"Smarthome" ยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว ชูจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัย

"Smarthome" ยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว ชูจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัย

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ "Smarthome" กันให้มากยิ่งขึ้น

"Smarthome (สมาร์ทโฮม) เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ตอบสนองรูปแบบชีวิตแนวใหม่  โดยมีบริษัท สเต็ป ฟอร์เวิร์ด กรุ๊ป จำกัด  เป็นผู้นำเข้าและจำหน่าย

มีผู้ก่อตั้งทั้งหมด 3 ท่านได้แก่ คุณธวัช มานะวงค์ (Executive Director) , คุณวิศรุต ทวีรุจนะ (Managing Director) และคุณณัฐพล รอดชุม (Managing Director) ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ สำหรับสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมไปถึงเครื่องใช้ ไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำเสนอสินค้าที่ดี มีคุณภาพ เน้นรูปลักษณ์สวยงาม ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้เข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย

สินค้าของ "Smarthome" ครอบคลุมและหลากหลาย อาทิ หม้อทอดไร้น้ำมัน, เตาปิ้งย่าง, เครื่องปั่น, กระติกน้ำร้อน, เตาอบ, เตาแม่เหล็กไฟฟ้า, หม้อเอนกประสงค์,เครื่องฟอกอากาศ, เครื่องดูดฝุ่น, พัดลม, หม้อหุงข้าว, ตู้เย็น, เครื่องทำน้ำแข็ง และเครื่องทำแซนวิซ เป็นต้น 

มีช่องทางการจัดจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงโมเดิร์นเทรด อาทิ Big-C , Lotus , Makro ,GO Wholesale, 7-Eleven และ CJ Express รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทยและตลาดอีคอมเมิร์ซ E-commerce เพื่อเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Lazada , Shopee , TikTok Shop และอื่นๆ เพื่อทำให้การซื้อสินค้ากลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย มากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของสินค้า Smarthome คือ 1.มีคุณภาพตามมาตรฐานและผลิตภัณฑ์ต้องผ่านการตรวจสอบก่อนถึงมือลูกค้า 2.มีความทันสมัย สามารถ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกวัย ในราคาที่เป็นมิตรและเข้าถึงได้สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง ทำให้สามารถเลือกซื้อได้สะดวกและมั่นใจว่าสินค้ามีความคุ้มค่าที่สุด 3.มีการรับประกันที่ยาวนานถึง 3 ปี เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ ในคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้า และ4.มีบริการหลังการขายที่พร้อมให้บริการลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับ ความสะดวกสบายและความพึงพอใจที่สุดในการใช้บริการ

ไม่เพียงเท่านี้ บริษัทยังมุ่งเน้นด้านบริการอย่างเต็มที่ โดยมีทีม After-Sales Service บริการหลังการขาย ให้คำปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน ตั้งแต่วันจันทร์-วันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 08.30 น. - 18.00 น. (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) อีกทั้งเรายังมีรับประกันสินค้าถึง 3 ปี ให้กับตัวสินค้า นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้า โดยเรามีพนักงานขายประจำอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทุกสาขา เพื่อให้บริการข้อมูลแก่ลูกค้าอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯไม่เพียงแต่มุ่งหวังในผลกำไรเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นที่จะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ และเน้นให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุดเป็นสำคัญ จึงไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคม โดยมีโครงการ "ซื้อ 1 ชิ้น ปัน 1 บาท" ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี โดยทุกการซื้อสินค้าหนึ่งชิ้น เราจะร่วมสมทบทุนเพื่อนำเงินจำนวนนี้ ไปส่งมอบคืนสู่สังคม แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆคือ 1.มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กด้อยโอกาส รวมทั้งเด็กสัญชาติต่างๆ ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน 2.สนับสนุนหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ 3.อุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา เช่น การสร้างศาลาวัดเพื่อสั่งสอนหลักธรรม แก่ประชาชน และมอบทุนการศึกษาแก่สามเณรเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนา นับได้ว่าเป็นองค์กรคุณภาพที่ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ใครไม่อยากตกเทรนด์สินค้าดี มีคุณภาพ ราคาจับต้องได้  สามารถเข้าไปดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smart-home.co.th/ 

“Smarthome” เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง รุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ชูจุดเด่นสินค้ามีมาตรฐาน-ดีไซน์ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกครอบครัว

สเต็ป ฟอร์เวิร์ด กรุ๊ป ภายใต้แบรนด์ "Smarthome" เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง  รุกหนักตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทั้งไฟฟ้าเล็กและไฟฟ้าใหญ่ เตรียมออกโปรดักส์ใหม่ หลากหลายโปรดักส์ ขยายกลุ่มสินค้าให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของตลาด หวังกระตุ้นยอดขายครึ่งปีหลังนี้ พร้อมชูจุดเด่นสินค้ามีมาตรฐาน-ดีไซน์-เทคโนโลยีทันสมัย ด้วยบริการหลังการขายที่ดี มั่นใจตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์

นายธวัช มานะวงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สเต็ป ฟอร์เวิร์ด กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ "Smarthome" (สมาร์ทโฮม) ที่ตอบสนองรูปแบบชีวิตแนวใหม่ กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนจะบุกตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งไฟฟ้าเล็กและไฟฟ้าใหญ่ ในครึ่งปีหลังปีนี้  โดยมุ่งเน้นทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ครอบคลุมตลาดไปยังทุกเซกเมนต์ และขยายกลุ่มสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ สินค้าของบริษัทฯ เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลาย ทั้งยังตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ ประกอบกับมีเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองความต้องการ ทำให้ลูกค้าเข้าใจลักษณะการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หลากหลายโปรดักส์ โดยชูจุดเด่นสินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐาน ดีไซน์สินค้าที่มีความทันสมัย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ทุกวัย ในราคาจับต้องได้และเข้าถึงได้สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้สะดวกและมั่นใจว่าสินค้ามีความคุ้มค่าสูงสุด รวมถึงมีการการรับประกันสินค้าที่ยาวนานถึง 3 ปี เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้า นอกจากนี้ยังมีบริการหลังการขายที่พร้อมให้บริการลูกค้า และพนักงานขายเพื่อแนะนำสินค้าประจำการที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทุกสาขา  อีกทั้งลูกค้ายังสามารถดูรายละเอียดและวิธีการใช้งานของสินค้าได้ในช่องทางออนไลน์ต่างๆของ Smarthome ได้ทั้ง Facebook,YouTube,TikTok ของเรา เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายและความพึงพอใจสูงสุดในการใช้บริการ

โดยบริษัทฯ คาดว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และจะมียอดขายสูงขึ้นช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของปี เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้บริโภคจะมองหาของขวัญ หรือมีกิจกรรมจับรางวัลต่างๆ และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จะเป็นสินค้ากลุ่มหลักๆ ที่ผู้บริโภคจะมองเพื่อซื้อหา เพราะมีราคาไม่สูงและขนาดของสินค้าพอเหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญให้กัน

“โลกที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันทำให้ผู้บริโภคหันมาช้อปปิ้งทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทำให้บริษัทฯให้ความสำคัญในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มากที่สุด โดยบริษัทฯจะมุ่งเน้นการตลาดควบคู่ทั้งในส่วนของออนไลน์และออฟไลน์ และเชื่อมั่นว่าสินค้าแบรนด์ "Smarthome" มีความคุ้มค่า คุ้มราคา คุ้มคุณภาพ ทำให้มั่นใจเราจะเป็นตัวเลือก อันดับที่ 1 ของลูกค้าได้ไม่ยาก” นายธวัช กล่าว

สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ "Smarthome" มีสินค้าครอบคลุมและหลากหลาย อาทิ เครื่องฟอกอากาศ, เครื่องดูดฝุ่น, พัดลม, หม้อหุงข้าว, ตู้เย็น, เครื่องทำน้ำแข็ง และเครื่องทำแซนวิซ เป็นต้น  โดยสินค้ามีจำหน่ายอยู่ทั่วทั้งประเทศ ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงโมเดิร์นเทรด อาทิ  Big-C , Lotus, Makro,GO Wholesale, 7-Eleven และ CJ Express รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทยและตลาดอีคอมเมิร์ซ E-commerce เพื่อเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Lazada , Shopee , TikTok Shop และอื่นๆ เพื่อทำให้การซื้อสินค้ากลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย มากยิ่งขึ้น

นายธวัช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสฉลองครบรอบ 11 ปี บริษัทฯ ได้ออกแคมเปญ “แจกทอง” เพียงลูกค้าซื้อสินค้า Smarthome รุ่นใดก็ได้ แล้วลงทะเบียนรับประกันสินค้า รับ 1 สิทธิ์ ลุ้นรับของรางวัล ระยะเวลากิจกรรมตั้งแต่วันที่ 1 - 31 กรกฎาคม 2567 โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smart-home.co.th/

"พิมพ์ภัทรา" เตือนผู้ประกอบการเหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้า 91 รายการ ก่อนส่งออกไปอินเดียให้เช็กมาตรการการนำเข้า

“พิมพ์ภัทรา” เตือนผู้ประกอบการเหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้า 91 รายการ ก่อนส่งออกไปอินเดีย ให้เช็กมาตรการการนำเข้า

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ส่งออกสินค้าไปยังประเทศอินเดียให้ตรวจสอบและศึกษามาตรการการนำเข้าให้ถี่ถ้วน เนื่องจากอินเดียได้ออกมาตรการควบคุมการนำเข้าเหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 91 รายการ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการส่งออกสินค้าดังกล่าวของไทย ทั้งนี้ได้กำชับให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ในฐานะที่เป็นหน่วยงานกลางในการปฏิบัติตามพันธกรณีความตกลงว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (TBT) ของ WTO และเป็นผู้แทนประเทศไทยในการเจรจาต่อรองด้านอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ อินเดียเป็นคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทยที่มีมูลค่าการส่งออกในเดือนพฤษภาคม 2567 มากกว่า 36,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นอันดับที่ 6 รองลงมาจากสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเวียดนาม จึงขอให้ผู้ประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้ง 91 รายการ ที่จะส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังประเทศอินเดีย ศึกษามาตรการดังกล่าวอย่างรอบคอบ เพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการทางการค้าของอินเดียได้อย่างถูกต้อง และไม่เสียโอกาสทางการค้า

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า สมอ.ในฐานะผู้แทนประเทศไทยในการปฏิบัติตามความตกลง TBT ของ WTO  ได้แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ได้รับทราบมาตรการทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานสินค้าของประเทศต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นข้อกำหนดของ WTO ที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกจะต้องเผยแพร่มาตรการทางการค้าต่อสาธารณชน และแจ้งให้ประเทศสมาชิกอื่นๆทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงมาตรการ เพื่อลดข้อกีดกันทางการค้า สำหรับมาตรการทางการค้าของประเทศอินเดียในครั้งนี้ เป็นการควบคุมคุณภาพ  ผลิตภัณฑ์เหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 91 รายการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานของอินเดียที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็วๆนี้ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์เหล็ก 6 รายการ ได้แก่ 1) เหล็กกล้าแผ่นแถบรีดร้อนและรีดเย็นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการแปรรูป 2) เหล็กกล้าแผ่นแถบ  แผ่นตัด และแผ่นบางสำหรับงานท่อ  3) เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสี สำหรับงานรถยนต์ 4) เหล็กกล้าแผ่นตัด แผ่นบาง และแผ่นแถบเคลือบสังกะสีผสมอะลูมิเนียมและแมกนีเซียม 5) โลหะผสมโมลิบดีนัม และ 6) โลหะผสมเหล็กวานาเดียม

สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ครอบคลุมสินค้า 85 รายการ เช่น ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน หม้อหุงข้าว เตาอบ เครื่องดูดฝุ่น เตาปิ้งย่าง เตารีด และไดร์เป่าผม เป็นต้น โดยผู้ประกอบการไทยที่จะส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังประเทศอินเดียต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตจากสำนักงานมาตรฐานอินเดีย และแสดงเครื่องหมายมาตรฐานที่ตัวสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ทั้งนี้สามารถศึกษารายละเอียดของมาตรฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ โดยสแกน QR Code ด้านล่างนี้ รวมถึงประสานข้อมูลกับคู่ค้าหรือตัวแทนในประเทศอินเดีย เพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง และสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง  

#ข่าววันนี้ #ผู้ประกอบการเหล็ก #เครื่องใช้ไฟฟ้า #อินเดีย #สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

 

"เพาเวอร์ มอลล์" เร่งเครื่องลุยเต็มสูบชิงกำลังซื้อกลางปี จัด “POWER MALL ELECTRONICA SHOWCASE” มหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าไอทีครั้งยิ่งใหญ่

เพาเวอร์ มอลล์ (POWER MALL) เดอะมอลล์ กรุ๊ป NO.1 ELECTRONICS & LIFESTYLE EXPERIENTIAL MEGA STORE ของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ไอที ผนึกกำลังแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลกมากกว่า 200  แบรนด์ จัดงาน “เพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า โชว์เคส ” (POWER MALL ELECTRONICA SHOWCASE) มหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าไอทีครั้งยิ่งใหญ่ใจกลางเมือง ขนทัพสินค้าจัดเต็มทุกเซ็กเมนต์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “THE ULTIMATE RACE OF INNOVATION” พร้อมไฮไลท์สินค้าใหม่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ที่ “POWER MALL FIRST” และหลากหลายไฮไลท์สินค้าที่มาพร้อมฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีล้ำสมัย ตอบโจทย์เทรนด์ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี AI ในสินค้าหลากหลายกลุ่ม เพื่อทำให้การใช้ชีวิตประจำวันง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น พิเศษเฉพาะสาขาพารากอน เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ด้วย Apple Shop ใหม่ ใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า, โซนเกมมิ่งใหม่ล่าสุดที่เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับเหล่าเกมเมอร์และโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (SMALL APPLIANCE) นำเสนอหลากหลายสินค้าสุขภาพไลฟ์สไตล์ที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในปัจจุบัน พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้มค่า สินค้าลดสูงสุด 60%, รับฟรีคูปองส่วนลดเงินสดสูงสุด 15,000 บาท, ผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน, สมาชิก M CARD ลดเพิ่มสูงสุด 20% (เฉพาะวันพุธ), รับคืน รวมสูงสุด 36,000 บาทจากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 19 มิถุนายน – 29 กรกฏาคม 2567  ที่ POWER MALL ทุกสาขา

การจัดงาน “เพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า โชว์เคส” ในปีนี้ ซึ่งเป็นมหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าของเมืองไทย ในช่วงกลางปี ของเพาเวอร์ มอลล์ ที่ลูกค้ารอคอย ถือเป็นจังหวะสำคัญในการสร้างยอดขาย และรองรับความต้องการซื้อที่สูงขึ้น เพาเวอร์ มอลล์ จึงได้ร่วมกับผู้ประกอบการแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำมากกว่า 200 แบรนด์ รวบรวมหลากหลายกลุ่มสินค้าทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน , ทีวี & ออดิโอ , โมบาย & ไอที & เกมส์,  แกดเจ็ต และสินค้าสุขภาพและไลฟ์สไตล์ มานำเสนอให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “THE ULTIMATE RACE OF INNOVATION” รวมที่สุดแห่งสินค้าเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และยิ่งกว่านั้นช่วงเวลานี้ยังมีมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ซึ่งจะเป็นการผลักดันยอดขายมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เพาเวอร์ มอลล์ ยังพร้อมเป็นเวทีให้แบรนด์ต่างๆ ได้ร่วมแสดงนวัตกรรมแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุด, สินค้านำเทรนด์ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ทั้งฟังก์ชั่น AI  หรือการสั่งงานผ่านอินเทอร์เน็ต-สมาร์ทโฟน, Wellness & Healthy Lifestyle, และ Sustainability รับเทรนด์มาแรง รวมถึงสินค้าที่จะมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่โซน POWER MALL FIRST พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ อาทิ

- LG WORLD’S FIRST AND ONLY OLED TV WITH 4K 120 HZ WIRELESS VIDEO & AUDIO TRANSFER ขนาด 97 นิ้ว นวัตกรรมทีวี OLED ไร้สาย ที่จะเปลี่ยนนิยามประสบการณ์ความบันเทิงภายในบ้านให้สะดวกสบายและล้ำยุคกว่าที่เคย ราคา 1,099,990 บาท

- SONY BRAVIA 7 MINI LED TV ขนาด 85 นิ้ว ให้คุณเห็นสีดำที่ลึกขึ้นและพื้นที่สว่างก็สว่างยิ่งขึ้นกว่า FULL ARRAY LED แบบปกติ ทีวีที่เหมาะกับการรับชมภาพยนตร์ เสมือนมีโรงภาพยนตร์ส่วนตัวอยู่ที่บ้าน ราคา 124,990บาท พิเศษ 114,990บาท

- HP PAVILION AERO LAPTOP หน้าจอขนาด 13 นิ้ว น้ำหนักเบาพิเศษ โดยตัวเครื่องมีน้ำหนักน้อยกว่า 1 KG สามารถได้พกพาสะดวก รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างน่าประทับใจ 

- SMEG เตาอบ OMNICHEF จากเตาอบซีรีส์ใหม่ SMEG GALILEO ที่สุดของเตาอบ และที่สุดของเชฟ

เพื่อผลลัพธ์ในการปรุงอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุด  โดยผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยีทั้ง 3 ฟังก์ชั่นหลัก

อย่าง การอบแบบดั้งเดิม (TRADITIONAL) การอบไอน้ำ (STEAM) และ ไมโครเวฟ (MICROWAVE) ไว้ในเครื่องเดียว ราคา 450,000 บาท พิเศษ 315,000 บาท

- TEMPTECH ตู้แช่ไวน์ LA SOMMELIERE ECELLAR185 ยกระดับประสบการณ์การเก็บไวน์ ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อข้อมูลไวน์ในตู้ ผ่านแอปพลิเคชัน VINOTAG® ให้คุณดูแลไวน์ของคุณอย่างดี เหมือนมีซอม      เมอริเยร์คอยให้คำแนะนำ ราคา 350,000 บาท พิเศษ 295,000 บาท

พิเศษสุดที่สาขาพารากอน พบกับคอนเซ็ปต์ Apple Shop โฉมใหม่ล่าสุดที่ใหญ่ที่สุดในห้างสรรพสินค้ามาพร้อม Double Digital Brand Wall ที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก นำเสนอหลากหลายกลุ่มสินค้า ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของผู้บริโภค, โซนเกมมิ่งใหม่ล่าสุด มาพร้อมไอเทมจัดเต็ม ตอบโจทย์เกมเมอร์อย่างครบครัน และเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ชีวิตของคนเมืองรุ่นใหม่ ที่มีความใส่ใจเรื่องสุขภาพและความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต POWER MALL ยังได้ปรับโฉมพื้นที่กว่า 40 ตร.ม. ให้กับสินค้ากลุ่มเครื่องล้างจานจากแบรนด์ชั้นนำ อาทิ เช่น BOSCH, ELECTROLUX, TOSHIBA และ MEX รวมถึงขยายพื้นที่เพื่อสินค้าในกลุ่ม WATER SOLUTION ให้เด่นชัดขึ้น เช่น เครื่องทำน้ำอุ่นจากแบรนด์ระดับโลก เช่น STIEBEL ELTRON, MAZUMA, PANASONIC รวมถึงเครื่องกรองน้ำชั้นนำจากเกาหลีอย่าง COWAY

ขณะเดียวกันยังได้รวบรวมความครบครันของสินค้าเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดไว้ให้ได้เป็นเจ้าของก่อนใคร เฉพาะงานนี้  อาทิ

กลุ่มโมบาย ไอที และแกดเจ็ต (MOBILE, IT & GADGET) อาทิ SAMSUNG GALAXY S24 SERIES ราคา 33,900 - 62,900 บาท, HUAWEI PURA 70 ราคา 29,990 บาท, OPPO RENO12 SERIES 5G ราคา 10,990 – 19,990 บาท, SONY BRAVIA QUAD THEATRE ราคา 89,990 บาท, JBL GO 4 ราคา 1,990 บาท, JBL XTREME 4 ราคา 14,900 บาท

กลุ่มทีวี (TV) พบกับสมาร์ททีวีจอยักษ์ เอาใจคอกีฬา อาทิ LG OLED TRANSPARENT TV ราคา 1,600,000 บาท, TCL WORLD’S LARGEST 115-INCH QD MINI LED TV ราคา 1,299,990 บาท พิเศษ 899,990 บาท พร้อมรับ PREMIUM รวมมูลค่ากว่า 80,000 บาท, SAMSUNG MUSIC FRAME ราคา 20,000 บาท

กลุ่มสินค้า IT & GAMING  อาทิ HP PAVILION AERO สุดยอดความคล่องตัวและการออกแบบน้ำหนักเบา ราคา 36,990 บาท, STEELSERIES ARCTIS NOVA PRO WIRELESS HEADSET + INFINITY POWER SYSTEM ราคาเริ่มต้น 15,690 บาท, STEEL SERIES KEYCAP IN MULTIPLE LANGUAGES สามารถเปลี่ยนถึง 3 ภาษา พิเศษ 595 บาท และ STEELSERIES FAZECLAN EDITION อาทิ NOVA 7 WIRELESS HEADSET ราคา 7,990 บาท, AEROX 3 WIRELESS MOUSE ราคา 4,490 บาท, APEX 9 MINI KEYBOARD ราคา 6,690 บาท, QCK HEAVY XXL ราคา 1,990 บาท

กลุ่มสินค้าภายในบ้านขนาดใหญ่ (HOME APPLIANCE) ลดสูงสุด 60% ยกทัพลดราคาสินค้าขายดีช่วงหน้าฝน เครื่องซักผ้าฝาหน้าและเครื่องอบผ้า ไซส์ใหญ่ ช่วยทำให้ผ้าแห้ง ลดรอยยับ และยังถนอมผ้า ไม่ง้อแดด พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำ อาทิ LG, SAMSUNG, ELECTROLUX, BOSCH รวมทั้งสินค้าใหม่ล่าสุด อาทิ TOSHIBA ตู้เย็น 4 ประตู เชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน รุ่น GR-RF665WIA-PGTH(22), เครื่องปรับอากาศ HAIER TOWER AIR CONDITIONER รุ่น FSE24030T, เครื่องลดความชื้น ที่ขาดไม่ได้ในช่วงหน้าฝน  ช่วยดูดความชื้นและฟอกอากาศในห้อง หมดปัญหาเชื้อราและไรฝุ่น มอบอากาศสดชื่นและสุขภาพที่ดี

กลุ่มสินค้าภายในบ้านขนาดเล็ก (SMALL APPLIANCE) รวมแบรนด์สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเพื่อสุขภาพ อาทิ หม้อทอดไร้น้ำมัน จากแบรนด์ TEFAL รุ่น FW501866 ปกติ 12,990 บาท พิเศษ 5,990 บาท แถมฟรี เครื่องปั่น รุ่น BL2C1166 มูลค่า 8,490 บาท, เตารีดแรงดันไอน้ำจากแบรนด์ PHILIPS รุ่น PSG6066/20 ปกติ 17,990 บาท พิเศษ 9,990 บาท และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวทันสมัยหลากหลายแบรนด์ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ อย่างครบครันภายในงานนี้

กลุ่มสินค้า LIFESTYLE APPLIANCE กับ DYSON SUPERSONIC NURAL มาพร้อมเทคโนโลยีเซ็นเซอร์อัจฉริยะ NURAL(TM) ช่วยปกป้องสุขภาพหนังศีรษะ และเพิ่มความเงางามของเส้นผมอย่างเป็นธรรมชาติ ในราคาพิเศษ 18,900 บาท

นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด (Mr.Ratchata Suttapattanon, Chief Business Officer - Specialty Business The Mall Group Co., Ltd.) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่มส่งสัญญาณการเติบโตที่ดีตั้งแต่ต้นปี ทั้งนโยบาย Easy E-receipt ที่ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี การท่องเที่ยวที่เติบโตมากขึ้น และสภาวะอากาศร้อนที่เป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะกลุ่มเครื่องความเย็น ซึ่งเพาเวอร์ มอลล์ ก็มีตัวเลขโดยรวมเติบโตมากกว่าตลาดปีที่ผ่านมา โดยเครื่องปรับอากาศโตขึ้น 45%, พัดลมโตขึ้น 32%  , กลุ่มมือถือโตขึ้น 78%  , กลุ่มทีวีไซส์ใหญ่โตขึ้น 20%   , กลุ่มเครื่องซักผ้าโตขึ้น 10% ประกอบกับแบรนด์ผู้ประกอบการต่างส่งไลน์อัพสินค้าใหม่ลงตลาดเต็มทุกเซ็กเมนต์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่กระตุ้นการจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในปีนียังมี 2 งานใหญ่ กับ 2 มหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างฟุตบอลยูโร 2024 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14  กรกฏาคม 2567 ตามด้วยกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่จัดตั้งแต่วันที่ 26 กรกฏาคม ถึง 11 สิงหาคม 2567 จึงคาดว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่มทีวีและเครื่องเสียงจะคึกคักมากยิ่งขึ้น  

พิเศษสุดสำหรับงาน  “เพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า โชว์เคส ” (POWER MALL ELECTRONICA SHOWCASE) ในปีนี้ มีการจัดงานในพื้นที่ MCC HALL พบโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษ ลดสูงสุดถึง 70%, ซื้อ 1 แถม 1 , ซื้อ 1 ได้สูงสุดถึง 4, แจกฟรี คูปองส่วนลดเงินสด 1,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 80,000 บาท, ท้ายใบเสร็จกูร์เมต์ มาร์เก็ต / ตั๋วหนัง / ล็อตตอรี่ รับทันทีส่วนลดเงินสด 500 บาท , กินปุ๊บ รับปั๊บ ฟรีคูปองส่วนลดเงินสด 1,000 บาท เมื่อรับประทานอาหารโซน DINING GARDEN ชั้น 3 และเมื่อช้อปภายในงานครบ 100,000 บาท ต่อวัน รับสิทธิพิเศษจอดรถฟรี และสิทธิ์เข้า Platinum Logue  6 เดือน และกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากศิลปิน อาทิ เจมีไนน์ นรวิชญ์, บอย ปกรณ์, ยุ่น ภุษณ, วง PERSES, บาร์โค้ด ตฤณสิษฐ์, ตรี ภรภัทร และสุดว้าวกับคุณหนุ่ย พงศ์สุข BT beartai เจ้าพ่อไอทีแนวหน้าของประเทศไทย ที่จะมารีวิวสินค้า Innovation สุดล้ำภายในงาน , กิจกรรมที่ทั้งความสนุกและได้ความรู้ กับ IT Workshop Zone , กิจกรรมแข่งเกมส์ Street Fighter จากแบรนด์ MSI Steelseries , กิจกรรม Cooking Show โดยเชฟบอย ปิยะชาติ พุทธวงษ์ จากร้านอาหารเสน่ห์จันทร์ ที่จะมารังสรรค์เมนูสุดพิเศษ เฉพาะที่ MCC HALL ชั้น 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 7 กรกฏาคม 2567 และที่ MCC HALL ชั้น 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค ระหว่างวันที่ 19 – 29 กรกฏาคม 2567 รวมพื้นที่การจัดงานทั้งหมดมากกว่า 55,000 ตารางเมตร  คาดว่ายอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมา 68% มูลค่า 534 ล้านบาท (34 วัน) ในช่วงเวลาเดียวกัน

สำหรับทิศทางของ เพาเวอร์ มอลล์ ในปีนี้ เรายังคงเดินหน้าร่วมมือกับผู้ประกอบการแบรนด์นำสินค้ารุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มพรีเมี่ยมเพิ่มมากขึ้น, เน้นกลุ่มสินค้าฟังก์ชั่น AI เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ มาพร้อมความหลากหลายของกลุ่มสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ครบครัน รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีแบบครบทุกมิติ, กระตุ้นกำลังซื้อผ่านโซนไฮไลท์ ที่จัดเป็นหมวดสินค้าอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความสะดวกในการช้อปปิ้งของลูกค้า โดยเน้นสินค้ากลุ่มระดับกลาง-บน (Mid to High) รองรับความต้องการกลุ่มกำลังซื้อสูงที่ขยายตัว, เร่งขยายฐานลูกค้ารุ่นใหม่ พร้อมสต๊อกสินค้าเพิ่มเติมรับมือดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถปิดยอดขายของ POWER MALL จนถึงสิ้นปี เติบโตกว่า 20 - 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

ต้องรู้! ปลายปี 67 เครื่องใช้ไฟฟ้า-ภาชนะสแตนเลส ขายได้เฉพาะสินค้ามี มอก.

“พิมพ์ภัทรา” เร่ง สมอ.ทำความเข้าใจผู้ประกอบการทั้งทำและนำเข้า “เครื่องใช้ไฟฟ้าทำให้ของเหลวร้อน” และ “ภาชนะสแตนเลส” ปลายปี 67 ขายได้เฉพาะสินค้ามี มอก.

 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ได้มีมติเห็นชอบให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำให้ของเหลวร้อน เช่น หม้อหุงข้าว หม้อต้มไฟฟ้า และกระติกน้ำร้อน เป็นต้น และภาชนะสแตนเลส 7 รายการ ได้แก่  หม้อ กระทะ ตะหลิว ช้อน ส้อม ถาดหลุมใส่อาหาร และปิ่นโต เป็นสินค้าควบคุมนั้น ดิฉันได้เร่งรัดให้ สมอ.เร่งดำเนินการให้มาตรฐานมีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งขณะนี้มาตรฐานดังกล่าวอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียและผู้เกี่ยวข้องได้มีโอกาสชี้แจงแสดงความคิดเห็น นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ สมอ. ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการทั้งผู้ทำและผู้นำเข้าที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 1,300 ราย เตรียมความพร้อมในการยื่นขออนุญาต ก่อนที่มาตรฐานจะมีผลบังคับใช้ปลายปี 2567 นี้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ  

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อห่วงใยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมอ. จึงได้จัดการสัมมนาขึ้น ณ โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดในมาตรฐานและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเตรียมความพร้อมในการยื่นขอรับใบอนุญาตตามมาตรฐานดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว รวมถึงการตรวจติดตามภายหลังได้รับใบอนุญาตด้วย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ทำและนำเข้าสินค้าดังกล่าวทั้ง 2 รายการกว่า 1,300 ราย และหลังจากที่มาตรฐานดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายแล้ว ผู้ประกอบการทุกรายจะต้องยื่นขอรับใบอนุญาตจาก สมอ. ก่อนทำและนำเข้า โดย สมอ. ได้เตรียมการเพื่อรองรับการยื่นขออนุญาตจากผู้ประกอบการ สามารถยื่นขอผ่านระบบ E-License ได้ที่เว็บไซต์ สมอ. www.tisi.go.th สำหรับการทดสอบผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ได้เตรียมห้องแล็บเพื่อการทดสอบ ได้แก่ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ บริษัท เอสจีเอส ประเทศไทย จำกัด บริษัท โกลบอล คอมไพลแอ็นซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท แจแปน อิเลคทริคอล เทสติ้ง ลาบอราตอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท โกลบอล คอมไพลแอ็นซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ผู้ประกอบการจึงเชื่อมั่นได้ว่า การยื่นขออนุญาตจะสามารถดำเนินการได้โดยสะดวก และจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ 

#ข่าววันนี้ #เครื่องใช้ไฟฟ้า #ภาชนะสแตนเลส #อุตสาหกรรม #นำเข้าสินค้า

    

 

POWER MALL พร้อมรับฟุตบอลยูโร 2024 คิกออฟจัด POWER MALL THE ULTIMATE MEGA SCREEN ขนทัพสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า-ทีวี-ไอที กระตุ้นตลาด

เพาเวอร์ มอลล์ (POWER MALL) เดอะมอลล์ กรุ๊ป NO.1 ELECTRONICS & LIFESTYLE EXPERIENTIAL MEGA STORE ของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ไอที สร้างปรากฏการณ์ต้อนรับมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ครั้งยิ่งใหญ่ เดินเครื่องการตลาด จัดแคมเปญ “POWER MALL THE ULTIMATE MEGA SCREEN” รวบรวมกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มภาพและเสียง รวมถึงกลุ่มสินค้าไอทีระดับพรีเมี่ยม อาทิ ทีวี, เครื่องเสียง, ไอที, แก็ดเจ็ท, สมาร์ทโฟน, แท็บเลต, โน้ตบุ๊ก ฯลฯ จากหลากหลาย  แบรนด์ดังระดับโลกแบบครบครัน พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้มค่า สินค้าลดสูงสุดกว่า 50%, รับฟรีคูปองส่วนลดเงินสดรวมสูงสุด 10,000 บาท, รับฟรีเครื่องชงกาแฟ Dolce Gusto พร้อมแคปซูล มูลค่าสูงสุด 8,000 บาท,รับส่วนลดเพิ่ม 3% จากบัตรเครดิต Bangkok Bank M Visa, แบ่งชำระ 0%* นานสูงสุด 10 เดือน และสมาชิก M CARD ใช้คะแนน M Point  เท่ากับยอดซื้อ ลดเพิ่มสูงสุด 20% ตั้งแต่วันนี้ - 29 กรกฏาคม 2567 ที่ POWER MALL ทุกสาขา

คุณรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ Chief Business Officer - Specialty Business บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า งาน POWER MALL THE ULTIMATE MEGA SCREEN ถือเป็นงานสำคัญที่ช่วยกระตุ้นตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มภาพและเสียง ทั้งทีวี,เครื่องเสียง,ไอที,แก็ดเจ็ท,สมาร์ทโฟน,แท็บเลต,โน้ตบุ๊ก ซึ่งจะเป็นกลุ่มสินค้าหลักที่ลูกค้าต้องการซื้อเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม รวมถึงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มอื่นๆที่ยังเป็นเทรนด์สินค้าที่ลูกค้าต้องการซื้อเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต นอกจากนี้งานดังกล่าวยังเป็นการสร้างความต่อเนื่องด้านยอดขายให้กับ POWER MALL และผู้ประกอบการแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย โดยคาดว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 2 นี้ จะมีความคึกคักเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ประกอบกับได้แรงหนุนของผู้ประกอบการแบรนด์ ที่ต่างเดินหน้าปรับทัพงัดกลยุทธ์ชูนวัตกรรมสินค้าใหม่ลงตลาดเต็มทุกเซ็กเมนต์ พร้อมอัดงบการตลาดเพื่อการสื่อสารประชาสัมพันธ์ กิจกรรมและโปรโมชั่น ต้อนรับ 2 มหกรรมกีฬาระดับโลก คือ ฟุตบอลยูโร 2024 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน-14 กรกฏาคม ตามด้วยกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่จัดตั้งแต่วันที่ 26 กรกฏาคม ถึง 11 สิงหาคม 2567 จึงมั่นใจว่าลูกค้าจะออกมาจับจ่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้ตลาดยิ่งคึกคักขึ้นอีก

ภายในแคมเปญได้ รวบรวมสินค้ากลุ่มภาพและเสียงที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต ยกระดับภาพความคมชัด และเพิ่มประสบการณ์ขั้นสุดในการรับชม และจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น SAMSUNG, LG, SONY, TOSHIBA, TCL, SHARP, HISENSE สอดคล้องกับที่ผ่านมาพบว่าพฤติกรรมของลูกค้าจะหันมาอัพเกรดไซส์จอขนาดใหญ่มากขึ้น รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าไอที และแก็ดเจ็ทอีกมากมาย ที่นำมาเสนอภายในงาน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คอบอลอย่างครบครัน  และสินค้าเปิดตัวที่แรกก่อนใครในประเทศไทย ที่ POWER MALL FIRST  กับทีวีจอยักษ์รุ่นใหม่ TCL QD-Mini LED TV 115X955 Max ขนาด 115 นิ้ว ที่มอบประสบการณ์ความบันเทิงสุดยิ่งใหญ่ราวอยู่ในโรงภาพยนตร์ สามารถรับชมได้ที่เพาเวอร์ มอลล์ ชั้น 4 พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์

นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมทีวีจอใหญ่ที่แบรนด์ต่างๆขนทัพมาเพิ่มอรรถรสของการเชียร์บอลแบบเต็มอิ่มที่มาพร้อมโปรโมชั่นราคาพิเศษอีกหลากหลายรุ่น อาทิ

- HISENSE ULED TV ขนาด 110 นิ้ว รุ่น 100Q7N ปกติ 149,990 บาท พิเศษ 129,990

- SAMSUNG QLED TV ขนาด 98 นิ้ว รุ่น QA98Q80CAKXXT มูลค่า 159,990 บาท รับฟรี UHD TV ขนาด 65 นิ้ว รุ่น UA65CU8100KXXT และยังมีรุ่นราคาพิเศษอย่าง SAMSUNG QLED TV ขนาด 65 นิ้ว QA65Q65DAKXXT ปกติ 25,990 บาท พิเศษ 20,990 บาท, QLED TV ขนาด 55 นิ้ว รุ่น QA55Q65DAKXXT ปกติ 20,990 บาท พิเศษ 17,990 บาท, UHD TV 75 นิ้ว ราคาเพียง 33,990 บาท

- PANASONIC UHD TV ขนาด 75 นิ้ว รุ่น MX950 ปกติ 69,990 บาท พิเศษ 59,990 บาท

- LG OLED TV ขนาด 65 นิ้ว รุ่น 65C4PSA.ATM ปกติ 79,990 บาท พิเศษ 72,990, QNED TV รุ่น 65QNED86TSA.ATM ปกติ 36,490 บาท พิเศษ 32,490

- SONY MINI LED รุ่นใหม่ล่าสุด ขนาด 65 นิ้ว รุ่นK-65XR70 BRAVIA 7 BACKLIGHT MASTER DRIVE Acoustic Multi Audio

- TOSHIBA UHD TV ขนาด 55นิ้ว รุ่น 55Z670MP ปกติ 27,999 บาท พิเศษ 19,999 บาท

เชียร์มันส์ทุกแมตซ์ คมชัดทุกสัมผัส ผ่านความครบครันของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีระดับพรีเมี่ยมพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ในแคมเปญ POWER MALL THE ULTIMATE MEGA SCREEN ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม  - 29 กรกฏาคม 2567 ที่ POWER MALL เดอะมอลล์ และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Power Mall   https://www.facebook.com/PowerMall

"TCL" ตั้งเป้าขึ้นเป็น Top 1 แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายใน 5 ปี เล็งเปิดตัว 4 สินค้าใหม่ ปูพรมตีตลาดไทย 

"TCL" ตั้งเป้าขึ้นเป็น Top 1 แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายใน 5 ปี เล็งเปิดตัว 4 สินค้าใหม่ ปูพรมตีตลาดไทย 

นายจอห์นนี่ หยี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีซีแอล อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์ ) จำกัด หรือ TCL เปิดเผยว่า ในปี 2567 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ TCL ด้วยการขับเคลื่อนภายใต้ Concept: TCL Time to Go Big ผลักดัน TCL ไปสู่เป้าหมายการเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงในตลาดประเทศไทย นำเสนอผลิตภัณฑ์และประสบการณ์การบริการที่ดีแก่ผู้บริโภคชาวไทย โดยตั้งเป้าหมายสู่การเป็น Top 2 ภายใน 3 ปี และก้าวสู่การเป็น Top 1 ภายใน 5 ปี อย่างไรก็ดีการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายของ TCL ในครั้งนี้ เป็นการกำหนดขึ้นตามทิศทางการเติบโตของแบรนด์ที่เกิดขึ้นจริง 

โดยหากพิจารณาการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดของสินค้า TCL ย้อนหลังจะพบว่ามีหลายกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าหลัก เติบโตมากกว่าภาพรวมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า  ไม่เพียงเท่านี้ภายในปีนี้ TCL จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ด้วยการเปิดตัว Product Highlight เครื่องใช้ไฟฟ้าถึง 4 กลุ่ม และจะขยายธุรกิจไปสู่การเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม IT เป็น Monitor Gaming ระดับ Hi-End 2 รุ่น ขนาด 27” 4K,และ 34” Mini LED Gaming  แบบ UltraWide Screen ซึ่งเป็น Product New Innovation ที่เป็นเทคโนโลยีจอภาพใหม่ล่าสุดในตลาด  เพื่อตอกย้ำว่า TCL เป็นแบรนด์ระดับโลกในด้านเทคโนโลยีภาพ และในปีนี้ เราจะมีสินค้ากลุ่มใหม่เข้ามา คือ Commercial Display Product ในช่วงปลายปี และ Commercial Air Conditioners

นายเฉลิมชัย รัตนเอม ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ TCL กล่าวว่า กลยุทธ์ทางธุรกิจของ TCL ในปีนี้ ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นําด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของไทย ด้วยการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ พัฒนาเทคโนโลยี และมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า เรามีเป้าหมายที่จะทำยอดขาย TV ภายใน 3 ปี เพื่อให้ขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 2 และอีก 5 ปี ขึ้นเป็น Top 1 ในตลาด ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ตั้งเป้า 3 ปี ขึ้น Top 5 และ 5 ปี ขึ้นเป็น Top 3 ส่วนกลุ่มเครื่องปรับอากาศ ตั้งเป้า 3 ปี ขึ้นเป็น Top 3 และภายใน 5 ปี เราจะขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ในปี 2567 จะมีไฮไลท์ที่สำคัญที่น่าจับตา คือ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ TCL จาก  4 Product ตีตลาดในประเทศไทย ดังนี้ สินค้า Innovation  TV จอยักษ์ (Big Screen) ขนาด 115 นิ้ว World’s Largest QD-MiniLED TV และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สินค้าเครื่องปรับอากาศ FreshIN 2.0 Innovation ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ตู้เย็น Free Built-In เครื่องซักและอบผ้าที่เน้นดีไซน์ 

โดยสินค้ากลุ่ม TV TCL จะเน้นผลักดันสินค้า TV จอยักษ์ (Big Screen)  มากขึ้นเพื่อตอบสนองกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะเน้นไปในกลุ่ม Mini LED และ QD  โดย TV ของ TCL ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดตอนนี้คือ ทีวีขนาด 115 นิ้ว รุ่น 115X955 Max QD MiniLED และ TV Gaming series C747 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงของ TV ในตอนนี้ โดยเราได้พัฒนาให้ภาพสมจริงคมชัดโดยมีชิปประมวลผลภาพใหม่ล่าสุด AIPQ 3.0 support Dolby vision และ Dolby Atmos และ TV QD รุ่น C655 ที่มี Sub Woofer Built-In จาก ONKYO ให้เสียงที่ทรงพลัง รวมถึงการออกแบบที่ทันสมัยลงตัวกับการตกแต่งบ้านในราคาที่เหมาะสม 

ทั้งนี้ในไตรมาสแรกของปีนี้ทิศทางของตลาดในปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2566 มีการปรับตัวลดลงประมาณ 10%  แต่ในทางกลับกัน TCL ก็ยังรักษาตัวเลขได้ดี โดยสวนกับทิศทางของตลาดเรามียอดขายเติบโตขึ้นอยู่ที่ 10% และสินค้าในกลุ่ม QLED,MiniLED Trend ตลาดตอนนี้เติบโตขึ้น 13% และ TCL เติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 60% ตอนนี้เป็น Top 2 ในตลาด และในส่วนของสินค้า Big Size TCL เติบโตขึ้น 118% 

สำหรับกลุ่มลูกค้าของ TCL ในสินค้าที่เป็น Big Size เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ไตรมาส 3 ของปี 2566 ที่ TCL ได้เริ่มเพิ่ม Line Up Big Size มาแชร์ตลาดกลุ่ม Mid to High และเพื่อต่อยอดเพิ่มยอดขายในปีนี้ ทาง TCL ได้มีการใช้แผน “5791” โดย TOP Focus ตอนนี้ คือ 5 คือ ทีวี 55” นิ้ว ที่เป็น hero SKU 1 รุ่น / 7 คือทีวีขนาด 70 นิ้ว ที่เป็น Hero SKU 1 model และ Focus ที่ขนาด  75 นิ้ว ทุกรุ่น (All model) / 9 คือ ทีวีขนาด 98 นิ้ว QD MiniLED ตัวใหม่และ 1 คือ ทีวีขนาด 115 นิ้ว รุ่น  115X955Max (flagship model Special Promotion” All Big Premium Gift”) อีกทั้งจะผลักดันสินค้า exclusive model อย่างทีวีขนาด 55นิ้ว ,65 นิ้ว รุ่น C747 เข้าสู่ตลาด TV gaming ในราคาพิเศษ 

โดยจากแผนงานทั้งหมดนี้ TCL ยังมองว่าตลาดปีนี้อาจจะเติบโตประมาณ 20% ในช่วง Period  Football Euro  และในช่วง Olympic game ด้วยแผนงานและเป้าหมายที่เราวางไว้ คาดว่า TCL จะทำยอดขายเพิ่มขึ้นในปีนี้ เติบโตขึ้นประมาณ 30% โดยจะกินส่วนแบ่งมาจากแบรนด์คู่แข่งเพิ่มขึ้น ด้านสินค้าเครื่องปรับอากาศ  TCL ได้เปิดตัวสินค้า Innovation แห่งปี คือ TCL FreshIN 2.0 Series ที่จะช่วยผลักดันยอดขายในกลุ่มลูกค้าระดับ Premium ที่รักสุขภาพ และเลี้ยงสัตว์ TCL ได้เพิ่ม function แลกเปลี่ยนอากาศจากภายนอกพร้อมระบบกรองอากาศในตัว หลังจากที่เปิดตัวไปก่อนหน้าก็ได้รับ Feedback จากลูกค้าเป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีอื่น ๆ ในกลุ่มเครื่องปรับอากาศรุ่น T-Pro Premium เช่น Function UVC และ Ion (+)(-) รวมถึงการประหยัดไฟสูงสุดเบอร์ 5 ระดับ 5 ดาว  สุดท้าย Product HA หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ประกอบด้วย ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ในปีนี้ได้เพิ่มสินค้าที่เป็น ตู้เย็นรุ่น Free Built- In ที่เป็นตัว Hi light เพื่อตอบโจทย์ของการออกแบบบ้านให้ลงตัวดูทันสมัย และในไตรมาสที่ 3 จะมีเครื่องซักและอบผ้ารุ่นใหม่ ที่เน้นไปที่การดีไซน์มากขึ้น หน้าจอเป็นจอสี พร้อมระบบ Touch screen ในส่วนของช่องทางจัดจำหน่ายในการขยายตลาดทาง TCL เน้นไปในกลุ่มของร้านค้ารวมถึง modern trade ที่มีศักยภาพในการผลักดันสินค้ากลุ่ม Hi-end แต่อย่างไรก็ตามยังให้การสนับสนุนลูกค้าในกลุ่มสินค้า Mid to Low เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด

นายจีรชัย ศักดิ์สง่าวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายเครื่องปรับอากาศ กล่าวว่า ตลาดเครื่องปรับอากาศ ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ตลาดเติบโต 21.4% by unit และ 20.7% by value ส่วน TCL  เติบโต 144.2% by unit และมีส่วนแบ่งการตลาด ณ เดือน มีนาคม 2567 อยู่ที่ 14.3%  by unit ซึ่งเป็นลำดับที่ 1 และเป็นลำดับที่ 1 ติดต่อกัน เป็นเดือนที่ 7 นับจากเดือนกันยายน 2566 หากดู 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2566 ถึง 31 มีนาคม 2567 จะพบว่าเครื่องปรับอากาศ TCL ได้มีส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาเป็นลำดับที่ 1 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 12.7% ซึ่งถือได้ว่า เป็นครั้งแรกของเครื่องปรับอากาศ TCL ที่ก้าวสู่ลำดับที่ 1 หลังจากเริ่มทำตลาดในประเทศไทยมากว่า10 ปี  

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ TCL ประสบความสำเร็จได้รวดเร็วในครั้งนี้ มาจากการปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ โดยการเพิ่ม feature และ function ใหม่ เช่น Smart WIFI , Gentle cool wind และ 3 easy design เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า ที่ต้องการความสะดวกสบาย และเรายังเพิ่มการประกันคุณภาพสินค้า จาก 1 ปี และ compressor  5 ปี เป็นรับประกัน 5 ปี ฟรีทุกอย่าง (ค่าแรง ค่าอะไหล่ ค่าเดินทาง) และรับประกัน 10 ปี compressor เพื่อยืนยันถึงคุณภาพสินค้าของ TCL และในไตรมาสแรก ของปี 2567 เราได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในกลุ่ม T-Pros ด้วยการประหยัดพลังงานสูงสุดเบอร์ 5 ระดับ 5 ดาว (T-Pros10),เบอร์ 5 ระดับ 4 ดาว(T-Pros13) และเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว (T-Pros19 และ T-Pros25)  และผู้บริโภคสามารถตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ในแต่ละวัน ใน App TCL Home และยังเพิ่ม Function UVC และ Ion (+)(-) การดูแลสุขภาพ

นายเอกชัย ชื่นศิริกุลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า เปิดเผยว่า ไม่เพียงแต่ TCL จะเริ่มก้าวมาสู่การเป็นผู้นำในสินค้ากลุ่มที่กล่าวมาแล้ว ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าก็เป็นอีกสินค้าที่ TCL มองเห็นโอกาสแห่งการเติบโต และจะพัฒนาให้ก้าวขึ้นสู่สินค้ายอดนิยม โดยในส่วนของตู้เย็นในไตรมาสเเรกของปีนี้ เติบโตมากถึง 12% ซึ่งถือว่าเติบโตมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ตู้เย็นประเภท Side by Side มีอัตราการเติบโตมากที่สุด และเติบโตมากถึง 50% รองลงมาคือ ตู้เย็น 4 ประตู เติบโต 20% โดยการเติบโตของสินค้าประเภทเหล่านี้ บอกได้ถึงความต้องการของผู้บริโภคนั้นต้องการตู้เย็นที่มีความจุขนาดใหญ่มากขึ้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ TCL ในปีนี้ด้วยเช่นกัน โดย TCL ได้ทำการเปิดตัวตู้เย็น Side by Side ขนาดใหญ่ 22.3 คิว จำนวน 3 รุ่น 3 ดีไซน์ ไปเมื่อปลายปีที่เเล้ว เเละในปีนี้ทางเรามีเเผนที่จะ Upgrade line up สินค้าตู้เย็นประเภท 4 ประตูให้มากขึ้น โดยชูเทคโนโลยีใหม่ “Free Built-In” เทคโนโลยีระบายความร้อนเเบบใหม่ทางด้านล่างตู้เย็น จึงสามารถ Built in ได้ perfect มีช่องว่างระหว่างขอบตู้เย็นน้อยกว่า 4 มม. ซึ่งจะช่วยยกระดับครัวของคุณให้หรูหรามากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยีทำความเย็น Metal Cooling เเละระบบกำจัดกลิ่น T-Fresh ที่จะช่วยทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ คงความสดให้กับอาหารได้ยาวนาน เเละปราศจากกลิ่นอาหารภายในตู้เย็น โดยจะวางจำหน่ายพร้อมกันทั้งสิ้น 3 ขนาด คือ ขนาด 521 ลิตร 470 ลิตร เเละ 430 ลิตร ตั้งเเต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

ขณะที่ในส่วนเครื่องซักผ้าในไตรมาสเเรกปีนี้ ตลาดเครื่องซักผ้ายังทรงตัวจากปีที่ผ่านมา โดยเครื่องซักผ้าเเต่ละประเภทเติบโตเเค่เล็กน้อยเท่านั้น ยกเว้นกลุ่มเครื่องซักผ้าประเภทซักเเละอบผ้า เติบโตมากถึง 39% ในไตรมาสแรก เเละในปีนี้ TCL จะโฟกัสที่เครื่องซักผ้าประเภทนี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากปี 2566 เราได้เปิดตัวเครื่องซักผ้าซักอบ เป็นครั้งเเรกเมื่อไตรมาสที่ 2 เเละสามารถทำยอดขายได้เกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก เเละในไตรมาสเเรกปีนี้ เครื่องซักผ้าซักอบ TCL มีส่วนเเบ่งทางการตลาดมากถึง 20% เเละเทียบรุ่นต่อรุ่นเรามีอัตราการขายออกเป็นอันดับ 1 อยู่ ณ ตอนนี้ ซึ่งในปีนี้ทาง TCL จะทำการ Upgrade line up สินค้า รวมไปถึงฟังก์ชันต่าง ๆ เเละการออกเเบบดีไซน์ ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น โดยมีเป้าหมายส่วนเเบ่งทางการตลาดมากกว่า 30% ในปี  2567 นี้ โดยเครื่องซักผ้า TCL รุ่นซักอบ รุ่นใหม่ จะพร้อมวางจำหน่ายตั้งเเต่เดือนมิถุนายน นี้เป็นต้นไป

นายดอน ถาง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า กลยุทธ์ทางการตลาดของเราในปีนี้ มุ่งเน้นช่องทางการขาย มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ มุ่งเน้นลูกค้าและ Partner เพื่อส่งเสริมการสร้างแบรนด์และเพิ่มยอดขาย  สำหรับแผนการตลาดในปี 2567 จะขับเคลื่อนภายใต้ Concept: Time to Go Big ซึ่ง TCL เองก็ได้ยกระดับภาพลักษณ์ไปสู่ระดับ Global Top

Midea แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก ส่ง Bubble wash เครื่องทำน้ำอุ่นนวัตกรรมใหม่พลิกโฉมวงการอาบน้ำ

Midea แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก ส่ง Bubble wash เครื่องทำน้ำอุ่นนวัตกรรมใหม่พลิกโฉมวงการอาบน้ำ

เมื่อเวลา18.00 น.วันที่ 22 กันยายน 2566  แบนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังของเมืองไทยอย่าง Midea ได้จัดงานแถลงข่าว “Midea Moisturize Your skin" ขึ้นที่ Central Festival Easvlla ในฐานะที่เป็นแบรนด์น้องใหม่มาแรง ทำให้กิจกรรมเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Midea อย่างเครื่องทำน้ำอุ่น Midea Bubble Wash ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมากโดย Midea ได้ชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์โดยการนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาของผู้ใช้งานที่มักจะเกิดอาการผิวแห้งหลังจากอาบน้ำอุ่น และนวัตกรรมนี้จะยกระดับการการอาบน้ำแบบเดิม ๆ ให้เปลี่ยนไป ด้วยการเพิ่มปั๊มแรงดันที่สามารถทำให้สายน้ำที่ออกมาจากตัวเครื่องมีโมเลกุลที่เล็กลงในระดับไมโครนาโน และยังช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำ ซึ่งเป็นตัวช่วยในการคงความชุ่มชื้นให้กับผิวหลังจากอาบน้ำ และอณูน้ำขนาดเล็กนี้ยังตามารถทำความละอาดผิวได้อย่างล้ำลึก นอกจากนี้ Midea ยังนำเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง SmartHome Application เข้ามาช่วยในการสั่งการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานในทุกขณะตั้งแต่เริ่มอาบน้ำ

คุณธนวัฒน์ วงศ์ชาญวุธ ผู้จัดการฝ่ายขาย ของ Midea Thailand กล่าวว่า Midea ได้คิดค้น นวัตกรรมสุดล้ำที่ยกระดับวิถีการอาบน้ำสู่การบำรุงผิวพรรณศาสตร์แห่งการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก นอกจากคุณสมบัติของออกซิเจนที่ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิวแล้วเทคโนโลยีการสร้างฟองออกซิเจนจากเครื่องทำน้ำอุ่นไมเดียที่สามารถสร้างฟองให้มีขนาดเล็กในระดับ micro-nano จะสามารถแทรกซึมเข้าทำความสะอาดในชั้นรูขุม ขนได้อย่างล้ำลึก สายน้ำที่นุ่มนวลจะทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินออกจากผิวอย่างสะอาดหมดจด สร้างความสดชื่นในระหว่างอาบและหลังอาบ อีกทั้งยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดการเกิดสิวเมื่อใช้เป็นประจำ เครื่องทำน้ำอุ่นของเราจะกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการดูแลผิว เพราะผิวพรรณที่สะอาดจะช่วยให้การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด

การดูแลสุขภาพผิวของคุณและคนที่คุณรักเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงถือเป็นจุดเปลี่ยนต่อวิถีการดูแลเอาใจใส่ร่างกายและผิวพรรณ ด้วยการผสมผสานพลังแห่งความชุ่มชื้นจากการเติมออกซิเจนและการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ทำให้เกิดนิยามใหม่ของการอาบน้ำซึ่งเป็นการยกระดับจากการทำความสะอาดร่างกายสู่การสัมผัสประสบการณ์ใหม่เพื่อความงามและสุขภาพผิวที่ดีเปลี่ยนแนวคิดการอาบน้ำที่เป็นเพียงกิจวัตรประจำวันสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อเผยให้เห็นตัวตนที่สวยงามและสดชื่นกระปรี้กระเปร่าที่สุดของคุณด้วยนวัตกรรมสุดอัจฉริยะจากผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำอุ่น Midea

นอกจากนี้ยังมีสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก คุณ กิตติศักดิ์ อินทรสาร ผู้จัดการฝ่าย E-commerce ของ Midea Thailand ถึงความร่วมมือทางธุรกิจกับทาง shopee ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ด้วยการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ตรงกัน โดยมีคุณ ธัญญธร เหล่าวัชระ หัวหน้าฝ่ายจัดการร้านค้าธุรกิจ ช้อปปิ้ (ประเทศไทย) ให้เกียรติเข้าร่วมงาน และนอกจากนี้ทาง Midea ยังมีโปรโมชั่นแบบจัดเต็ม อย่าง Replace norepair ที่จะเปลี่ยนสินค้าให้หากพบปัญหาภายใน 6 เดือนโดยไม่ต้องรอซ่อม และหากสั่งซื้อสินค้าภายในงานจากบูธ Shopee จะมีSpecial Gif set พร้อมบริการติดตั้งให้แบบจุใจ

นอกจากนี้ทางแบรนด์ Midea ได้เชิญนักแสดงมากความสามารถอย่าง คุณ ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ มาร่วมงาน เพื่อแชร์เคล็ดลับในการดูแลตัวเองที่เริ่มได้ตั้งแต่การอาบน้ำ และยังมอบความสุขให้กับเหล่าแฟน ๆ ผ่านเสียงเพลงอันไพเราะ และยังมีสองสาวสวยจากเวทีมิสทิฟฟานี่อย่าง โยชิ รินรดา ธุระพันธ์ และ ร็อค ขวัญลดา รุ่งโรจน์อำภา มาร่วมแชร์ประสบการณ์หลังการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ และร่วมเล่นเกมมอบของรางวัลให้กับแขกในงาน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

เกี่ยวกับ MD Consumer Appliance (Thailand) co. Itd - Midea Thailand Midea Thalland (ไมเดีย ไทยแลนด์) คือ ส่วนหนึ่งของ Midea Gorup (ไมเดีย กรุ๊ป บริษัทผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ ที่มียอดขายแอร์เป็นอันดับ 1 ของจีน มีไลน์การผลิตดรอบคลุมทุกประเภทสินค้าของเครื่องใช้ไฟฟ้า และมีการส่งออกสินค้าไปมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก และเมื่อตันปี 2023 ที่ผ่านมา Midea Thailand ได้เปิดตัวโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดใน Southeast Asia อย่างเป็นทางการ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 5 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีมูลค่าการลงทุนกว่า 5.5 พันล้านบาท ทางเรามีความพร้อมเป็นอย่างมากในการบุกตลาดประเทศไทย ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรม และความพร้อมด้านกำลังการผลิต ทำให้เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

"สมอ." เตรียมประกาศเพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า 7 รายการเป็นสินค้าควบคุมภายในปี 67-68 

สมอ.ยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชน เตรียมบังคับให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอีก 7 รายการเป็นสินค้าควบคุม ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับการดูแลผมหรือผิว  เครื่องทอดน้ำมันท่วมและกระทะทอด  เครื่องปรับอากาศ ตู้น้ำร้อนน้ำเย็น สวิตซ์ไฟฟ้าในที่อยู่อาศัย ชุดประกอบสวิตซ์เกียร์และเกียร์ควบคุมไฟฟ้า  และมอเตอร์ไฟฟ้า ย้ำผู้ผลิต ผู้นำเข้า ต้องยื่นขออนุญาตทำ/นำเข้า ก่อนมีผลบังคับใช้  

นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สมอ. ได้ดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยการบังคับใช้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชนจากการใช้สินค้าที่ได้มาตรฐาน ปัจจุบัน สมอ.มีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ สมอ.ประกาศเป็นสินค้าควบคุมแล้ว จำนวน 143 รายการ และกำลังจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2567-2568 เพิ่มอีก 7 รายการ ได้แก่ 

1) เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับการดูแลผม ขน หรือผิว มอก.60335 เล่ม 2 (23) 2564 ที่มีแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 250 โวลต์ เช่น หวีดัดผม ที่ม้วนผม  ตัวเป่ามือ เครื่องอบผิวหน้า และเครื่องดูแลเท้า เป็นต้น โดยเพิ่มข้อกำหนดและการทดสอบจากมาตรฐานฉบับเดิม คือ การป้องกันการเกิดความร้อน การป้องกันการทำงานผิดปกติ และการแสดงเครื่องหมายและฉลาก ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนกรกฎาคม 2567   

2) เครื่องทอดน้ำมันท่วม ขนาดไม่เกิน 5 ลิตร และกระทะทอด มอก.60335 เล่ม 2 (13) 2564 ที่ใช้งานในที่พักอาศัย ไม่ครอบคลุมเครื่องทอดน้ำมันท่วมในเชิงพาณิชย์  ได้มีการเพิ่มข้อกำหนดและการทดสอบจากมาตรฐานฉบับเดิม โดยกำหนดขอบข่ายให้ครอบคลุมและจำแนกประเภทให้ชัดเจนมากขึ้น และแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับเครื่องหมายและฉลาก โดยยังคงข้อกำหนดสำคัญที่ควบคุมด้านความปลอดภัย เช่น การควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินในขณะใช้งาน มีการป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วในขณะที่เครื่องทอดทำงานอยู่ รวมไปถึงการป้องกันการสัมผัสกับส่วนที่มีไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนกรกฎาคม 2567   

3) เครื่องปรับอากาศสำหรับห้อง ด้านประสิทธิภาพพลังงาน มอก.2134-2565 โดยมีการแก้ไขขอบข่ายจากมาตรฐานเดิมให้ครอบคลุมและชัดเจนมากขึ้น คือ ระบุขีดความสามารถทำความเย็นทั้งหมดไม่เกิน 18000 วัตต์ แรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 250 โวลต์ สำหรับไฟฟ้าเฟสเดียว แรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 600 โวลต์ สำหรับไฟฟ้าหลายเฟส และครอบคลุมเครื่องปรับอากาศประเภทมีท่อส่งลมที่มีความสามารถทำความเย็นทั้งหมดน้อยกว่า 8000 วัตต์ ที่มีเจตนาให้ทำงานที่ความดันสถิตภายนอกน้อยกว่า 25 ปาสกาล เป็นต้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนมกราคม 2568  

4) ตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภคและตู้น้ำเย็นบริโภค เฉพาะด้านความปลอดภัย มอก.2461-25XX ซึ่งมีข้อกำหนดที่สำคัญ คือ การป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วและความทนทานไฟฟ้าที่อุณหภูมิทำงาน การป้องกันโหลดเกินของหม้อแปลงไฟฟ้าและวงจรที่เกี่ยวข้อง การทนความร้อนและไฟ และการป้องกันการเข้าถึงส่วนที่มีไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน IEC ที่เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนมิถุนายน 2567  

5) สวิตซ์ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย มอก.824 เล่ม 1-2562 ที่มีแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 440 โวลต์ สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยทั้งภายในและภายนอกอาคาร  ซึ่งมีการแก้ไขจากมาตรฐานเดิม โดยกำหนดขอบข่ายให้ครอบคลุมกล่อง (box) สำหรับสวิตช์ไฟฟ้า และยังครอบคลุมสวิตช์ไฟฟ้าที่มีไฟนำรวมอยู่ (switch incorporating pilot light) สวิตช์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ (electronic switch)  สวิตช์ไฟฟ้าควบคุมระยะไกล (RCS)  สวิตช์ไฟฟ้าหน่วงเวลา (TDS) (time-delay switch) สวิตช์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบสำหรับใช้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของอาคารบ้านเรือน และสวิตช์ไฟฟ้าของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง (firemen’s switch) เป็นต้น โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนมีนาคม 2567 

6) ชุดประกอบสวิตซ์เกียร์และเกียร์ควบคุมไฟฟ้าแรงดันต่ำ เล่ม 3 บอร์ดจ่ายไฟฟ้า มอก.1436 เล่ม 3-2564สำหรับการใช้งานโดยบุคคลทั่วไป ครอบคลุมบอร์ดจ่ายไฟฟ้าที่ใช้งานในที่อยู่อาศัย ซึ่งมีข้อกำหนดที่สำคัญคือ ความคงทนของวัสดุและชิ้นส่วนประกอบ การป้องกันน้ำและฝุ่น การป้องกันไฟฟ้าช็อต การทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ ความต่อเนื่องของวงจร และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก  ขีดจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ ความทนการลัดวงจร และความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนมิถุนายน 2567   

7) มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ ชนิดเหนี่ยวนำสามเฟส มอก.866 เล่ม 30 (101) -2561 ครอบคลุมมอเตอร์ไฟฟ้าสามเฟส โดยไม่รวมมอเตอร์ที่ประกอบมาในเครื่องจักร ซึ่งมีพิกัดกำลังไฟฟ้า 0.12-15 กิโลวัตต์ มีการแก้ไขข้อกำหนดที่สำคัญจากมาตรฐานฉบับเดิมคือ ให้อ้างอิงการแบ่งระดับชั้นประสิทธิภาพค่าพลังงานตามมาตรฐาน IEC ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนสิงหาคม 2568   

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการทุกรายทั้งผู้ทำ และผู้นำเข้าสินค้าทั้ง 7 รายการดังกล่าว จะต้องทำ นำเข้าสินค้าที่เป็นไปตามมาตรฐาน รวมถึงผู้จำหน่ายจะต้องขายสินค้าที่ได้มาตรฐานเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย

โดยเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการก่อนที่จะมีการบังคับใช้มาตรฐานทั้ง 7 รายการดังกล่าว สมอ. จึงได้จัดการสัมมนาขึ้นในวันนี้ (25 ส.ค.) เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในข้อกำหนดในมาตรฐาน และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระบวนการ ขั้นตอนการยื่นขอรับใบอนุญาต ตลอดจนการตรวจติดตามภายหลังการได้รับใบอนุญาต ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งมีผู้ประกอบการเข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ จำนวน 531 ราย

             

 

“โฮมโปร” รายได้ครึ่งปี 66 แตะ 3.7 หมื่นล้าน เพิ่ม 3.1 พันล้าน กำไร 3.2 พันล้าน อากาศร้อนดันยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าพุ่ง

“โฮมโปร” หรือ HMPRO เผยรายได้ครึ่งปี 66 มีรายได้รวม 37,154.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,174.47 ล้านบาท หรือ 9.34% มีผลมาจากช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย โดยในปีนี้ ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัทฯ ในกลุ่มเครื่องทำความเย็น อาทิ เครื่องปรับอากาศ พัดลม และ พัดลมไอน้ำ เติบโตสูงขึ้นกว่าปกติ ทำให้โฮมโปร มีกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 3,230.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199.97 ล้านบาท หรือ 6.60% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร เปิดเผยถึงการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรก เท่ากับ 3,230.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199.97 ล้านบาท หรือ 6.60% โดยมีรายได้รวม 37,154.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,174.47 ล้านบาท หรือ 9.34% ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 35,012.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,932.76 ล้านบาท หรือ 9.14%

โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลมาจากในช่วงไตรมาส 2 นั้น เป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย โดยในปีนี้ ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ส่งผลให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัทฯ ในกลุ่มเครื่องทำความเย็น อาทิ เครื่องปรับอากาศ พัดลม และ พัดลมไอน้ำ เติบโตสูงขึ้นกว่าปกติ อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้มีการจัดแคมเปญ ‘เก่ามีค่า นำมาแลกใหม่’ หรือ ‘Trade-in’ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในการจำหน่ายสินค้า รวมทั้งส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน โดยลูกค้าสามารถนำสินค้าชิ้นเก่า อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปั๊มน้ำ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ มาแลกรับส่วนลดในการซื้อสินค้าชิ้นใหม่ในประเภทเดียวกันได้ รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ทั้งช่องทางสาขา และออนไลน์ เพื่อกระตุ้นยอดขาย ได้แก่ กิจกรรม HomePro Expo 2023 ในช่วงไตรมาส 1 HomePro Super Expo ในช่วงไตรมาส 2 และกิจกรรม Double Day ในทุกเดือน

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้ค่าเช่า 940.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.96 ล้านบาท หรือ 15.32% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว และมีรายได้อื่นอีก 1,201.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116.75 ล้านบาท หรือ 10.76% โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าทั้งในช่องทางสาขาและช่องทางออนไลน์

ทั้งนี้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 9,172.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 880.24 ล้านบาท หรือ 10.62% โดยอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นจาก 25.85% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.20%  ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และการได้รับส่วนลดจากคู่ค้าที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงขึ้นตามฤดูกาล

นายวีรพันธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการขยายสาขาในไตรมาสที่ 2 ยังคงดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ โดยบริษัทฯ มีการเปิดสาขาเมกาโฮมใหม่ จำนวน 3 สาขา ได้แก่ สาขานครปฐม เชียงใหม่ และบางแสน รวมถึงมีการปิดโฮมโปร สาขาโลตัส บางแค เพื่อเตรียมเปิดสาขาใหม่สำหรับช่วงไตรมาสที่ 3 ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 บริษัทฯ มีโฮมโปร 86 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 24 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 7 สาขา

“ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว จากการบริโภคของภาคเอกชนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจัยหลักยังคงมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีรายได้สูงขึ้นและเกิดการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงดูสดใส ในช่วงปลายไตรมาส 2 ผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางด้านการเมือง ในเรื่องความล่าช้าของการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงผลกระทบของยอดส่งออกที่ลดลงจากอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้ภาคธุรกิจยังคงต้องระมัดระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงวางแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่รัดกุม และเหมาะสมอีกด้วย” นายวีรพันธ์ กล่าวปิดท้าย