วันที่ 27 มีนาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อม พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา รอง ผบช.สทส. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ และพ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.คธม.บช.ทท. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) แถลงจับกุมนายพายุทัศ พองภู่ อายุ 26 ปี สาวประเภทสอง ผู้ต้องหาหลอกขายหน้ากากอนามัย ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนภายในหมู่บ้านเดอะพลีโน่ ปิ่นเกล้า-จรัญ ต.วัดชะลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
 นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจศปอส.ตร. ว่า ถูกหลอกซื้อขายหน้ากากอนามัยยี่ห้อ THAIHEALTH MASK ขายในราคาชิ้นละ 9 บาท/กล่องละ 450 บาท จาก 3 บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก  “ซื้อขายสินค้าตามกระแสโดนๆของเล่นเด็กกวนๆ" “พรวิมล เกษเกียรติขจร” และ“Boonyanut Boonylongkor" โดยใช้ชื่อ รูปภาพ แสดงตนเป็นบุคคลอื่น เสนอขายหน้ากากอนามัย และใช้รูปภาพของหน้ากากอนามัย เมื่อจ่ายเงินมัดจำแล้ว แต่กลับไม่ได้สินค้า มีผู้เสียหายหลงเชื่อมูลค่าความเสียหายความ 5.3 แสนบาท
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจศปอส.ตร. ว่า ถูกหลอกซื้อขายหน้ากากอนามัยยี่ห้อ THAIHEALTH MASK ขายในราคาชิ้นละ 9 บาท/กล่องละ 450 บาท จาก 3 บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก  “ซื้อขายสินค้าตามกระแสโดนๆของเล่นเด็กกวนๆ" “พรวิมล เกษเกียรติขจร” และ“Boonyanut Boonylongkor" โดยใช้ชื่อ รูปภาพ แสดงตนเป็นบุคคลอื่น เสนอขายหน้ากากอนามัย และใช้รูปภาพของหน้ากากอนามัย เมื่อจ่ายเงินมัดจำแล้ว แต่กลับไม่ได้สินค้า มีผู้เสียหายหลงเชื่อมูลค่าความเสียหายความ 5.3 แสนบาท 
 ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่า นายพายุทัศ ผู้ต้องหา ใช้วิธีการหลอกลวงเหยื่ออย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากบัญชีที่รับโอนเงิน จะใช้วิธีการเปิดเฟซบุ๊ก "รับสมัครงาน" และ"เงินกู้" เพื่อหลอกเอาข้อมูลชื่อจริง เลขบัตรประชาชน รหัสการทำธุกรรมทางการเงิน ไปเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อบุคคลอื่นสำหรับการหลอกขายหน้ากากอนามัย ก่อนจะโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองภายหลัง โดยก่อนหน้านี้นายพายุทัศ เคยถูกผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีคดีแชร์ ในท้องที่ สน.บางขุนเทียน จึงได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลอกลวงผู้อื่นไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 ช่วง 2 เดือน ที่ผ่านมา จึงมาหลอกลวงขายหน้ากากอนามัยแทน ซึ่งพบว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบัญชีของนายพายุทัศ มีเงินหมุนเวียนกว่า 2-3 ล้านบาท
 แต่ทางตำรวจมีข้อมูลชัดเจนว่า นายพายุทัศ เป็นผู้ต้องหาและดำเนินการเองทั้งหมด ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม และ เชื่อว่าจะมีความเสียหายมากกว่านี้
ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่า นายพายุทัศ ผู้ต้องหา ใช้วิธีการหลอกลวงเหยื่ออย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากบัญชีที่รับโอนเงิน จะใช้วิธีการเปิดเฟซบุ๊ก "รับสมัครงาน" และ"เงินกู้" เพื่อหลอกเอาข้อมูลชื่อจริง เลขบัตรประชาชน รหัสการทำธุกรรมทางการเงิน ไปเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อบุคคลอื่นสำหรับการหลอกขายหน้ากากอนามัย ก่อนจะโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองภายหลัง โดยก่อนหน้านี้นายพายุทัศ เคยถูกผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีคดีแชร์ ในท้องที่ สน.บางขุนเทียน จึงได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลอกลวงผู้อื่นไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 ช่วง 2 เดือน ที่ผ่านมา จึงมาหลอกลวงขายหน้ากากอนามัยแทน ซึ่งพบว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบัญชีของนายพายุทัศ มีเงินหมุนเวียนกว่า 2-3 ล้านบาท
 แต่ทางตำรวจมีข้อมูลชัดเจนว่า นายพายุทัศ เป็นผู้ต้องหาและดำเนินการเองทั้งหมด ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม และ เชื่อว่าจะมีความเสียหายมากกว่านี้
 หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่าได้มีการติดต่อซื้อหน้ากากอนามัย 3 ชั้นที่ใช้ทางการแพทย์จาก นายพายุทัศ จำนวน 30,000 ชิ้น ซึ่งผู้ต้องหาได้วีดีโอคอลยืนยันว่าหน้ากากอนามัยมีอยู่จริง ตนเองจึงตกลงซื้อขาย ซึ่งผู้ต้องหาแจ้งให้โอนเงินค่ามัดจำก่อน 20 เปอร์เซนต์ จำนวน 48,000 บาท  ก่อนจะส่งโลเคชั่นจุดรับสินค้าย่านจรัสสนิทวงศ์มาให้ ซึ่งเมื่อเดินทางไปรับสินค้าและพยายามติดต่อกับผู้ต้องหาแต่ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ อีกเลยจึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าตำรวจ
หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่าได้มีการติดต่อซื้อหน้ากากอนามัย 3 ชั้นที่ใช้ทางการแพทย์จาก นายพายุทัศ จำนวน 30,000 ชิ้น ซึ่งผู้ต้องหาได้วีดีโอคอลยืนยันว่าหน้ากากอนามัยมีอยู่จริง ตนเองจึงตกลงซื้อขาย ซึ่งผู้ต้องหาแจ้งให้โอนเงินค่ามัดจำก่อน 20 เปอร์เซนต์ จำนวน 48,000 บาท  ก่อนจะส่งโลเคชั่นจุดรับสินค้าย่านจรัสสนิทวงศ์มาให้ ซึ่งเมื่อเดินทางไปรับสินค้าและพยายามติดต่อกับผู้ต้องหาแต่ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ อีกเลยจึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าตำรวจ
 นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจศปอส.ตร. ว่า ถูกหลอกซื้อขายหน้ากากอนามัยยี่ห้อ THAIHEALTH MASK ขายในราคาชิ้นละ 9 บาท/กล่องละ 450 บาท จาก 3 บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก  “ซื้อขายสินค้าตามกระแสโดนๆของเล่นเด็กกวนๆ" “พรวิมล เกษเกียรติขจร” และ“Boonyanut Boonylongkor" โดยใช้ชื่อ รูปภาพ แสดงตนเป็นบุคคลอื่น เสนอขายหน้ากากอนามัย และใช้รูปภาพของหน้ากากอนามัย เมื่อจ่ายเงินมัดจำแล้ว แต่กลับไม่ได้สินค้า มีผู้เสียหายหลงเชื่อมูลค่าความเสียหายความ 5.3 แสนบาท
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจศปอส.ตร. ว่า ถูกหลอกซื้อขายหน้ากากอนามัยยี่ห้อ THAIHEALTH MASK ขายในราคาชิ้นละ 9 บาท/กล่องละ 450 บาท จาก 3 บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก  “ซื้อขายสินค้าตามกระแสโดนๆของเล่นเด็กกวนๆ" “พรวิมล เกษเกียรติขจร” และ“Boonyanut Boonylongkor" โดยใช้ชื่อ รูปภาพ แสดงตนเป็นบุคคลอื่น เสนอขายหน้ากากอนามัย และใช้รูปภาพของหน้ากากอนามัย เมื่อจ่ายเงินมัดจำแล้ว แต่กลับไม่ได้สินค้า มีผู้เสียหายหลงเชื่อมูลค่าความเสียหายความ 5.3 แสนบาท 
 ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่า นายพายุทัศ ผู้ต้องหา ใช้วิธีการหลอกลวงเหยื่ออย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากบัญชีที่รับโอนเงิน จะใช้วิธีการเปิดเฟซบุ๊ก "รับสมัครงาน" และ"เงินกู้" เพื่อหลอกเอาข้อมูลชื่อจริง เลขบัตรประชาชน รหัสการทำธุกรรมทางการเงิน ไปเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อบุคคลอื่นสำหรับการหลอกขายหน้ากากอนามัย ก่อนจะโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองภายหลัง โดยก่อนหน้านี้นายพายุทัศ เคยถูกผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีคดีแชร์ ในท้องที่ สน.บางขุนเทียน จึงได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลอกลวงผู้อื่นไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 ช่วง 2 เดือน ที่ผ่านมา จึงมาหลอกลวงขายหน้ากากอนามัยแทน ซึ่งพบว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบัญชีของนายพายุทัศ มีเงินหมุนเวียนกว่า 2-3 ล้านบาท
 แต่ทางตำรวจมีข้อมูลชัดเจนว่า นายพายุทัศ เป็นผู้ต้องหาและดำเนินการเองทั้งหมด ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม และ เชื่อว่าจะมีความเสียหายมากกว่านี้
ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่า นายพายุทัศ ผู้ต้องหา ใช้วิธีการหลอกลวงเหยื่ออย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากบัญชีที่รับโอนเงิน จะใช้วิธีการเปิดเฟซบุ๊ก "รับสมัครงาน" และ"เงินกู้" เพื่อหลอกเอาข้อมูลชื่อจริง เลขบัตรประชาชน รหัสการทำธุกรรมทางการเงิน ไปเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อบุคคลอื่นสำหรับการหลอกขายหน้ากากอนามัย ก่อนจะโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองภายหลัง โดยก่อนหน้านี้นายพายุทัศ เคยถูกผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีคดีแชร์ ในท้องที่ สน.บางขุนเทียน จึงได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลอกลวงผู้อื่นไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 ช่วง 2 เดือน ที่ผ่านมา จึงมาหลอกลวงขายหน้ากากอนามัยแทน ซึ่งพบว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบัญชีของนายพายุทัศ มีเงินหมุนเวียนกว่า 2-3 ล้านบาท
 แต่ทางตำรวจมีข้อมูลชัดเจนว่า นายพายุทัศ เป็นผู้ต้องหาและดำเนินการเองทั้งหมด ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม และ เชื่อว่าจะมีความเสียหายมากกว่านี้
 หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่าได้มีการติดต่อซื้อหน้ากากอนามัย 3 ชั้นที่ใช้ทางการแพทย์จาก นายพายุทัศ จำนวน 30,000 ชิ้น ซึ่งผู้ต้องหาได้วีดีโอคอลยืนยันว่าหน้ากากอนามัยมีอยู่จริง ตนเองจึงตกลงซื้อขาย ซึ่งผู้ต้องหาแจ้งให้โอนเงินค่ามัดจำก่อน 20 เปอร์เซนต์ จำนวน 48,000 บาท  ก่อนจะส่งโลเคชั่นจุดรับสินค้าย่านจรัสสนิทวงศ์มาให้ ซึ่งเมื่อเดินทางไปรับสินค้าและพยายามติดต่อกับผู้ต้องหาแต่ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ อีกเลยจึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าตำรวจ
หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่าได้มีการติดต่อซื้อหน้ากากอนามัย 3 ชั้นที่ใช้ทางการแพทย์จาก นายพายุทัศ จำนวน 30,000 ชิ้น ซึ่งผู้ต้องหาได้วีดีโอคอลยืนยันว่าหน้ากากอนามัยมีอยู่จริง ตนเองจึงตกลงซื้อขาย ซึ่งผู้ต้องหาแจ้งให้โอนเงินค่ามัดจำก่อน 20 เปอร์เซนต์ จำนวน 48,000 บาท  ก่อนจะส่งโลเคชั่นจุดรับสินค้าย่านจรัสสนิทวงศ์มาให้ ซึ่งเมื่อเดินทางไปรับสินค้าและพยายามติดต่อกับผู้ต้องหาแต่ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ อีกเลยจึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าตำรวจ
 
        

