ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 20 มี.ค.67

"ภูมิธรรม" ควง "มายอาโป"-"ฟรีนเบค" นักแสดงซีรีส์วายบุกทำเนียบพบ "เศรษฐา" ดันสินค้าท้องถิ่นไทยต่อยอดซอฟต์พาสู่สากล

-ก.พลังงานดันแหล่งเอราวัณ ผลิตก๊าซได้ตามเป้าก่อนกำหนด ลดต้นทุนค่าไฟฟ้าเพื่อประชาชน

-สำนักงานสลากฯ เตือนหลีกเลี่ยงซื้อสลากจาก “แพลตฟอร์ม-ตู้อัตโนมัติ” เสี่ยงไม่ได้รับเงินรางวัล-ซื้อเกินราคา

-ธอส.เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลจัดทำแพ็กเกจสินเชื่อและเงินฝากอัตราดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับตัวแทนจำหน่ายสลากหกหลัก (Lottery 6 : L6) แบบใบ และแบบดิจิทัลทั่วประเทศ ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยผู้ที่สนใจสามารถใช้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อของธนาคารในโครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน ปี 2567 วงเงินกู้รายละไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 3.40% ต่อปี (MRR-3.50% ต่อปี) เฉลี่ย 3 ปีแรก 3.93% ต่อปี รวมถึงออมเงินกับเงินฝากออมทรัพย์ GHB Welfare Savings อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.85% ต่อปี โดยตัวแทนจำหน่ายสลากฯ สามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป และเปิดบัญชีเงินฝากได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงิน  

-พาณิชย์ลุยช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อสายป่านด้านเงินทุน ดึง 9 สถาบันการเงินให้คำปรึกษา-ปล่อยสินเชื่อซอฟต์โลน

-คต.จับมือ สรท.ผลักดันผู้ประกอบการใช้สิทธิ Self-Cer ส่งออกต่างประเทศ

-รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย 5 เดือนดันผู้โดยสารใช้บริการพุ่ง 18%

-ประกันสังคมเปิดขั้นตอนผู้ประกันตนเปลี่ยน รพ.ภายใน 31 มี.ค.นี้

-สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง(ทองคำ 96.5%) ในประเทศเปิดตลาดเมื่อเวลา 09.04 น. ราคาปรับขึ้น 100 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้ออยู่ที่บาทละ 36,750 บาท ขายออก 36,850 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณรับซื้ออยู่ที่บาทละ 36,095.96 บาท ขายออก 37,350 บาท ส่วนราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) อยู่ที่ 2,158.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

-SET ปิดวันนี้(20 มี.ค.)ที่ 1,373.18 จุด ลดลง 9.28 จุด (-0.67%) มูลค่าซื้อขาย 54,666.79 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้แรงซื้อต่างชาติหดหาย นักลงทุนกังวลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คืนนี้ โดยเฉพาะการคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยปีนี้อาจเหลือแค่ 2 ครั้งจากเดิมคาด 3 ครั้ง ทำให้หุ้นใหญ่ถูกลดน้ำหนักลงมาก่อน แนวโน้มตลาดพรุ่งนี้ติดตามผลประชุมเฟดเป็นหลัก ให้กรอบแนวรับ 1,370 จุดและแนวต้าน 1,390 จุด

#มายอาโป #ฟรีนเบค #ราคาทอง #สินเชื่อบ้าน #SET

ธอส.หนุนตัวแทนจำหน่ายสลากฯกว่า 2.3 แสนรายมีบ้านเป็นของตนเอง ทำแพ็กเกจสินเชื่อ-เงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลจัดทำแพ็กเกจสินเชื่อและเงินฝากอัตราดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับตัวแทนจำหน่ายสลากหกหลัก (Lottery 6 : L6) แบบใบ และแบบดิจิทัลทั่วประเทศ ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยผู้ที่สนใจสามารถใช้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อของธนาคารในโครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน ปี 2567 วงเงินกู้รายละไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 3.40% ต่อปี (MRR-3.50% ต่อปี) เฉลี่ย 3 ปีแรก 3.93% ต่อปี รวมถึงออมเงินกับเงินฝากออมทรัพย์ GHB Welfare Savings อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.85% ต่อปี โดยตัวแทนจำหน่ายสลากฯ สามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป และเปิดบัญชีเงินฝากได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงิน  

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจาก ธอส. ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) “โครงการความร่วมมือการสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้มีที่อยู่อาศัย” กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” จึงได้เดินหน้าดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมผ่านการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม จัดทำแพ็กเกจสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเงินฝากออมทรัพย์อัตราดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับตัวแทนจำหน่ายสลากหกหลัก (Lottery 6 : L6) แบบใบ
และแบบดิจิทัลทั่วประเทศที่มีกว่า 230,000 ราย ให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ประกอบด้วย

1.ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ โครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน ปี 2567 กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท สำหรับตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และไม่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับ ธอส. และสถาบันการเงินอื่น จะได้รับการผ่อนปรนเงื่อนไขให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เพียงตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน ปี 2567 (Financial Literacy) และออมเงินผ่านบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของ ธอส. อย่างสม่ำเสมอผ่าน  Application : GHB ALL GEN เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 12 เดือน (ทุกบัญชีรวมกัน) เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อกับ ธอส.ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม ซื้อที่ดินเปล่าที่เป็นทรัพย์ NPA ของธนาคารพร้อมปลูกสร้างอาคาร หรือซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย  วงเงินกู้รายละไม่เกิน 3 ล้านบาท จะได้รับอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 3.93% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ MRR-3.50% ต่อปี (3.40% ต่อปี) ปีที่ 2 เท่ากับ MRR-2.90% ต่อปี (4.00% ต่อปี) ปีที่ 3 เท่ากับ MRR-2.50% ต่อปี (4.40% ต่อปี) ปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี (4.90% ต่อปี) ปีที่ 6-7 เท่ากับ MRR-1.50% ต่อปี (5.40% ต่อปี) และปีที่ 8 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี (ปัจจุบันอัตร ดอกเบี้ย MRR  ธอส. เท่ากับ 6.90% ต่อปี) กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 5,500 บาทต่อเดือน เท่านั้น

2.ผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ GHB Welfare Savings อัตราดอกเบี้ย 1.85% ต่อปี สำหรับตัวแทนจำหน่ายสลากฯ โดยสามารถแสดงหลักฐานการเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากฯ และเปิดบัญชีเงินฝากขั้นต่ำ 10,000 บาทขึ้นไป จะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.85% ต่อปี พิเศษดอกเบี้ยเงินฝากเป็นรายเดือนทุก ๆ วันที่ 15 ของเดือน
และไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก

“ตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่มีรายได้อิสระ ไม่มีสลิปเงินเดือน จึงขาดโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเงินฝากอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ที่จะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นแพ็กเกจที่ ธอส. จัดทำขึ้นในครั้งนี้ จะช่วยให้ตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ และเงินฝากอัตราดอกเบี้ยสูง ขณะเดียวกัน ธอส. ยังพร้อมให้ความช่วยเหลือตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ตามความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวด และให้ความรู้ทางการเงินกับตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ผ่านโครงการ  Financial Literacy เพื่อเพิ่มความสามารถในการขอสินเชื่อ” นายกมลภพกล่าว

สำหรับตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ที่สนใจเข้าร่วม โครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน ปี 2567 สามารถยื่นคำขอกู้ที่สาขาธนาคารทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป และทำนิติกรรมได้จนกว่าสินเชื่อเต็มกรอบวงเงิน และหากต้องการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ GHB Welfare Savings สามารถเปิดบัญชีได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงิน ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล : ศูนย์ Call Center โทร 0-2528-9999 และ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th 

#ธนาคารอาคารสงเคราะ #สลากกินแบ่ง #สินเชื่อบ้าน #ดอกเบี้ยต่ำ #ข่าววันนี้

 

 

"พฤกษา" จับมือ 3 ธนาคารใหญ่หนุนคนไทยมีบ้าน มอบสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ 1.99% ต่อปี คงที่นาน 3 ปี

"พฤกษา" จับมือ 3 ธนาคารใหญ่ หนุนคนไทยมีบ้าน

มอบสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ 1.99% ต่อปี คงที่ นาน 3 ปี

 

“พฤกษา” จับมือธนาคารพันธมิตรใหญ่ 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารทหารไทยธนชาต แบ่งเบาภาระลูกค้า สนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อและเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ตามแนวคิด “อยู่ดี มีสุข Live well Stay well”  พฤกษามอบสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าพฤกษาที่ซื้อบ้านในโครงการของพฤกษา ด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ คงที่ เพียง 1.99% ต่อปี ผ่อนต่อเดือนแบบเบา ๆ  นานถึง 3 ปี

 

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567  พบว่า ยังมีหลายปัจจัยที่กระทบกำลังซื้อผู้บริโภค อาทิ ภาวะเศรษฐกิจ รายได้ อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ความกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงติดต่อกันหลายไตรมาสที่ผ่านมา โดยลูกค้าในกลุ่มไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยเฉพาะในตลาดทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม รวมถึงกลุ่มบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ถูกกดดันจากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า และความระมัดระวังในการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มนี้เป็นความต้องการซื้ออย่างแท้จริง (Real Demand) และยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

“นอกจากการสร้างความเติบโตทางธุรกิจแล้ว พฤกษายังมุ่งสนับสนุนคนไทยให้สามารถเข้าถึงความเป็นอยู่ที่ดี มีชีวิตที่ดีขึ้นในเรื่องของที่อยู่อาศัยและสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น พฤกษาจึงได้ดึงสถาบันการเงินพันธมิตร 3 ธนาคาร ร่วมกันแบ่งเบาภาระให้ลูกค้า ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารทหารไทยธนชาต ผนึกกำลังมอบสินเชื่อในเงื่อนไขสุดพิเศษเฉพาะลูกค้าของพฤกษาเท่านั้น สำหรับผู้จอง หรือทำสัญญา บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม ทั้งโครงการใหม่ และโครงการพร้อมเข้าอยู่ในเครือพฤกษาทั่วประเทศ ด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยคงที่ต่ำเพียง 1.99% ต่อปี นาน 3 ปี***” นายปิยะกล่าว

นายสักวัฏ อิทธิสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Direct Sales Channels  ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เปิดเผยว่า “ธนาคารไทยพาณิชย์ มุ่งมั่นนำขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อและเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น โดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของ ธปท. พร้อมตระหนักถึงความสำคัญในการให้ข้อมูลกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ากู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว โดยความร่วมมือกับพฤกษาในครั้งนี้ ธนาคารหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระ พร้อมอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น”

(***หมายเหตุ: ธนาคารไทยพาณิชย์ มอบข้อเสนอสุดพิเศษ ผ่อนต่ำล้านละ 2,500 บาท/เดือน (คำนวณจากเงินต้น  1,000,000 บาท)  อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี ดอกเบี้ยทั้งสัญญา 568,000 บาท ผ่อนนาน 30 ปี อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ระหว่าง 4.54%-4.79% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR ) ปัจจุบันเท่ากับ 7.30% ต่อปี (มีผลวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว สามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามประกาศของธนาคาร) ศึกษารายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/home-loans/scb-new-loan....)

นางสาวลัคนา หัตถกา Senior Vice President สินเชื่อบ้าน พัฒนาผลิตภัณฑ์ลูกค้าบุคคล สายลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงเทพ เผยว่า “ธนาคารกรุงเทพ ให้ความสำคัญและสนับสนุนคนไทยให้มีบ้านเป็นของตนเองสำหรับลูกค้าที่มีความพร้อม จึงผนึกกำลังกับธนาคารพันธมิตร 3 แห่ง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อ พร้อมแบ่งเบาภาระให้ลูกค้าสามารถบริหารค่าใช้จ่ายของตนเอง และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ธนาคารตระหนักถึงความสำคัญในการให้ความรู้ และข้อมูลที่ถูกต้องกับลูกค้าก่อนการขอสินเชื่อทุกครั้ง เพื่อส่งเสริมให้ลูกค้ามีสุขภาพทางการเงินที่ดี และพร้อมอยู่เคียงคู่ลูกค้า ตามสโลแกน “ เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” 

(***หมายเหตุ: ธนาคารกรุงเทพ หลังจากครบอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปีแรก อัตราดอกเบี้ยปีที่ 4 เป็นต้นไป MRR-1.50% (=5.80%) สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กรณีลูกค้าทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.40% ต่อปี คำนวณจากวงเงินกู้ 1,000,000 บาท ระยะเวลากู้ 20 ปี) อัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 29 กันยายน 2566 = 7.30% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์  https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/My-Home/Home-Loan #กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว)

นายอธิศ วงศ์ศศิธร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์สินเชื่อมีหลักประกัน ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ttb  เปิดเผยว่า “ธนาคารมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับพฤกษาเพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้เป็นเจ้าของบ้านคุณภาพ เพื่อความเป็นอยู่และชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น โดยนอกจากอัตราดอกเบี้ยพิเศษดังกล่าวแล้ว ธนาคารยังตั้งใจจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าที่เลือกใช้สินเชื่อบ้านจากทีทีบี ด้วยข้อเสนอสุดว้าว ฟรี!  ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยตลอดอายุสัญญา ทั้งยังเลือกผ่อนได้นานสูงสุดถึง 35 ปี โดยสามารถสอบถามรายได้ละเอียดและเงื่อนไขข้อเสนอนี้ได้จากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อบ้านที่พร้อมให้คำแนะนำและดูแลลูกค้าถึงที่”

(***หมายเหตุ: ธนาคารทหารไทยธนชาต มอบอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 1.99% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 4 เป็นต้นไป MRR-2.08% (=5.75%) สำหรับลูกค้าที่สมัครผลิตภัณฑ์เสริมครบทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ 1) สมัครประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อบ้าน 2) สมัครใช้บริการหักบัญชี อัตโนมัติผ่านบัญชีออมทรัพย์ทีทีบีเพื่อผ่อนชาระสินเชื่อบ้าน 3) สมัครบัตรเดบิต ทีทีบี โดยอัตราดอกเบี้ยแท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.39% ต่อปี (คำนวณจากวงเงินกู้ 1,000,000 บาท ระยะเวลากู้ 20 ปี) อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปัจจุบัน ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2566 = 7.83% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว สามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามประกาศของธนาคาร ศึกษารายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://www.ttbbank.com/th/personal/loans/home-loan/home-loan #กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว)

“นอกจากพฤกษาฯจะมอบสินเชื่อพิเศษแล้ว เรายังเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่อยากจะมีบ้าน ซึ่งอาจมีความกังวลต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการเงิน เราจึงมีทีมที่ปรึกษาด้านการเงิน เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีบ้านได้ง่ายขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ทีมพนักงานขายที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่พร้อมดูแลและให้คำแนะนำลูกค้า ตั้งแต่ขั้นตอนต่าง ๆ ในการกู้บ้าน ช่วงวางแผนการเงิน แนะนำสินเชื่อจากธนาคารชั้นนำต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตรพร้อมโปรโมชันพิเศษสำหรับพฤกษา การเตรียมเอกสารและ Pre-approve สำหรับขออนุมัติสินเชื่อ ตลอดจนช่วยประสานงานและติดตามผลกับธนาคาร และดูแลไปจนถึงลูกค้าตรวจเช็ครับโอนบ้าน จนกระทั่งพร้อมเข้าอยู่ นอกจากนี้ เรายังมีทีมคลินิกให้คำปรึกษาทางการเงินจากพฤกษา (PRUKSA Financial Clinic) ที่จะช่วยเหลือดูแลลูกค้าที่ติดปัญหาเรื่องการขอสินเชื่อกับธนาคารด้วย” นายปิยะกล่าวเสริม

ทั้งนี้พิเศษสำหรับลูกค้าที่จองและโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 - 31 มีนาคม 2567 นอกจากจะได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำคงที่ 1.99% ต่อปี แบ่งเบาภาระการผ่อนบ้านนานถึง 3 ปีแล้ว (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทและธนาคารกำหนด) ลูกค้ายังจะได้รับโปรโมชันพิเศษจากแคมเปญ “อั่งเปาหนัก ๆ จัดดอกเบา ๆ” รับอั่งเปาทองคำมูลค่าสูงสุด 2 ล้านบาท และสิทธิ์จากโปรโมชันเพิ่มเติม ฟรีทั้งค่าโอน ค่าจดจำนอง ค่าส่วนกลาง ซึ่งโครงการที่ร่วมแคมเปญนี้ มีทั้ง บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม รวม 119 โครงการ  ลูกค้าที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดโปรโมชันและแคมเปญ ได้ที่ www.pruksa.com   หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 1739  

 

#พฤกษา #สินเชื่อบ้าน #ดอกเบี้ยต่ำ 

 

ธอส.เตรียมกรอบวงเงิน 37,500 ล้านบาท จัดทำ 4 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ดบ.คงที่ เริ่มต้นเพียง 2.80% ต่อปี

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เตรียมกรอบวงเงินรวม 37,500 ล้านบาท จัดทำ 4 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยต่ำ สนับสนุนคนไทยทุกกลุ่มเป้าหมายให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และลดภาระการผ่อนชำระค่างวดให้กับลูกค้า ประกอบด้วย 1. สินเชื่อบ้านอยู่เย็น เป็นสุข ปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรกเท่ากับ 2.80% ต่อปี สำหรับลูกค้าสวัสดิการ และ 2.95% ต่อปี สำหรับลูกค้ารายย่อย 2. สินเชื่อบ้านลูกค้าสวัสดิการ ธอส. ปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรกเท่ากับ 2.90% ต่อปี 3. โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2567 อัตราดอกเบี้ยปีแรกเท่ากับ 2.90% ต่อปี และ 4. โครงการบ้าน ธอส. แสนสุข ปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก เท่ากับ 3.25% ต่อปี ผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี ยื่นขอสินเชื่อได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ณ สาขาธนาคารทั่วประเทศ 

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและครอบครัวได้ง่ายมากขึ้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ได้เตรียมกรอบวงเงิน 37,500 ล้านบาท จัดทำ 4 ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ให้สามารถลดภาระการผ่อนชำระเงินงวดให้ต่ำลง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการช่วยเหลือด้านรายได้และลดรายจ่ายให้กับลูกค้าประชาชนทุกกลุ่มสาขาอาชีพ โดยรายละเอียดของสินเชื่อทั้ง 4 ผลิตภัณฑ์ มีดังนี้

1.สินเชื่อบ้านอยู่เย็น เป็นสุข ปี 2567 กรอบวงเงิน 2,500 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย (เฉพาะ Solar Roof เท่านั้น) เพื่อให้เป็นบ้านประหยัดพลังงาน (ECO House) อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3  ปีแรก สำหรับลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 2.80% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 3.00% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ 4.15% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 3.32% ต่อปี ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. ปัจจุบันอยู่ที่ 6.90% ต่อปี) กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,500 บาทต่อเดือน และสำหรับลูกค้ารายย่อย อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 2.95% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 3.25% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ 4.30% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 3.50% ต่อปี ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,600 บาทต่อเดือน ยื่นคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้ – 29 มีนาคม 2567 อนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 เมษายน 2567

2.สินเชื่อบ้านลูกค้าสวัสดิการ ธอส. ปี 2567 กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าสวัสดิการที่หน่วยงานทำข้อตกลงโครงการสวัสดิการเงินกู้ที่อยู่อาศัยประเภทไม่มีเงินฝากกับธนาคาร และต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้างต่อเติม ซ่อมแซม ซื้อที่ดินเปล่าทรัพย์ NPA ของ ธอส. ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) และชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 เท่ากับ 2.90% ต่อปี ปีที่ 2-3 เท่ากับ 3.80% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 3.50% ต่อปี ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-1.50% ต่อปี กรณีชำระหนี้ฯปีที่ 4 จนตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR ต่อปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,600 บาทต่อเดือน ยื่นคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้ – 29 มีนาคม 2567 อนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 เมษายน 2567

3.โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2567 กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานรัฐวิสากิจ และลูกจ้างประจำที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 2.90% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 3.75% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ 3.90% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 3.52% ต่อปี ปีที่ 4-6 เท่ากับ MRR-2.75% ต่อปี ปีที่ 7-9 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี ปีที่ 10 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-1.50% ต่อปี ยกเว้น กรณีชำระหนี้/ซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 5,500 บาทต่อเดือน ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 

4.โครงการบ้าน ธอส. แสนสุข ปี 2567 กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-2 เท่ากับ 3.25% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ 4.25% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 3.58% ต่อปี ปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-2.50% ต่อปี ปีที่ 6-7 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี ปีที่ 8 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี ลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี ยกเว้น กรณีชำระหนี้/ซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 5,500 บาทต่อเดือน ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 

“ธอส. พร้อมช่วยเหลือลูกค้าผู้มีรายได้น้อยและปานกลางทุกกลุ่มอาชีพ ให้มีภาระในการผ่อนชำระเงินงวดลดลง ผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำและคงที่นานสูงสุด 3 ปี เพื่อให้ลูกค้ามีเงินเหลือเพียงพอเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพได้ต่อไป ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐ เข้ามามีส่วนช่วยเหลือในการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน” นายกมลภพ กล่าว 

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถขอสินเชื่อได้ที่สาขาธนาคารทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank  Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB  ALLGEN และ  www.ghbank.co.th

 

#ธอส #ดอกเบี้ยคงที่ #สินเชื่อบ้าน #ค่าครองชีพ #ข่าววันนี้

 

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 2 ก.พ.67

-ธอส.เดินหน้าสานต่อนโยบายรัฐบาล ปรับสัดส่วนเพื่อเพิ่มกรอบวงเงินสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่มีความประสงค์เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ในโครงการบ้าน ธอส. สุขสบาย ปี 2566 เป็น 9,000 ล้านบาท จากเดิม 5,000 ล้านบาท หลังมีลูกค้าให้ความสนใจยื่นขอสินเชื่อแล้วรวมกว่า 6,600 ล้านบาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำร้องภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ณ สาขาธนาคารทั่วประเทศ 

-ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เตรียมเดินทางลงนาม FTA ไทย-ศรีลังกา ณ กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา 3-4 ก.พ.นี้ หลังปิดดีล FTA ฉบับที่ 15 ของไทย พร้อมจัดทัพผู้ประกอบการไทยกว่า 20 ราย นำ 7 สินค้า 4 บริการศักยภาพ โชว์ในงาน Sri Lanka-Thailand Business Networking เชื่อจะช่วยดันการค้าสองฝ่ายขยายตัว ปักหมุดฐานการลงทุนเชื่อมไทยสู่เอเชียใต้ ตะวันออกลาง และยุโรป ชี้เป็น FTA ทวิภาคีฉบับแรกของรัฐบาลชุดนี้ 

-อีอีซีเซ็นสัญญาร่วม CtrlS เช่าพื้นที่ฯ เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ภายใน EECd  เตรียมตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำระดับโลก ดึงเงินลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เข้าประเทศไทย 

-พาณิชย์เผยภาพรวมดัชนีเศรษฐกิจการค้าปี 66 ส่วนใหญ่ขยายตัวไม่มากนัก ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น จับตาขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภัยธรรมชาติ และมาตรการภาครัฐใกล้ชิด

-กรุงศรีสำรองเงินสด 10,254 ล้านบาทในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2567 ด้านกรุงไทยสำรองเงินสด 30,310 ล้านบาท

-อีสท์ วอเตอร์แจ้ง ตลท.ไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด

-สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง(ทองคำ 96.5%) ในประเทศเปิดตลาดเมื่อเวลา 09.04 น. ราคาปรับขึ้น 100 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้ออยู่ที่บาทละ 34,250 บาท ขายออก 34,350 บาท สำหรับทองรูปพรรณรับซื้ออยู่ที่บาทละ 33,640.04 บาท ขายออก 34,850 บาท ส่วนราคาทองคำโลก (Gold Spot) อยู่ที่ระดับ 2,055.50 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์

-SET ปิดวันนี้(2 ก.พ.)ที่ 1,384.08 จุด เพิ่มขึ้น 16.12 จุด (+1.18%) มูลค่าซื้อขาย 45,159.93 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นตามภูมิภาค เริ่มเห็นสัญญาณบวกมากขึ้นเรื่อยๆ หลังเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด และนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยได้ในเดือนพ.ค. ทำให้เชื่อมั่นว่าดอกเบี้ยได้ผ่านจุดพีคไปแล้ว ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลง หนุนหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ และยังมีแรงซื้อในหุ้นท่องเที่ยวต่อเนื่อง รับผลดีจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แนวโน้มสัปดาห์หน้ามองปรับขึ้นต่อ ให้แนวต้าน 1,400 จุด และแนวรับที่ 1,370 จุด

 

 

 

#SET #สินเชื่อบ้าน #ราคาทอง 

 

ธอส.คัดผลิตภัณฑ์ทางการเงิน นำโดยสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำพิเศษ คงที่ 3 ปี ร่วมงานมหกรรมการเงิน เชียงใหม่ ครั้งที่ 18 วันที่ 10-12 พ.ย.66  

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขนโปรโมชันร่วมงานมหกรรมการเงิน เชียงใหม่ ครั้งที่ 18 : Money Expo 2023 Chiangmai ณ เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต เพื่อให้พี่น้องชาวภาคเหนือ ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ ธอส. มากขึ้น ตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” นำโดย สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 3 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,600 บาท นานถึง 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น (Refinance) และชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย สำหรับหลักประกันในการยื่นกู้ต้องอยู่ในเขตพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ และตาก เท่านั้น ลงทะเบียนภายในงาน ยื่นกู้ และทำนิติกรรมภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2566 พิเศษ!! ลูกค้าที่มีวงเงินทำนิติกรรมสูงสุด 5 อันดับแรก รับของสมนาคุณฟรีทันที!! โดยอันดับที่ 1 รับบัตรกำนัล ห้องพัก 2 คืน (พร้อมอาหารเช้า) ที่โรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ และเครื่องดูดฝุ่น Robot  อันดับที่ 2-3 รับเครื่องดูดฝุ่น Robot และอันดับที่ 4-5 รับเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อ SHARP  
  
สลากออมทรัพย์ ธอส. ที่ให้ผลตอบแทนดี โอกาสถูกรางวัลสูง ประกอบด้วย ชุดขาลเพิ่มพูน ปี 2566 หน่วยละ 1,000 บาท ผลตอบแทนหน้าสลาก 1.00% ต่อปี (เมื่อฝากครบกำหนด) และมีโอกาสรับผลตอบแทนผันแปรตามคุณภาพสินเชื่อ  0.15% ต่อปี รวมรับผลตอบแทนสูงสุด 1.15% ต่อปี โอกาสลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 2 ล้านบาท และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัวทุกงวด รวม 36 งวด ชุดพิมานมาศ Plus Phase 2 หน่วยละ 50,000 บาท ผลตอบแทนหน้าสลาก 1.25% ต่อปี (เมื่อฝากครบกำหนด) พร้อมโอกาสลุ้นรางวัลที่ 1 รางวัลละ 3 ล้านบาท และรางวัลเลขท้าย 4 ตัว, 3 ตัว, 2 ตัว และ 1 ตัวทุกงวด รวม 24 งวด ชุดเกล็ดดาว พลัส หน่วยละ 5,000 บาท ผลตอบแทนหน้าสลาก 0.65% ต่อปี (เมื่อฝากครบกำหนด) โอกาสลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว, 2 ตัว และรางวัลเลขสลับเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว รวม 24 งวด จองสิทธิ์ภายในงานและซื้อสลากได้ระหว่างวันที่ 10 – 19 พฤศจิกายน 2566 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) สำหรับลูกค้าที่จองสิทธิ์และซื้อสลากออมทรัพย์ จำนวนเงินตั้งแต่ 5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อรายการ จะได้รับบัตร Starbucks มูลค่า 150 บาท ท่านละ 1 ใบ ต่อผลิตภัณฑ์ และซื้อจำนวนเงินมากกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไปต่อรายการ จะได้รับเซ็ตกล่องสำหรับใส่อาหาร Super Lock มูลค่า 699 บาท ท่านละ 1 ชุด ต่อผลิตภัณฑ์ หรือจนกว่าของสมนาคุณจะหมด

บ้านมือสอง ธอส. คุณภาพดี ทำเลเด่นหลากหลายประเภทใน จ.เชียงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียงมากกว่า 400 รายการ มาจำหน่ายด้วยส่วนลดพิเศษสูงสุด 50% ของราคาประเมิน โดยมีรายการที่น่าสนใจ อาทิ บ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาดเนื้อที่ 62 ตารางวา ในโครงการหมู่บ้านแพรวารี อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ราคาจำหน่ายพิเศษเหลือเพียง 1.28 ล้านบาท จากราคาปกติ 1.45 ล้านบาท ผู้ที่สนใจซื้อทรัพย์สามารถวางเงินประกันการซื้อทรัพย์รายการละ 5,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชัน สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสุด นานสูงสุดถึง 24 เดือน โดยลูกค้าสามารถเลือกชมบ้านมือสองของธนาคารได้ที่ www.ghbhomecenter.com, Mobile Application : GHB ALL HOME ทั้งนี้ ลูกค้าที่ใช้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด จะได้รับของสมนาคุณฟรีอีกมากมาย โดยงานมหกรรมการเงิน เชียงใหม่ ครั้งที่ 18 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 - 12 พฤศจิกายน 2566 ณ เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ  G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

 

ธอส.เตรียมวงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท จัดทำ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้น 0% 3 เดือนแรก ชำระเงินงวดต่ำล้านละ 3,300 บาท/เดือน  

ธอส.เตรียมกรอบวงเงิน 45,000 ล้านบาท จัดทำ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้น 0% 3 เดือนแรก ผ่อนชำระเงินงวดต่ำ ล้านละ 3,300 บาท/เดือน เท่านั้น  

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและครอบครัวได้ง่ายขึ้น ด้วยการเตรียมกรอบวงเงิน 45,000 ล้านบาท จัดทำ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก ส่งท้ายปี 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.สินเชื่อบ้าน Happy ;D กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซื้อบ้าน และห้องชุด (คอนโดมิเนียม) จากโครงการจัดสรรที่เข้าร่วมโครงการกับธนาคาร อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0% ต่อปี เดือนที่ 4-12 เท่ากับ 2.50% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 2.98% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ 3.55% ต่อปี เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เท่ากับ 2.80% ต่อปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,300 บาท 

2.สินเชื่อ Mild Home กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม และไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0.70% ต่อปี เดือนที่ 4-24 เท่ากับ 2.98% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ 3.55% ต่อปี เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เท่ากับ 2.98% ต่อปี 
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,600 บาท ระยะเวลานานถึง 2 ปี 

3.สินเชื่อบ้าน Happy Welfare กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในหน่วยงานที่มีสวัสดิการกับธนาคารและต้องการกู้เพื่อซื้อบ้าน ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) หรือชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยพร้อมกับรีไฟแนนซ์  อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-6 เท่ากับ 0.70% ต่อปี เดือนที่ 7-12 เท่ากับ 2.75% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 2.98% ต่อปี และปีที่ 3 เท่ากับ 3.55% ต่อปี เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย  3 ปีแรก เท่ากับ 2.75% ต่อปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,500 บาทต่อเดือน 

ทั้งนี้ในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ธอส. พร้อมช่วยเหลือให้ลูกค้าประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองง่ายขึ้น ผ่านการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อัตราดอกเบี้ยคงที่นานถึง 3 ปี เพื่อให้ลูกค้ามีภาระในการผ่อนชำระต่อเดือนอยู่ในระดับต่ำ และมีเงินเหลือเพียงพอต่อการดำรงชีพในแต่ละเดือน ซึ่งจะส่งผลทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจตามไปด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank  Call Center โทร.0-2645-9000 หรือFacebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : 
GHB  ALL GEN และ www.ghbank.co.th

#ธอส #สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ #สินเชื่อบ้าน #ดอกเบี้ยต่ำ #ธนาคารอาคารสงเคราะห์

 

 

ธ.เกียรตินาคินภัทร ปฏิวัติกระบวนการขอสินเชื่อบ้านครั้งใหญ่ ใช้ข้อมูลเครดิตสกอริ่งประกอบการพิจารณาเป็นครั้งแรกของไทย

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ร่วมปฏิวัติกระบวนการขอสินเชื่อบ้าน ด้วยความร่วมมือกับบริษัท ไอคอน เฟรมเวิร์ค จำกัด บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) และบริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด (NDID) ใช้ข้อมูล ‘เครดิตสกอริ่ง’ หรือ การประเมินทางสถิติเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ตามนัดของผู้ขอสินเชื่อ ประกอบการพิจารณาเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยมีเทคโนโลยีของ ไอคอน เฟรมเวิร์ค ในการนำเสนอสินเชื่อของธนาคารให้กับผู้ขอสินเชื่อ ร่วมด้วยเทคโนโลยีการพิสูจน์ตัวตนทางดิจิทัล ส่งผลให้การพิจารณาสินเชื่อมีความแม่นยำและความรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม 60% ช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสของผู้ขอสินเชื่อและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนยกระดับบริการทางการเงินของธนาคารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างธนาคารเกียรตินาคินภัทร ไอคอน เฟรมเวิร์ค เครดิตบูโร และ NDID โดยธนาคารเกียรตินาคินภัทรได้ร่วมใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมของบริษัท ไอคอน เฟรมเวิร์ค ในกระบวนการอนุมัติสินเชื่อบ้านผ่านระบบ ICON Digital Mortgage ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีระบบ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ เพื่อนำเสนอสินเชื่อของธนาคารให้กับผู้ขอสินเชื่อที่เหมาะสม รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างธนาคารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เครดิตบูโร และ NDID ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีมาตรฐาน และความปลอดภัย เพื่อการตรวจสอบเครดิตสกอริ่ง และยืนยันตัวตนของผู้ขอสินเชื่อได้แบบ Real Time และมีความแม่นยำ ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการขอสินเชื่อ ตลอดจนช่วยลดปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) ให้กับผู้พัฒนาอสังหาฯ  

นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปัจจุบันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่มีข้อมูลเครดิตลูกค้า ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร โดยการดำเนินการขอสินเชื่อเดิมอาจกินระยะเวลา 1-2 อาทิตย์ นอกจากนี้ ด้วยระดับหนี้ครัวเรือนปัจจุบันที่สูงกว่า 90% ทำให้ลูกค้าโดนปฏิเสธมากกว่า 60% ส่งผลให้ผู้ขอสินเชื่อและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีต้นทุนค่าเสียโอกาสจำนวนมาก  

“ธนาคารให้ความสำคัญกับการยกระดับกระบวนการให้บริการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการขอสินเชื่อบ้าน ซึ่งถือเป็นสินเชื่อที่มีมูลค่าสูงและมีความสำคัญต่อชีวิตของลูกค้าเป็นอย่างมาก ธนาคารจึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญอย่างไอคอน เฟรมเวิร์ค เครดิตบูโร และ NDID พัฒนากระบวนการขอสินเชื่อบ้านที่เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ของประเทศไทย  เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมทางการเงินมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการ โดยการพัฒนานี้สามารถลดระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อบ้านลงจากเดิม 1-2 อาทิตย์ เหลือเพียง 1-2 วัน มีความแม่นยำสูง ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับผู้ขอสินเชื่อ ผู้พัฒนาอสังหาฯ และธนาคารได้กว่า 60% นอกจากนี้ ธนาคารยังมองว่าเป็นการขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น” 

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) กล่าวว่า “ทางเครดิตบูโร มีการพัฒนา เครดิตสกอริ่ง มาแล้วกว่า 5 ปี ซึ่งพัฒนา Model ด้วยวิธีที่ยอมรับในระดับโลกมาใช้ในประเทศไทยโดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นำ เครดิตสกอริ่ง มาใช้เพื่อช่วยลูกค้าในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และถือเป็นต้นแบบ Model ในการพัฒนาไปยัง Use Case อื่นๆต่อไป ในอนาคต” 

นายบุญสันต์ ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะ Infrastructure Platform NDID มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ซึ่งตรงกับ  Mission ของ NDID Platform ในการสร้างมาตรฐานการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล โดยบริการ NDID eKYC และ eConsent เพื่อขอข้อมูลเครดิตจะอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุนการดำเนินการของธุรกรรมดิจิทัล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ให้เกิดประสิทธิภาพ และเป็นการก้าวสู่ธุรกิจใหม่ของ NDID อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลดีไปยังผู้ขอสินเชื่อเป็นอย่างมาก” 

นายวรรณเทพ หรูวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอคอน เฟรมเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า “การก้าวย่างในครั้งนี้ ของ ICON Framework นับว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญอีกครั้ง จากการเป็นผู้ให้บริการ CRM กับผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเราก็เห็นว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการ มีปัญหาเรื่องการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร อยู่ในระดับที่สูง ดังนั้นเราได้ร่วมพัฒนากระบวนการดังกล่าว เพื่อให้ลูกค้าของเรามีประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น และการทำงานครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ ของความร่วมมือกันใน ระหว่างอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และภาคธนาคาร ที่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อีกด้วย จากการปฏิวัติการขอสินเชื่อในครั้งนี้ คาดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง กระบวนการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถต่อยอดบริการใหม่ๆต่อไปในอนาคต และที่สำคัญที่สุดถือเป็นครั้งแรกของประเทศที่จะนำเรื่องเครดิตสกอริ่ง มาผนวกกับ Digital Mortgage และปรับกระบวนการทำงานอย่างจริงจัง เพื่อลดยอดปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารได้ในที่สุด” 

 

"ธอส." ตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ถึงสิ้นปี 66 ลดภาระลูกค้าสินเชื่อบ้าน

ธอส. ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ถึงสิ้นปี 2566 ช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อบ้าน

นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี หรือจาก 2.25% ต่อปี เป็น 2.50% ต่อปี ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ในระดับปัจจุบันต่อไปจนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการชำระเงินงวดตามนโยบายรัฐบาลให้กับลูกค้าเงินกู้ในปัจจุบันของธนาคารที่มีอยู่จำนวน 1.79 ล้านบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อคงค้างมากกว่า 1.66 ล้านล้านบาทและได้มีเวลาในการปรับตัวรับกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจ 22 ก.ย.66

-ธอส.โชว์ผลงานปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กว่า 162,760 ล้านบาท มั่นใจทั้งปี 66 ได้ตามเป้า 235,480 ล้านบาท NPLไม่เกิน4% ประกาศตรึงดอกเบี้ยนานสุด หนุนคนรายได้น้อยมีบ้าน

-รมว.คมนาคมมั่นใจทุกสนามบินพร้อมรับ VISA Free ตม.จัดเจ้าหน้าที่ประจำการเต็มช่องตรวจ รองรับได้ 7,140 คน/ชั่วโมง ทอท.คาด ผู้โดยสารเพิ่มเฉลี่ย เป็น 18,656 คน/วัน คาดปี 66 นักท่องเที่ยวจีนเกือบถึงเป้า 5 ล้านคน

-กบข.เตรียมเงินจ่ายคืนสมาชิกเกษียณอายุราชการปีนี้ 2.7 หมื่นล้านบาท พร้อมจ่ายเงินคืนได้ภายใน 7 วันทำการหลังเอกสารถูกต้องครบถ้วน พร้อมเสนอทางเลือก "ออมต่อ" ให้ กบข. บริหารเงินลงทุนให้ต่อเนื่องหลังจากเกษียณอายุราชการ 4 รูปแบบ โดยมีสมาชิกให้ความสนใจเพิ่มขึ้นทุกปี

-บริษัทตั้งใหม่ ส.ค.66 มีจำนวน 7,424 ราย เพิ่ม 0.08% ทำสถิติเป็นยอดตั้งใหม่เฉพาะเดือนสูงสุดในรอบ 10 ปี ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 มีทุนจดทะเบียน 24,905.75 ล้านบาท ส่วนยอดเลิก 2,007 ราย เพิ่ม 3.40% รวม 8 เดือน ตั้งใหม่ 61,558 ราย เพิ่ม 14.90% เหตุท่องเที่ยวฟื้น ธุรกิจเกี่ยวเนื่องเติบโตแรง และยอดเลิก 10,971 ราย เพิ่ม 10.90%

-กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากางแผนเสริมแกร่งร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นปี 67 เตรียมลุยพัฒนาร้านค้าที่มีพื้นฐานแข็งแรงเป็นร้านค้าต้นแบบ 30 ร้านค้า และเข้าไปช่วยอบรมร้านค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) ไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย ก่อนดันต่อยอดเป็นสมาร์ทโชห่วย 20 ราย

- ETDA ยกทัพผู้บริหารจัดใหญ่ "TIME TO CHANGE 13 ปี ETDA #ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล โชว์ผลงานเด่นรอบปี 66 กับภารกิจครั้งสำคัญพาคนไทยเปลี่ยนสู่ชีวิตดิจิทัลที่ดี มั่นใจ ปลอดภัยขึ้น พร้อมติดสปีดไทย พิชิต 30:30

-SCB FM มองเงินบาทแนวโน้มแข็งค่าขึ้นช่วงปลายปี แนะผู้นำเข้าป้องกันความเสี่ยงในระยะสั้น ด้านบอนด์ยีลด์มีโอกาสสูงขึ้นต่อ

-เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 36.03 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 36.13 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค แต่ปรับตัวแข็งค่ามากสุด ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ35.99 - 36.25 บาท/ดอลลาร์ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 35.95 - 36.20 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งช่วงกลางสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งยังมีความเห็นก้ำกึ่งเรื่องทิศทางดอกเบี้ยว่าจะมีการปรับขึ้น หรือคงอัตราเดิมไว้ หลังมีเสียงคัดค้านจากภาคเอกชน

-ผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ลง 0.50 บาท/ลิตร ส่วนดีเซลคงเดิม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 66 หลังเวลา 05.00 น.เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ เบนซิน 95 ลิตรละ 47.74 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 39.95 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 39.68 บาท E20 ลิตรละ 37.64 บาท E85 ลิตรละ 37.29 บาท ดีเซล B20 และดีเซล B7 ลิตรละ 29.94 บาท

-สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง(ทองคำ 96.5%) ในประเทศเปิดตลาดเมื่อเวลา 09.28 น. ราคาปรับขึ้น 50 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้ออยู่ที่บาทละ 32,850 บาท ขายออก 32,950 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณรับซื้ออยู่ที่บาทละ 32,260.48 บาท ขายออก 33,450 บาท ส่วนราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot อยู่ที่ 1,925.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

-SET ปิดวันนี้(22 ก.ย.)ที่ 1,522.59 จุด เพิ่มขึ้น 8.33 จุด (+0.55%) มูลค่าซื้อขาย 57,160.61 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ รับ Sentiment บวกตลาดภูมิภาค จากความหวังต่อเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว และ BoE คงอัตราดอกเบี้ย ขณะที่บ้านเรามีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดแกว่งไซด์เวย์ อัพไซด์จำกัด โดยยังมีหลายปัจจัยกดดัน ให้แนวรับไว้ที่ 1,520-1,515 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด