perfection สำหรับการทำสปาทรีท้มนท์ และยังมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับไปใช้ต่อที่บ้านได้ให้เลือกซื้อที่สปาอีกด้วย ทั้งนี้ Swiss perfection เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย ผลิตจากส่วนผสมระดับไฮเอนด์ ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และเห็นผลชัดเจน มีวางจำหน่ายเฉพาะที่ Clinique La Prairie Aesthetics & Medical Spa กรุงเทพฯ เท่านั้น ซึ่ง สิ่งอำนวยความสะดวกสุดหรูที่ Clinique La Prairie Aesthetics & Medical Spa จะแยกพื้นที่พักผ่อนในส่วนของผู้ชายและผู้หญิง อย่างชัดเจน ไว้ให้ลูกค้าใช้ทั้งก่อนและหลังการรับบริการ แต่ละฝั่งจะมีพื้นที่ทั้งหมด 2 ชั้น ซึ่งชั้นลอยจะประกอบไปด้วยเลานจ์พักผ่อนพร้อมที่นั่งรูปไข่ให้ความรู้สึกเสมือนลอยอยู่กลางอากาศ ห้องน้ำและห้องอาบน้ำไว้คอยให้บริการ ในขณะที่ชั้นล่างจะประกอบไปด้วยห้องอบไอน้ำ สระแช่น้ำร้อน สระแช่น้ำเย็น และฝักบัวอาบน้ำที่สามารถปรับระดับแรงดันน้ำ และ เลือกฟังเพลงโปรดได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังได้ร่วมกับพันธมิตร VLCC บริการด้านความงามและสปา (Health & Beauty Specialist) จากประเทศอินเดีย เพื่อนำไปเปิดบริการ ที่อนันตรา หัวหิน ตอบโจทย์ความต้องการด้านอาหาร อย่างไรก็ตาม นาย ไมเคิล ยังกล่าวต่อว่า ในช่วงเวลานี้ยังเข้าไปจัดโปรโมชั่นในส่วนของ ลอย เพลา โวยาจส์ ที่บริการเรือสำราญล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย เรือ ลอย ริเวอร์ สอง ขนาด 4 ห้องนอน 27-35 ตารางเมตร ด้วยแพ็คเกจพิเศษ 2 วัน 1 คืน สำหรับคนไทยและผู้พำนักอยู่ในประทศไทย ราคา 62,000 บาทสุทธิ (หกหมื่นสองพันบาท) ต่อห้อง สำหรับผู้ใหญ่สองท่าน รวมอาหารชั้นเลิศโดยเชฟ เรือ ลอย ดรีม ขนาด 2 ห้องนอน 20-25 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 103,229 ต่อห้อง ต่อคืน สำหรับผู้ใหญ่สองท่าน รวมอาหารชั้นเลิศโดยเชฟ รวมถึงการพัฒนาห้องอาหารและบาร์ นำเสนอบริการ ห้องอาหาร หรือบาร์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการทางด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ยังคงมีสัดส่วนที่สูงในกลุ่มผู้บริโภคภายในประเทศ ทั้งการบริการ สไปซ์ แอนด์ บาร์เลย์ ห้องอาหารจีนและเอเชีย โดยเสิร์ฟเมนูสูตรพิเศษโดย Sam Leong เชฟชื่อดังจากสิงคโปร์ พร้อมเบียร์จากโรงเบียร์สัญชาติเบลเยี่ยม Cornelissen ที่ชั้น 3 ริเวอร์ไซด์ พลาซ่า ถนนเจริญนคร มีจำนวนที่นั่งประเภทในร่ม 40 ที่นั่ง กลางแจ้ง 30-40 ที่นั่ง ส่วนลอสต์ แอนด์ ฟาวด์ (Lost & Found) บาร์หรูที่มีเวทีแสดงโชว์สำหรับผู้รักการแสดงและศิลปะหลากแขนง ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ริเวอร์ไซด์ พลาซ่า ถนนเจริญนคร จำนวน 74 ที่นั่ง จัดโปรโมชั่น ลอย เพลา โวยาจส์ พร้อมกันนี้ยังได้จับมือกับร้านอาหารชื่อดังในกรุงเทพฯ ทำกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ อาทิ อนันตรา สยาม กรุงเทพ จัด Sunday Brunch โดยมีนำร้าน street food ชั้นนำ ผลัดเปลี่ยนมาเสิร์ฟเมนูอร่อยทุกอาทิตย์ อาทิ เอลวิส สุกี้ ขนมปังเจ้าอร่อยเด็จเยาวราช และสรินทร์ทิพย์ ขนมเบื้องไทย ตลาดพลู Bar Take Over มีบาร์ระดับรางวัล Asia’s 50 Best Bar ผลัดเปลี่ยนมาให้บริการ อาทิ Vesper, Backstage และ Tropic City งาน World Gourmet Festival Bangkok ประจำปี 2020 ร่วมมือกับเชฟระดับแถวหน้าที่อยู่ในประเทศไทย โดยหลายท่านเป็นเชฟระดับมิชลิน อาทิ เชฟกากั้น อนันต์ เชฟการิมา อโรรา เชฟหญิงอาหารอินเดียคนแรกที่ได้มิชลิน เชฟวิชิต มุกุระ และ เชฟเกวลิน พิทยานุกุล จากร้านอาหารรอยัล โอชา Royal Osha อีกทั้งยังมีดินเนอร์มื้อพิเศษจากครอบครัวของผู้ลี้ภัยจาก 5 ประเทศ คือ เอธิโอเปีย ปากีสถาน ปาเลสไตน์ ศรีลังกา และเวียดนาม มานำเสนอเมนูได้รับรสสัมผัสของวัฒนธรรมการรับประทานอาหารแบบโฮมคุกกิ้งจากทั่วโลก  นำเสนอบริการห้องอาหาร หรือบาร์ใหม่ๆ ด้าน อวานี ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ จัด Sunday Brunch มีเซเลบริตี้เชฟของเมืองไทยมานำเสนอเมนูจานเด็ด ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน อนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท มี Phuket Chef Pop Up Brunch ร่วมมือกับเชฟชื่อดังของภูเก็ต นำเมนูจานเด็ดมาเสิร์ฟทุกอาทิตย์ ตลอดเดือนพฤศจิกายน ได้แก่ เชฟหน่อย ธรรมศักดิ์ ชูทอง จากร้านสวย เชฟนิโคลา จาก ห้องอาหารและบาร์ อิสระ เชฟเอิร์ธ ศริตวรรษ จากร้านนิธาน และเชฟทอม จากร้านเซิร์ฟ แอนด์ เทิร์ฟ จัดกิจกรรมตลาดดึงดูดนักเดินทาง พร้อมกันนี้ นาย ไมเคิล ยังกล่าวต่อว่า ในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เพื่อดึงดูดนักเดินทางนั้น ยังได้จัดโปรโมชั่นและแพ็คเกจพิเศษสำหรับคนไทย ที่ตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลาย อาทิ กลุ่มครอบครัว กลุ่มที่ต้องการ stacation ไปถึง กลุ่มผู้รักสุขภาพ โดยชาวต่างไทยสามารถใช้สิทธิ์ส่วนลด เราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน คิดเป็นประมาณ 24% ของการจองห้องพัก สำหรับชาวต่างชาติสามารถใช้สิทธิ์ส่วนลด Expat Travel Bonus รวมทั้งยังได้เปิดตัวแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว แชะ แชร์ ชิลล์ #SanookSnap ที่ได้รับการสนับสนุนโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว กระตุ้นให้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศออกไปเที่ยวเมืองไทย โดยใช้แพลตฟอร์ม อินสตาแกรม ซึ่งเป็นที่นิยม ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถแชร์รูปภาพสนุกๆ ผ่านอินสตาแกรมของตนเอง แคมเปญแชะ แชร์ ชิลล์ #SanookSnap ซึ่งจะเป็นจะเป็นภาพถ่ายจากที่ใดก็ได้ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นภาพกิจกรรมสนุกๆ บนชายหาด ตะลุยกินของอร่อยในย่านดัง หรือแม้แต่คาเฟ่ใกล้บ้าน โดยจะแจกรางวัลที่พักในเครืออนันตรา และเครืออวานี ทุกวันพุธของสัปดาห์ สัปดาห์ละ 6 รางวัล ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีรางวัลใหญ่สำหรับนักท่องเที่ยที่เข้าพัก ณ โรงแรมอนันตรา ที่ใดก็ได้ในประเทศไทย ซึ่งนอกจากห้องพักหรู ที่อนัตรา สามเหลี่ยมทองคำ และอวานีสมุย แต่ละแห่งยังมี สโกมาดิ สกู๊ตเตอร์พรีเมียมสไตล์เรโทรสัญชาติอังกฤษ มูลค่ากว่า 75,000 บาทอีกด้วย