ผบก.น.7 ส่งมอบทองหล่นหาย 49 บาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท คืนให้ผู้เสียหาย

ผบก.น.7 ส่งมอบทองที่หล่นหาย 49 บาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท คืนให้ผู้เสียหาย หลังเร่งติดตามตัวคนเก็บทองหล่นไม่คืนได้ใน 6 วัน


วันที่ 27 พ.ค.67 พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7 พร้อมด้วยพ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สน.บางยี่ขัน ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.บางยี่ขัน นายชัยพร จริยธรรมานุกูล หรือ เฮียปุ๊ เจ้าของทอง และนางสาวไพรินทร์ คนที่ทำกระเป๋าใส่ทองหล่นหาย ร่วมกันแถลงข่าวส่งมอบทองคำที่หล่นหายจำนวน 49 บาท รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาทคืนให้กับเจ้าของ หลังสามารถติดตามตัวคนขับรถแท็กซี่ที่เก็บกระเป๋าใส่ทองคำไว้ได้เมื่อช่วงเช้าวันนี้

พล.ต.ต.กัมปนาท กล่าวว่า ทางผกก.ได้รายงานเหตุให้ทราบตั้งแต่วันแรก เพราะมีข้อสันนิษฐานว่าอาจทำหายเองหรือจะมีคนเอาไป จึงได้สั่งการให้ผู้กำกับให้พิสูจน์ให้ได้ว่าทองหายไปจริงหรืออยู่ที่ไหนอย่างไร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6 วันสามารถนำทองกลับมาคืนให้กับผู้เสียหายได้จึงต้องมาให้กำลังใจและชมเชยสน.บางยี่ขัน

พ.ต.อ.พายัพ กล่าวว่า จากเหตุทองหล่นบริเวณหน้าห้างย่านปิ่นเกล้า ตำรวจใช้เวลา 6 วันสามารถติดตามคืนมาได้ ซึ่งตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจได้ใช้ความพยายามในการติดตามมาโดยตลอดจนสามารถติดตามทองคำที่สูญหายมาได้ ส่วนกรณีที่นางสาวไพลินได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หรือไม่ ตนเองขอยืนยันว่าบางครั้งภาพที่เห็นกับความเป็นจริงเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งทางนางสาวไพรินทร์ไม่สบายใจมา 3-4 วัน และกระทบต่อสภาพจิตใจพอสมควร วันนี้พิสูจน์ได้แล้วว่านางสาวไพรินทร์ ไม่ได้เป็นคนที่กล่าวเท็จ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง และทางฝ่ายสืบสวนได้ติดตามไขความกระจ่างแล้ว ทั้งนี้ในกรณีที่เราสามารถเก็บทรัพย์ของผู้อื่นได้ควรจะนำส่งสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อติดตามส่งมอบคืนเจ้าของในส่วนนี้จะไม่มีความผิด แต่หากเข้าลักษณะเดียวกับวันนี้คือเก็บทรัพย์สินได้แล้วไม่ส่งคืนหรือมีเจตนาเพื่อเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนก็จะมีความผิดได้

ทั้งนี้เมื่อติดตามตัวผู้ต้องหาได้ก็จะดำเนินคดีไปตามกฎหมายในข้อหาลักทรัพย์ ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ ก็ต้องดำเนินคดีเนื่องจากเป็นความผิดตามอาญาแผ่นดิน ตำรวจต้องดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ส่วนเจ้าของทรัพย์หากไม่ติดใจก็เป็นเหตุให้บรรเทาโทษลงได้

ด้านนายชัยพร กล่าวว่า ได้นำเครื่องชั่งมาพิสูจน์ยืนยันว่าได้ทองคำครบตามน้ำหนัก 49 บาท ประกอบด้วยทองแท่ง 9 บาท และทองรูปพรรณ 604 กรัม ทั้งนี้ได้พูดคุยสอบถามกับคนขับรถแท็กซี่ว่าทำไมเก็บทองได้แล้วถึงไม่คืน แต่เขากลับตอบมาว่าเขาไม่รู้ และไม่รู้จะคืนที่ไหน แล้วมาทราบจากตำรวจว่าที่บ้านคนขับรถแท็กซี่ไม่มี โทรทัศน์และบนรถไม่มีวิทยุฟัง ตนเองจึงตอบแทนเขาไม่ได้ว่าทำไมจึงไม่นำส่งมอบคืน ส่วนการดำเนินคดีให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมาย ฝากถึงผู้ที่เก็บได้หากเก็บได้ให้นำมาคืนอย่าเก็บไว้กับตัวเองเลยขนาดตนมีรางวัลให้แทนที่จะได้เงินไปใช้กลับต้องถูกดำเนินคดี

นายชัยพร เปิดเผยอีกว่า ตนมีความเชื่ออยู่แล้วว่าจะได้ทรัพย์สินคืน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปกราบไหว้พระที่นับถือในจังหวัดสุพรรณบุรีรวมทั้งหมด 3 วัด และพระทั้ง 3 วัดพูดเหมือนกัน ว่าจะได้ของคืนในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ จึงทำให้ตนเองมีความมั่นใจ อีกทั้งยังได้รายงานผลการติดตามหาทองอยู่ตลอดจึงทำให้ประสบความสำเร็จ หลังจากนี้ตนก็จะได้ไปบวชแก้บน ตามที่ได้ไปบนเอาไว้ว่าหากได้ทองคืนจะบวชพระให้ 3 วัน

นางสาวไพรินทร์ ได้ยกมือไหว้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ให้เบาะแสจนสามารถติดตามทองคำคืนมาได้ครบ พร้อมเปิดเผยว่า ในช่วงวันแรกตนทานอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับคนขับรถแท็กซี่แต่ทราบว่าเขาก็ขอโทษอยู่ วันที่ทราบว่าเริ่มมีเบาะแสตนรู้สึกดีใจ ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ออกมาให้ข้อมูลใดๆ เนื่องจากตนเองไม่ทราบมูลค่าของที่อยู่ภายในทราบเพียงแต่ว่าเป็นทองที่มีมูลค่าเยอะจึงยังไม่อยากให้ข้อมูลและจะต้องรอเจ้าของทองก่อน และกลัวว่าจะไม่ได้ทองคืน ทั้งนี้ก็อยากจะเอาเรื่องกับคนขับรถแท็กซี่เหมือนกันที่ไม่ยอมคืน อย่างไรก็ตามใครทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด เพราะหากเขาไม่คืนตนเองก็จะต้องมีความผิดเพียงคนเดึยว 

จากนั้นทางพล.ต.ต.กัมปนาท ได้ส่งมองทองคำคืนให้กับผู้เสียหาย โดยนายชัยพร และนางสาวไพรินทร์ ได้ยกมือไหว้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถติดตามทองที่หล่นหายคืนมาได้ครบ

ต่อมาตำรวจได้คุมตัวนายสง่า คนขัยรถแท็กซี่ออกจากห้องสืบสวนเพื่อมาทำบันทึกกับพนักงานสอบสวน นายสง่าได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า อยากขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้หลายคนได้รับความเดือดร้อน ส่วนตนเองไม่มีเจตนาที่จะลักทรัพย์ แต่เมื่อตำรวจดำเนินคดีก็พร้อมที่จะรับโทษ โดยยืนยันว่าตนไม่มีทีวีดู ไม่มีวิทยุฟังจึงไม่รับรู้ข่าวสาร
 

สาวใหญ่ วัย58 ปี ทำทองคำหล่นหาย น้ำหนักว่า 40 บาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท บนถนนบรมราชชนนี 

วันที่ 22 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าว เดินทางมาที่ สน.บางยี่ขัน และสอบถามไปยัง ผกก. สน.บางยี่ขัน ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า  เบื้องต้นช่วงเช้าวันนี้ 22 พฤษภาคม 2567 ช่วงเวลาประมาณ  08.50 น. นางไพรินทร์ แก้วเพ็ชร อายุ 58 ปี ได้เดินทางเข้ามาบันทึกประจำวัน ที่ สน.บางยี่ขัน ว่าของหาย เพื่อจะนำบันทึกประจำวัน ไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ของกรุงเทพมหานคร กรณีทำของหาย  

จากนั้นต่อมา นางไพรินทร์ ฯ ได้เดินทางกลับมาที่ สภ.บางยี่ขัน อีกครั้ง  และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้ทำทองหล่นหาย บริเวณสะพานลอย ตรงข้ามโลตัสปิ่นเกล้า น้ำหนัก 40 บาท  และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาทองคำที่หล่นหาย 

 


 เบื้องต้นชุดสืบกำลังไล่กล้องวงจรปิด จนถึงขณะนี้ เวลา19.30น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ นางไพรินทร์ ทำถุง ที่ระบุว่ามีทองอยู่ข้างในหล่นแล้ว  แต่ขณะนี้กำลังไล่ตรวจสอบอยู่ว่า รถคันไหนหรือใคร ที่มาเก็บกระเป๋าใส่ทองดังกล่าวไป 

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอีกว่า นางไพรินทร์ รับฝากทอง ซึ่งเป็นร้านทองแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และร้านทองที่เพชรบุรี นำทองมาส่งให้ นางไพรินทร์ ที่ จ.นครปฐม ก่อนที่นางไพรินทร์ จะนำทองมาส่ง  ให้กับร้านทองแห่งหนึ่ง ในกทม. และทองคำน้ำหนัก 604.1กรัม (หรือน้ำหนักครึ่งกิโลกว่าๆ หรือ  ประมาณ 40 บาท) หล่นหายดังกล่าว

รวบ “แอนนา” กูรูนางงาม หลอกขายทองคำ

วันที่ 21 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ,พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์    เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย, พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ท.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ รอง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สุขสิทธิ์ ประเสริฐ  สว.กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.5 บก.ป.ร่วมกันจับกุม นายวรินทรฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกาญจนบุรี  ที่ จ.328 / 2567 ลงวันที่ 17 พ.ค.67 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงประชาชน” จับกุมได้ที่ คอนโดมิเนียมหรู ซอยลาดพร้าว 87 แยก 30 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง  จ.กรุงเทพฯ เมื่อวันทีี่ 21 พฤษภาคม 2567

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.2566 ผู้เสียหายชาว จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นลูกค้าเพจขายสินค้าของนายวรินทรฯ หรือแอนนา กูรูนางงาม ได้สั่งซื้อสินค้าจากเพจของแอนนาอยู่เป็นประจำ และต่อมาทางเพจของแอนนาได้มีการโพสต์ขายทองคำแท่งราคาต่ำกว่าร้านทองทั่วไป (ร้านทองทั่วไปขายในราคา 27,000 บาท) โดยเพจของแอนนาขายทองในราคา 22,000 บาท ทางผู้เสียหายเห็นโพสต์ดังกล่าวจึงเกิดความสนใจจากนั้นจึงติดต่อขอซื้อทองคำแท่งจากนายวรินทรฯ หรือแอนนา โดยผู้เสียหายได้โอนเงินในการซื้อทองคำแท่งไปให้นายวรินทร หรือแอนนา จำนวนหลายครั้ง รวมมูลค่าทองคำ ๑๐ บาท รวมเป็นเงิน 240,000 บาท แต่ต่อมาภายหลังผู้เสียหายกลับไม่ได้รับทองคำแท่งจากนายวรินทรฯ แต่อย่างใด และเมื่อติดต่อทวงถามก็ไม่ได้รับการส่งทองคำแท่งมาให้ตามที่ตกลงกันไว้ จากนั้นผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวน สภ.ด่านมะขามเตี้ย ดำเนินคดีกับนายวรินทรฯ หรือแอนนา

ต่อมาทางพนักงานสอบสวน สภ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว และต่อมาได้มีการประสานมายังกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวนายวรินทรฯ หรือ แอนนา


ซึ่งวันนี้ (๒๑ พ.ค.๖๗) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า นายวรินทรฯ หรือแอนนา ได้หลบหนีมาพักอาศัยที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งซอยลาดพร้าว 87 แยก 30 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์  เขตวังทองหลาง จ.กรุงเทพฯ จากนั้นจึงขออนุมัติหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นจับกุมพบนายวรินทร หรือแอนนา และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ด่านมะขามเตี้ย  จ.กาญจนบุรี ดำเนินคดีต่อไป



 สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายวรินทร หรือแอนนา ให้การภาคเสธว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกง แต่เนื่องจากราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วประกอบกับธุรกิจที่ลงทุนมีปัญหาการเงิน จึงทำให้ไม่สามารถส่งมอบทองคำแท่งให้ลูกค้าได้ โดยภายหลังตนพยายามเจรจากับลูกค้าขอทยอยคืนเงินให้กับลูกค้าทั้งหมดตอนนี้เหลือประมาณ 100 ราย และก่อนหน้านี้ตนเองก็เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ตำรวจไซเบอร์มาแล้วในอีกคดีหนึ่ง อยู่ระหว่างประกันตัวต่อสู้คดี
     

ฮิตติดเทรน! คุณยายวัย70สั่งทำลาบูบู้เนื้อทองคำเก็บสะสม

วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต๊อกชื่อ ห้างทองเพชรมังกร พระพุทธบาท ได้โพสต์แชร์ลงคลิปวีดีโอตุ๊กตา ลาบูบู้ เนื้อทองคำ สะสมลาบูบู้ เนื้อทองคำ แอชแท็ก คำว่า สักตัวมั้ยค่า#ลาบูบู้# ลาบูบู้มาการ#ทองคำ#ร้านทอง#ห้างทองเพชรมังกรพระพุทธบาท มีผู้ติดตาม และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากพร้อมทั้งสอบถามราคาตุ๊กตา ลาบูบู้ ทองคำ จนเป็นกระแสไวรัล มียอดสั่งจองและการสั่งซื้อกันเป็นจำนวนมาก


         

ต่อมาทีมข่าวได้ติดต่อไปยังห้างทองเพชรมังกร พร้อมเดินทางไปที่ห้างทองเพชรมังกร ตั้งอยู่ที่ ตลาดจอมพล ป. อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี พบนาง อลิษา เฉลิมวณิชย์กุล อายุ 37 ปี  เป็นเจ้าของร้านห้างทองเพชรมังกร เล่าว่าตุ๊กตา ลาบูบู้ เนื้อทองคำ ที่ทำเป็นจี้ห้อยคอ ทำด้วยทอง 99.99 เปอร์เซ็นต์ มียอดสั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีราคาประมาณ 8 – 9,000 บาท ซึ่งนะตอนนี้มีลุกค่าสั่งเข้ามา 80 ตัวแล้ว น้ำหนักจะอยู่ที่ 2-3 กรัม ทางร้านจะทำตุ๊กตา ลาบูบู้ เนื้อทองคำ มีแบบจี้ห้อยคอ และแหวน 2 แบบ ตอนนี้ได้รับความสนใจจากลูกค้าเยอะมาก ทางร้านจะเน้นจากลูกค้าที่สั่งทำ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะส่งทำทางออนไลด์ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นวัยรุ่น แต่ช่วงเช้าก็มีลุกค้าอายุ 70 ปีก็สั่งทำเพื่อเก็บสะสม ซึ่งทางร้านทำตามใจลูกค้า ซึ่งตุ๊กตา ลาบูบู้ มีลูกค้านำแบบตุ๊กตา ลาบูบู้ มาให้ทางร้านดุแบบแล้วให้ทางร้านทำเป็นแบบทองคำให้ ทางร้านก็ทำให้อย่างปราณีตทำให้เหมือนแบบตุ๊กตา ลาบูบู้ ที่ลูกค้านำมาเป็นตัวอย่าง ส่วนลุกค้าท่านใดสนใจลาบูบู้ เนื้อทองคำสามารถสั่งได้ที่ ห้างทองเพชรมังกร เบอร์โทร 036268889 0896892345 Line :@petchmangkorn 

 

ดัชนีทองคำเดือน พ.ค.ทรงตัวระดับสูง สะท้อนแรงหนุนจากหลายปัจจัยบวก

ดัชนีทองคำเดือน พ.ค.ทรงตัวระดับสูง สะท้อนแรงหนุนจากหลายปัจจัยบวก

นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ แถลงดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ ประจำเดือน พ.ค.67 อยู่ที่ระดับ 70.70 ปรับเพิ่มขึ้น 0.24 จุด หรือคิดเป็น 0.33% จากเดือนก่อนที่ระดับ 70.46 จุด โดยปัจจัยหนุนจากความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย, สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง, แรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ และแรงซื้อเก็งกำไร ตามลำดับ โดยคาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือน พ.ค.67 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 365 ราย ในจำนวนนี้มี 169 ราย หรือ 46% คาดว่าจะซื้อทองคำ ส่วนจำนวน 105 ราย หรือ 29% คาดว่าจะไม่ซื้อทองคำ และจำนวน 91 ราย หรือ 25% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำในเดือนนี้หรือไม่

ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 13 ราย ในจำนวนนี้มี 6 ราย หรือ 46% เชื่อว่าราคาทองคำในเดือน พ.ค.67 จะเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 4 ราย หรือ 31% คาดว่าจะลดลง และจำนวน 3 ราย หรือ 23% คาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน เม.ย.67

สำหรับการคาดการณ์กรอบราคาทองคำในเดือน พ.ค.67 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมอง ดังนี้ ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 2,244-2,384 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 39,100-41,300 บาท/น้ำหนัก 1 บาททองคำ และด้านค่าเงินบาทให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 36.26-37.28 บาท/ดอลลาร์

โดยคำแนะนำการลงทุนทองคำในเดือน พ.ค.67 ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ให้ความเห็นว่าราคาทองคำในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ที่ระดับ 2,431 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลให้แนวโน้มราคาทองคำระยะยาวยังคงเป็นเชิงบวก และทำให้บรรยากาศของการซื้อขายมีความผันผวนเพิ่มขึ้น ปัจจัยหลักมาจากการที่ตลาดคาดการณ์นโยบายการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำอาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมากดดันได้บ้าง หรือแกว่งตัวสร้างฐานราคา ดังนั้นนักลงทุนจึงควรติดตามอย่างใกล้ชิด

#ราคาทอง #ทองคำ #ข่าววันนี้ #ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ #เฟด #ลดดอกเบี้ย

 

“น้ำมัน-ทองคำ” ราคาทะยานพุ่ง-ผวา “อิสราเอล-อิหร่าน” ระเบิดศึกใส่กันจนบานปลาย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากกรณีที่อิสราเอลส่งโดรนโจมตีอิหร่าน เมื่อช่วงกลางดึกของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น เพื่อตอบโต้ที่อิหร่านส่งโดรนติดอาวุธและขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล เมื่อช่วงก่อนรุ่งสางของวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ได้ส่งผลต่อการซื้อขายน้ำมันดิบและทองคำในตลาดโลก เมื่อวันศุกร์นี้ หลังบรรดานักลงทุน หวั่นเกรงว่า จะเกิดการตอบโต้กันไปมาของทั้งสองฝ่าย และนำไปสู่การสู้รบ ก่อนลุกลามบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงในภูมิภาคตะวันออกกลางตามมา

รายงานข่าวแจ้งว่า การซื้อขายน้ำมันดิบที่ตลาดสำคัญทั้งสองตลาด ได้แก่ ตลาดเวสต์เทกซัส ของทางฝั่งสหรัฐฯ และตลาดเบรนต์ ทะเลเหนือ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ของทางฝั่งยุโรป ราคาได้ทะยานพุ่งขึ้นไปถึงรวมแล้วทั้งสองตลาดกว่าร้อยละ 3

โดยในการซื้อขายที่ตลาดเวสต์เทกซัส ประเทศสหรัฐฯ ราคารอบส่งมอบเดือน พ.ค. ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.75 ไปอยู่ที่ 84.1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนตลาดเบรนต์ ประเทศอังกฤษ ราคารอบส่งมอบเดือน พ.ค. ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.73 ไปอยู่ที่บาร์เรลละ 88.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความคาดหมายว่า ราคาจะทะยานพุ่งขึ้นไปทะลุแนวต้าน 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ขณะเดียวกัน ทางด้านการซื้อขายทองคำในตลาดโลก ก็ได้พุ่งขึ้นไปจนเป็นสถิติใหม่อยู่ที่ 2,411 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

มีดจี้ชิงทรัพย์แม่ค้าแผงลอย ฉกเงิน สร้อยคอหนักรวม 5 บาท

เมื่อเวลา 05:31 น. วันที่ 31 มี.ค. พ.ต.ต นิคม พรหมโครต สว.(สอบสวน) สน.หลักสอง รับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือมีผู้เสียหายถูกอาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ เพิงพักแผงลอยขายของจิปาถะไม่ทราบเลขที่ ริมถนนพุทธมณฑลสาย2 ซอย10 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.ไตรเทพ  แพทย์รัตน์ ผกก.สน. หลักสอง พร้อมด้วย ชุดสายตรวจสน.หลักสอง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบนางศรีรัตน์ อายุ 72 ปี ผู้เสียหายยืนรออยู่บริเวณดังกล่าว ทรัพยสินที่ถูกประทุษร้าย กระเป๋าถือสีขาว โดยมีทรัพย์สินในกระเป๋า คือ เงินสด ยังไม่ทราบจำนวน สร้อยคอทองคำ 2 บาท ราคา โดยประมาณ 70,000 บาท สร้อยคอทองคำ 3 บาท ราคาโดยประมาณ 105,000 บาท ร่มสำหรับร่มสำหรับใช้ขายของ 2คัน

จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพบแผงลอยกระจัดกระจาย สอบถามผู้เสียหายทรรบว่า เมื่อเวลาประมาณ 04:00 น. ผู้เสียหายนอนหลับอยู่บริเวณร้านแผงลอยดังกล่าว โดยที่ผู้เสียหายเพิ่งย้ายมาอยู่บริเวณนี้ได้ 5 วัน จากนั้นผู้เสียหายตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงคนรื้อค้น เพิงพักแผงลอย ดังกล่าว จึงตื่นพบมีผู้ชายผู้ก่อเหตุ 1 คน รูปร่างผอมตัดผมเกรียน ผู้หญิงผู้ก่อเหตุ 1 คนรูปร่างอ้วนเตี้ยทรงผมบ๊อบ ก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุเคยมาเรียกเก็บค่าที่จากผู้แจ้ง จำนวน 3,800 บาท เมื่อวันแรกที่มาขายของบริเวณดังกล่าว 

จากการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทราบว่า คนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์มาบริเวณดังกล่าว ไม่ทราบรุ่น ไม่ทราบเลขทะเบียน กำลังรื้อข้าวของ โดยที่ชายผู้ก่อเหตุถือมีดปลายแหลมได้ยืนอยู่บริเวณข้างเตียงนอนที่ตนเองนอนหลับอยู่ผู้หญิงยืนอยู่นอกร้านริมถนน หลังจากนั้นหญิงผู้ก่อเหตุ จึงตะโกนบอกว่า"ตังอยู่บนหัวเตียงของมัน""ส่งเงินมาไม่งั้นตาย" ผู้เสียหายจึงส่งกระเป๋าถือและสร้อยคอที่ใส่อยู่ ให้คนร้ายไป หลังจากนั้นคนร้ายก็ได้พังทรัพย์สินภายใน ร้านก่อนจะหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ จากถนนพุทธมณฑลสายสอง ซอย 10 มุ่งหน้าเพชรเกษม 88 เบื้องต้นจึงได้นำผู้เสียหาย แจ้งความเพื่อติดตามตัวคนร้ายดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

"เอ็มทีเอส รีไฟเนอรี่ แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง" เจ้าแรกในไทย ผู้ผลิตด้านทองคำ  คว้างรางวัล 2 ใบ คาร์บอนฟุตพริ้นท์

นายกีรดิต หิรัณยศิริ  ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอ็มทีเอส รีไฟเนอรี่ แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด หรือ RM ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและสกัดทองคำ กลุ่มบริษัทในเครือเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับทองคำแบบครบวงจร เข้ารับมอบประกาศนียบัตร เครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ จำนวน 4 ผลิตภัณฑ์ และเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์เศรษฐกิจหมุนเวียน จาก นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์  ผู้อำนวยการ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เพื่อรับรองว่า RM เป็นองค์กรเจ้าแรกในไทยด้านผู้ผลิตทองคำที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ใส่ใจต่อภาวะโลกร้อน และร่วมสนับสนุนนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายรัฐบาลเพื่อมุ่งสู่ Net-Zero ต่อยอดอุตสาหกรรมทองคำสู่ความยั่งยืน ณ ห้องอบรมองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ชั้น 9 อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อเร็วๆ นี้

Krungthai CIO ชี้ตลาดหุ้น-ทองคำเป็นสินทรัพย์น่าลงทุนในเดือนมี.ค. รับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง

Krungthai CIO ชี้ตลาดหุ้น-ทองคำ เป็นสินทรัพย์น่าลงทุนในเดือนมี.ค. พลิกการลงทุนให้เป็นเรื่องง่ายและงอกเงยจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ธนาคารกรุงไทย (Krungthai Chief Investment Office) เปิดมองมุมการลงทุนเดือนมีนาคม 2567 มองตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อ แม้หลายตลาดทำสถิตินิวไฮ รับปัจจัยหนุนจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงและเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวได้ ขณะที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ควรมีติดไว้ในพอร์ต มีโอกาสปรับขึ้นอีก จากความเสี่ยงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

Krungthai CIO  วิเคราะห์ตลาดและการลงทุนประจำเดือนมีนาคม 2567 แนะผู้ลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางหลายประเทศ โดยมองว่า ฝั่งยุโรปน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนสหรัฐอเมริกา ตามทิศทางเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าสหรัฐฯ ส่วนไทยมีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่เกิดขึ้น 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน  Krungthai CIO มีมุมมองคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้น  เพราะมีโอกาสปรับขึ้นต่อ แม้ว่า ตลาดหุ้นหลักหลายๆ แห่ง จะทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่สิ้นสุดลง และเฟดน่าจะทยอยลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวได้ ทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสขยายตัวต่อ โดยตลาดหุ้นที่น่าสนใจมีดังนี้  

หุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ ที่ยังคง Laggard หุ้นขนาดใหญ่อยู่พอสมควร ถึงแม้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะทำจุดสูงสุดใหม่ แต่การปรับตัวขึ้นกระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้ Valuation ของหุ้นขนาดเล็กอยู่ในระดับที่ไม่แพง ประกอบกับมุมมองเรื่อง “Soft Landing” ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการที่รายได้ส่วนใหญ่ของหุ้นขนาดเล็กมาจากภายในประเทศเป็นหลัก ทำให้มองว่า รายได้มีโอกาสขยายตัวต่อ 

ตลาดหุ้นยุโรป ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศอกมา ชี้ว่า เศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่เริ่มกลับมาสู่ระดับปกติ ราคาหุ้นยังถือว่าไม่แพง

สำหรับตลาดเกิดใหม่ หุ้นอินเดีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย เป็นตลาดที่น่าสนใจ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ในระดับสูงในปีนี้ จากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง กระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)  ที่ไหลมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นอินเดีย และเวียดนาม ปรับขึ้นค่อนข้างดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่าน ทำให้ Upside จำกัด แนะนำให้อาศัยจังหวะที่ตลาดปรับตัวลงในการเข้าลงทุน ส่วนตลาดอินโดนีเซีย ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี นายปราโบโว ซูเบียนโต ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นไปประธานาธิบดี คลายความกังวลตลาดจากการสานต่อนโยบายต่างๆ ประกอบกับราคาหุ้นที่ยังไม่แพง P/E อยู่ที่ 13.8 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 

ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการ และตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 2566  ที่โดยรวมออกมาแย่กว่าคาด อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้รับรู้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไปพอสมควร ทำให้ Downside Risk จำกัด จึงมองว่าตลาดมีโอกาสฟื้นตัว ถ้าร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ได้รับการอนุมัติและเริ่มมีการเบิกจ่ายงบประมาณได้ ตลาดหุ้นจีน แนะนำ Trading Buy มองว่า Sentiment การลงทุนดีขึ้นจากมาตรการภาครัฐที่ทยอยออกมาเอื้อต่อเศรษฐกิจและตลาดทุน  กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ Healthcare Technology และ Global REITs โดยกำไรหุ้นกลุ่ม Technology มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีจากกระแส AI เช่นเดียวกับกลุ่ม Healthcare ที่กำไรมีแนวโน้มขยายตัวได้สูงจากนวัตกรรมยาใหม่ๆที่รักษาโรคที่รักษาได้ยากและยังไม่มีมาก่อน ส่วนกลุ่ม Global REITs ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง 

สำหรับสินทรัพย์อื่นๆ Krungthai CIO มีมุมมองเป็นบวกต่อราคาน้ำมัน  มองว่า ราคาน้ำมัน WTI จะปรับตัวในกรอบ 70-90 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ และสหรัฐฯ ในช่วงกลางปีหลัง ทำให้อุปทานตึงตัวมากขึ้น ขณะที่อุปสงค์ยังเพิ่มขึ้น จากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง และเศรษฐกิจจีนที่ทยอยฟื้นตัว ส่วนราคาทองคำ มองว่า เป็นสินทรัพย์ที่ควรมีติดพอร์ตไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดน่าจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อไปอีกได้

นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศและไทย  เนื่องจากตลาดได้ปรับคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางของดอกเบี้ยให้สมเหตุสมผลมากขึ้น ทำให้ Bond Yield ผันผวนน้อยลงและมีโอกาสปรับตัวลงได้ นอกจากนี้ ตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยในการกระจายความเสี่ยงได้ดี หากสมมติฐานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้โตตามคาด และเปิดทางให้เฟดลดดอกเบี้ยได้มากกว่ามุมมองตลาด ขณะที่ตราสารหนี้ไทยจะได้รับผลบวกจากแนวโน้มเงินเฟ้อไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่กนง. จะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง 

#KrungthaiCIO #ตลาดหุ้น #ทองคำ #SET #ข่าววันนี้ 

 

 

ชาติพี่เบิ้มแห่ตุนทอง

ถือเป็นสำนวนสุภาษิตไทยที่ยังคงใช้ได้เสมอกับคำว่า “มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่”

ทั้งนี้ เพราะไม่ว่าใครถือครอง “ทอง” หรือ “ทองคำ” เป็นจำนวนมาก ล้วนได้รับความนับหน้าถือตาต่อบุคคลทั้งหลายว่า เป็นผู้มีอันจะกิน เงินในกระเป๋ากำลังฟุ้งเฟื่อง สามารถซื้อทองคำมาถือครองได้ โดยที่สถานการณ์การเงินของตนเองไม่เดือดร้อน

เช่นเดียวกับระดับประเทศชาติ ถ้าประเทศชาติถือครองทองคำเป็นจำนวนมาก ก็ย่อมได้รับความนับหน้าถือตาเช่นกันในฐานะประเทศที่กำลังมีสถานการณ์เศรษฐกิจเฟื่องฟู ถึงขนาดที่ว่า สามารถจัดสรรนำรายได้ของประเทศชาติส่วนหนึ่ง ไปซื้อทองคำมาเข้าคลังหลวงไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งประเทศที่สามารถซื้อทองคำมาตุนไว้ในคลังหลวงเป็นจำนวนมากระดับหลักร้อยตัน หรือแสนกิโลกรัม ณ ปัจจุบันนั้น ก็ต้องบอกว่า มีไม่กี่ประเทศ

เพราะนั่นหมายความว่า ประเทศที่อย่างนั้นได้ สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศต้องดีจริงๆ ถึงขั้นสามารถจัดสรรรายได้ของประเทศส่วนหนึ่งไปซื้อทองคำมากักตุนไว้ได้เป็นจำนวนมากเช่นนั้น โดยที่การเงิน การคลัง ของประเทศไม่เดือดร้อนกระทบกระเทือน

โดยการซื้อทองคำในระดับประเทศข้างต้นนั้น นอกจากประชาชนพลเมืองของประเทศแล้ว ก็ยังมีผู้ที่ดำเนินการจัดซื้อรายใหญ่ของประเทศยิ่งกว่า นั่นคือ “ธนาคารกลาง” หรือ “แบงก์ชาติ” ของประเทศนั้นๆ นั่นเอง

ตามการเปิดเผยของ “สภาทองคำโลก” หรือ “ดับเบิลยูจีซี” (WGC : World Gold Council) องค์กรที่ดูแลด้านอุตสาหกรรมทองคำและการพัฒนาตลาดทองคำระหว่างประเทศ ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ ก็ระบุถึงรายชื่อประเทศที่จัดซื้อทองคำมาตุนไว้ในจำนวนมหาศาล คือ ระดับเกินหลักร้อยตันในช่วงรอบปี 2023 (พ.ศ. 2566) ที่ผ่านมา

โดยรายงานของสภาทองคำโลก ระบุว่า “จีน” ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหมายเลข 2 ของโลก ยังคงเป็นประเทศที่จัดสรรซื้อทองคำมากที่สุดในโลก ตลอดช่วง 12 เดือนของปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาคครัวเรือน คือ ประชาชนชาวจีนที่พากันแห่ซื้อทองคำ และในส่วนของ “ธนาคารกลาง” คือ “ธนาคารประชาชนจีน” หรือ “พีบีโอซี” (PBoC : Peopole Bank of China) อันเป็น “แบงก์ชาติของจีน” นั่นเอง

ในการซื้อทองคำของภาคครัวเรือน ทั้งในรูปแบบเหรียญทองคำ ทองคำแท่ง และทองคำรูปพรรณนั้น ก็มากกว่าเมื่อปี 2022 (พ.ศ. 2565) เฉลี่ยร้อยะล 10.1 จนส่งผลให้มีทองคำน้ำหนักรวมอยู่ที่ 1,006 ตัน หรือ 1,006,000 กิโลกรัม ซึ่งเป็นตัวเลขรวมที่มากกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว 82 ตัน หรือ 82,000 กิโลกรัม

ขณะเดียวกัน ในส่วนของการจัดซื้อทองคำของ “ธนาคารประชาชนจีน” ซึ่งเป็นธนาคารกลางของจีนนั้น ปรากฏความต้องการ หรือดีมานด์ (Demand) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 12 เดือนของปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เหตุปัจจัยที่ทำให้ประเทศจีน มีดีมานด์ ความต้องการถือทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ก็เพราะว่ารัฐบาลปักกิ่ง ทางการของจีน อยากจะเก็บทองคำ แทนการเก็บทรัพย์สินต่างๆ ที่เป็นสกุลของประเทศสหรัฐฯ มากกว่า ซึ่งรวมถึงพันธบัตร หรือบอนด์ (Bond) ของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วย

เฉพาะของเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ธนาคารกลางของจีน ก็จัดซื้อทองคำไปจำนวน 23 ตัน หรือ 23,000 กิโลกรัม ส่งผลตลอดทั้ง 12 เดือนของปีที่แล้ว ธนาคารพีบีโอซีของจีน จัดซื้อทองคำรวมแล้วมีน้ำหนักทั้งสิ้น 204 ตัน หรือ 204,000 กิโลกรัม และก็ทำให้พญามังกรจีน อันเป็นนิกเนมของประเทศจีน มีทองคำสำรองอยู่ในคลังหลวงรวมจำนวนทั้งสิ้น 2,215 ตัน หรือ 2,215,000 กิโลกรัม ซึ่งจินตนาการไม่ออกเลยทีเดียวว่า ทองคำจำนวนกว่า 2 ล้านกิโลกรัม จะเป็นกองทองคำที่มีขนาดมหึมาขนาดไหน

ด้วยประการฉะนี้ ทางสภาทองคำโลก จึงยกให้จีนแผ่นดินใหญ่ เป็นชาติพี่เบิ้มที่ถือครองทองคำมากที่สุดในโลก

บรรยากาศการซื้อทองคำของภาคครัวเรือนในร้านทองแห่งหนึ่ง ประเทศจีน (Photo : AFP)

นอกจากพญามังกรจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ถือครองจำนวนมหาศาลแล้ว ก็ยังมี “อินเดีย” เจ้าของฉายา “แดนภารตะ” ก็ถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ถือครองทองคำจำนวนมาก ทั้งในส่วนของภาคครัวเรือน และในส่วนของธนาคารทุนสำรองอินเดีย หรืออาร์บีไอ (RBI : Reserve Bank of India) ซึ่งเป็นธนาคารกลาง หรือแบงก์ชาติของอินเดีย นั่นเอง

โดยเมื่อช่วงปีที่แล้ว ภาคครัวเรือนของอินเดีย ซื้อทองคำ ทั้งในรูปแบบเหรียญทองคำ และทองคำแท่ง รวมแล้ว 747.5 ตัน หรือ 747,500 กิโลกรัม ส่วนธนาคากลางแบงก์ชาติของอินเดีย จัดซื้อทองคำเข้าคลังหลวงจำนวน 337 ตัน หรือ 337,000 กิโลกรัม

การซื้อขายทองคำในประเทศอินเดีย (Photo : AFP)

ทั้งนี้ มีรายงานจากบรรดานักวิเคราะห์ ระบุด้วยว่า จากการที่ทั้งสองประเทศข้างต้น คือ จีนและอินเดีย ระดมขนเงินมาซื้อทองคำจำนวนมหาศาลเช่นนี้ ก็ส่งผลให้เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกทะยานพุ่งสูงขึ้นในช่วงรอบปีที่ผ่านมาด้วย

โดยรายงานสถานการณ์ซื้อขายในช่วงปี 2023 (พ.ศ. 2566) ที่เพิ่งผ่านพ้นมานั้น ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นไปถึง 2,063 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2022 (พ.ศ. 2565) แบบเปรียบเทียบกัน “ปีต่อปี” หรือ “เยียร์-ออน-เยียร์ (Year-on-year) คิดเป็นอัตราเฉลี่ยก็กว่าร้อยละ 13

นอกจากสองประเทศพี่เบิ้มทางเศรษฐกิจข้างต้นแล้ว ตามรายงานของ “สภาทองคำโลก” ก็ระบุว่า “ตุรเคีย” หรือชื่อเดิมว่า “ตุรกี” ก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ในรอบปีที่ผ่านมา ทางธนาคารกลาง หรือแบงก์ชาติ ของตุรเคีย จัดซื้อทองคำเข้ามาตุนไว้เป็นจำนวนมาก เอาเฉพาะในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก็ซื้อเพิ่มมาอีก 19 ตัน หรือ 19,000 กิโลกรัม ส่งผลให้ตุรเคีย มีทองคำสำรองในคลังหลวงมากถึง 498 ตัน หรือ 498,000 กิโลกรัม

เช่นเดียวกับ “โปแลนด์” ประเทศที่กำลังมีภาระกับคลื่นผู้อพยพชาวยูเครนที่หนีภัยสงครามการสู้รบกับรัสเซียมา แต่ปรากฏว่า สถานการณ์การเงินของประเทศแห่งนี้ ก็ยังดีอย่างน่าทึ่ง เพราะนอกจากจะจัดสรรงบประมาณด้านกลาโหมเพิ่มขึ้นแล้ว ทาง “ธนาคารแห่งชาติโปแลนด์ หรือเอ็นบีโอพี (National Bank of Poland)” ก็จัดซื้อทองคำในปีที่แล้วถึงกว่า 100 ตัน หรือกว่า 100,000 กิโลกรัม ส่งผลให้โปแลนด์มีทองคำถือครองในคลังหลวงรวมแล้ว 340 ตัน หรือ 340,000 กิโลกรัม

ทาง “ดับเบิลยูจีซี” ยังประมาณการด้วยว่า ความต้องการซื้อทองคำในปี 2024 (พ.ศ. 2567) ก็ยังเพิ่มสูงขึ้นอีกเช่นเคย จนส่งผลต่อราคาในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการด้วยเช่นกัน