"ทรูมันนี่" เปิดตัว ‘TrueMoney Gift Card’ เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร ของขวัญแทนเงินสด เพื่อความสุขที่มากกว่า

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ส่งบริการสำหรับธุรกิจ "TrueMoney Gift Card" ซึ่งเป็นการ์ดของขวัญออนไลน์แทนเงินสดไว้ใช้แลกเข้าแอปทรูมันนี่ โดยเป็นบริการที่เจาะกลุ่มองค์กรเพื่อใช้มอบให้ลูกค้าเป็นของขวัญหรือแจกพนักงานเป็นของรางวัล เพื่อความสุขที่มากกว่า คนรับดีใจ คนให้สะดวกดี ชูจุดเด่น โอนและใช้จ่ายได้หลากหลายช่องทาง จัดการง่าย ไม่ต้องกลัวสูญหาย โดยองค์กรที่สนใจสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ช่วยอำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้ให้และผู้รับ

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ กล่าวว่า “ปัจจุบัน ภาพรวมของตลาดบัตรของขวัญออนไลน์ (Online Gift Card) ในประเทศไทย กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 24.8% ตั้งแต่ปี 2563 - 2567 โดยประมาณการว่าตลาดบัตรของขวัญออนไลน์มีมูลค่าสูงถึง 3 หมื่น 9 พันล้านบาทในปี พ.ศ. 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของบัตรของขวัญในฐานะตัวเลือกสำหรับการมอบของขวัญที่สะดวก ซึ่งมักเป็นที่นิยมในองค์กรต่าง ๆ เพื่อมอบให้ลูกค้าในเทศกาลสำคัญ วันพิเศษ หรือเป็นของรางวัลจากการจัดแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ตลอดทั้งมอบให้เป็นสวัสดิการหรือเพื่อส่งมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่พนักงาน ทรูมันนี่ จึงเล็งเห็นโอกาสตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ และต่อยอดขยายบริการที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของลูกค้าแต่ละองค์กร โดย “TrueMoney Gift Card” ได้ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวก มอบสิทธิพิเศษ และประโยชน์ให้ลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพราะสามารถซื้อและมอบให้ผู้รับผ่านทางออนไลน์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการบริหารองค์กร ขับเคลื่อนแรงจูงใจ พร้อมทั้งเติมเต็มความประทับใจให้กับลูกค้าหรือพนักงานขององค์กร”

สำหรับการเปิดตัว TrueMoney Gift Card ในครั้งนี้ ทรูมันนี่ ได้ร่วมกับ โวกิ (Wogi) ผู้ให้บริการด้านบัตรของขวัญดิจิทัลชั้นนำ เพื่อส่งเสริมประสบการณ์ในการใช้บริการ TrueMoney Gift Card ได้อย่างราบรื่นผ่านโซลูชันที่ล้ำสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน พร้อมกับ 3 จุดเด่น ได้แก่

-โอนและใช้จ่ายได้หลากหลายกว่า TrueMoney Gift Card สามารถอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนได้อย่างครอบคลุมผ่านแอป ทรูมันนี่ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของใช้จำเป็นในร้านสะดวกซื้อ จ่ายค่าอาหารตามสั่ง ช็อปออนไลน์ จ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ  

-จัดการง่าย ไม่เสี่ยงสูญหาย ด้วยจุดเด่นที่เป็น E-Voucher ทำให้การใช้งานนั้นสะดวกสบาย ไร้กังวล ลดต้นทุนและความยุ่งยากในการเก็บรักษาและการจัดส่ง ปลอดภัย หมดปัญหาเรื่องการสูญหาย หรือถูกทำลาย เพิ่มความมั่นใจ สะดวกทั้งผู้ให้และผู้รับ

-ตอบโจทย์แคมเปญการตลาดให้ทุกองค์กร เพราะ TrueMoney Gift Card สามารถนำไปใช้งานได้อย่างง่ายดาย จึงเหมาะสำหรับการใช้ในแคมเปญการตลาด ทั้งการเพิ่มยอดขายหรือการสร้าง Brand Loyalty ให้กับลูกค้า

องค์กรที่สนใจสั่งซื้อ TrueMoney Gift Card สามารถติดต่อฝ่ายขายของทรูมันนี่ที่ https://www.truemoney.com/business-partner/giftcard/ โดยเลือกรูปแบบ Gift Card ที่ต้องการได้ เช่น แบบโค้ด หรือ ลิงก์ พร้อมทั้งมีเครื่องมือจัดการ Gift Card และอำนวยความสะดวกในการจัดส่ง Gift Card ให้ลูกค้าบนช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ตรงกับความต้องการขององค์กรในการนำ Gift Card ไปแจกให้กับลูกค้าหรือพนักงานต่อไป

ทรูมันนี่ร่วมกับ บลน.แอสเซนด์ เวลธ์ เพิ่มโอกาสลงทุนในกองทุนพันธบัตรรัฐบาล ผ่านแอปทรูมันนี่ มั่นใจปลอดภัย ได้ผลตอบแทนคาดหวังสูงกว่าเงินฝากประจำ

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับ บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนภายใต้บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด สร้างโอกาสการเข้าถึงการลงทุนท่ามกลางตลาดผันผวนผ่าน “กองทุนพันธบัตรรัฐบาล (Term Fund)” ที่มีผลตอบแทนประมาณการที่แน่นอนสูงกว่าเงินฝากประจำ และสามารถลงทุนได้ทั้งระยะสั้น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี พร้อมอัปเดตกองทุนใหม่ๆทุกสัปดาห์ผ่านแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ ด้วยขั้นตอนการลงทุน ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย สามารถส่งคำสั่งซื้อ-ขายได้ทุกที่ ตลอด 24 ชั่วโมง

ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง หลายคนอาจกำลังมองหาช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนประมาณการที่แน่นอนและมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่ง “กองทุนพันธบัตรรัฐบาล (Term Fund)” ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจและได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและปลอดภัย เพราะเป็นกองทุนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุด พร้อมประมาณการผลตอบแทนคาดหวังสูงกว่าเงินฝากประจำ รวมถึงวิธีการและรูปแบบการลงทุนนั้น ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย คล้ายกับการฝากเงินประจำที่ต้องลงทุนตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งกองทุนประเภทนี้จะมอบผลตอบแทนที่แน่นอน แตกต่างจากการลงทุนในหุ้นที่มูลค่าอาจผันผวนตามภาวะตลาด

นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันทรูมันนี่ กล่าวว่า “ทรูมันนี่ ยังคงมุ่งมั่นในการส่งเสริมการเข้าถึงบริการและผลิตภัณฑ์ด้านการเงินที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้ ไม่เพียงแค่บริการชำระเงิน ออมเงิน แต่ครอบคลุมไปถึงบริการด้านการลงทุน  ซึ่งการเปิดช่องทางให้ซื้อกองทุนพันธบัตรรัฐบาล (Term Fund) ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างทรูมันนี่ จะช่วยมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้า และทำให้การลงทุนนั้นเป็นไปได้ ได้ทุกคน โดยทรูมันนี่ ได้มีการร่วมมือกับ บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด ในการร่วมคัดสรรกองทุนพันธบัตรรัฐบาลจาก บลจ.ชั้นนำมารวมไว้บน ทรูมันนี่อาทิ บลจ.ไทยพาณิชย์ บลจ.ยูโอบี ฯลฯ เพื่อตอบโจทย์และสร้างทางเลือกในการลงทุนให้ผู้ใช้ โดยเรามุ่งหวังว่า บริการนี้จะเป็นอีกทางเลือกให้ผู้ใช้สร้างความมั่นคงทางการเงิน ตอกย้ำพันธกิจของเราในการช่วยให้คนไทยเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมให้ชีวิตดีขึ้นทั้งในด้านการใช้จ่าย ออม และลงทุน”

กองทุนพันธบัตรรัฐบาล (Term Fund) บน ทรูมันนี่ แบ่งเป็นการลงทุนระยะสั้น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งประมาณการผลตอบแทนคาดหวังสูงสุด 2.10% ต่อปี ขึ้นอยู่กับแต่ละกองทุน และค่าธรรมเนียมการซื้อ-ขายจะเทียบเท่ากับการซื้อตรงกับ บลจ. โดยกองทุนประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และคาดหวังผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำ หรือผู้ที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินในช่วงอายุของกองทุน ที่สามารถลงทุนได้ จนครบกำหนดอายุโครงการ โดยสามารถเปิดบัญชีลงทุนได้ง่ายๆผ่านทรูมันนี่ ไม่ต้องใช้เอกสารอื่นๆให้ยุ่งยาก และเริ่มต้นลงทุนเพียง 1,000 บาท โดยสามารถซื้อกองทุนได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และมีการอัปเดตกองทุนใหม่ๆทุกสัปดาห์ สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถอ่านเงื่อนไขและรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.truemoney.com/invest-termfund/

ทรูมันนี่แท็กแกร็บเสริมแกร่งธุรกิจ-ขยายฐานลูกค้า เชื่อมต่อระบบชำระเงิน-มอบสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า คว้า "เจมีไนน์-โฟร์ท" นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์

ทรูมันนี่ แท็กทีม แกร็บ เสริมแกร่งธุรกิจ-ขยายฐานลูกค้า เชื่อมต่อระบบชำระเงิน และมอบสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าพร้อมคว้า "เจมีไนน์-โฟร์ท" นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ เจาะกลุ่มนิวเจน

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด และ นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย จับมือประกาศพันธมิตรระหว่างแอปพลิเคชัน TrueMoney และ Grab เสริมแกร่งธุรกิจ เล็งขยายฐานลูกค้า พร้อมเปิดตัวแคมเปญใหญ่ “แท็กทีมคุ้ม” คว้าสองหนุ่มสุดฮอต “เจมีไนน์-โฟร์ท” นั่งแท่นพรีเซนเตอร์ หวังเจาะกลุ่มนิวเจน ทรูมันนี่ (TrueMoney) ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ แกร็บ (Grab) ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศผนึกความร่วมมือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นผสานระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้รอยต่อ มอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการ เล็งขยายฐานลูกค้าระหว่างกัน พร้อมเปิดตัวแคมเปญพิเศษ “แท็กทีมคุ้ม” โดยคว้าคู่จิ้นสุดฮอต “เจมีไนน์-โฟร์ท” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์หวังเจาะกลุ่มนิวเจน มอบส่วนลดค่าบริการ Grab สูงสุดถึง 50% เมื่อชำระผ่าน TrueMoney 

   

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เผยว่า  “การผนึกความร่วมมือกับ แกร็บ ประเทศไทย ในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ ทรูมันนี่ ในการส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้บริการ และตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่มีความต้องการใช้จ่ายออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ของเราที่มุ่งสร้างประสบการณ์ทางการเงินที่ ‘เป็นไปได้ ได้ทุกคน’ ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง TrueMoney และ Grab ครอบคลุม 3 ประเด็นหลัก คือ การเชื่อมต่อระบบชำระเงินระหว่างกัน โดยผู้ใช้บริการ Grab สามารถชำระค่าบริการได้ผ่าน TrueMoney ได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดร่วมกันเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลสำหรับลูกค้าของทั้ง TrueMoney และ Grab  และยกระดับประสบการณ์การใช้บริการ ตลอดจนการต่อยอดความร่วมมือเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันต่อไป”

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “การประกาศความร่วมมือกับ TrueMoney ในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ แกร็บ ประเทศไทย ในการพัฒนาและยกระดับแพลตฟอร์มของเราเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้บริการ Grab ให้สามารถชำระเงินได้ผ่าน TrueMoney ถือเป็นการสร้างประสบการณ์การชำระเงินแบบไร้รอยต่อที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย ด้วยระบบป้องกันการดูดเงินถึง 3 ชั้นของ TrueMoney นอกจากนี้ ด้วยฐานผู้ใช้บริการของ TrueMoney ที่เข้าถึงกลุ่มคนทุกระดับ โดยมียอดผู้ใช้บริการทั่วประเทศถึงกว่า 30 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่ ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในเชิงธุรกิจ รวมถึงการขยายฐานกลุ่มผู้ใช้บริการระหว่างกันด้วย โดยนอกจากการเปิดตัวแคมเปญพิเศษร่วมกันในช่วงกลางปีแล้ว เรายังเตรียมกิจกรรมทางการตลาดที่มีสีสันและน่าตื่นเต้นอีกมากมาย เพื่อนำเสนอความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ  ให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการของทั้งสองแบรนด์ในอนาคตด้วย”

  

ทั้งนี้เพื่อประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการ TrueMoney และ Grab ยังได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษที่ชื่อ “แท็กทีมคุ้ม” นั่งฟิน กินคุ้ม จิ้ม จ่าย จบ ด้วยทรูมันนี่ พร้อมคว้าสองหนุ่มคู่จิ้นสายวายสุดฮอต “เจมีไนน์-โฟร์ท” ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อนำเสนอความคุ้มแบบดับเบิ้ลจากทั้งสองแบรนด์
•พิเศษ! สำหรับผู้ใช้บริการใหม่ เพียงใส่โค้ด NEWTMN เมื่อใช้บริการ Grab และเลือกชำระเงินผ่าน TrueMoney รับทันทีส่วนลด 50% สำหรับการสั่งอาหารผ่าน GrabFood หรือใช้บริการเรียกรถผ่าน Grab
•ขณะที่ผู้ใช้บริการเดิมยังสามารถรับส่วนลด 30% เมื่อสั่งอาหารหรือใช้บริการเรียกรถผ่าน Grab และเลือกชำระเงินผ่าน TrueMoney เพียงใส่โค้ด GRABTMN ตั้งแต่วันนี้จนถึง 17 กันยายน 2567
•นอกจากนี้ เตรียมพบกับกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์ที่ TrueMoney และ Grab จะพาผู้โชคดีไปกระทบไหล่กับ “เจมีไนน์-โฟร์ท” กันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพียงใช้บริการ Grab ไม่ว่าจะสั่งอาหารหรือเรียกรถ และเลือกจ่ายด้วย TrueMoney ก็รับสิทธิ์ลุ้นเป็นหนึ่งในผู้โชคดีเข้าร่วมกิจกรรมแบบใกล้ชิด 

ติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับแคมเปญ “แท็กทีมคุ้ม” และเงื่อนไขการใช้บริการได้ทีเว็บไซต์ https://www.truemoney.com/grab

#ทรูมันนี่ #แกร็บ #ข่าววันนี้ #เจมีไนน์ #โฟร์ท #เจมีไนน์โฟร์ท

 

สแกนจ่ายที่ฮ่องกงด้วยทรูมันนี่ ผ่าน Alipay+ ได้แล้ววันนี้ ไม่ต้องแลกเงินก่อนก็สแกนจ่ายในต่างประเทศได้ สะดวก ง่าย แถมได้รีวอร์ด

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถสแกนจ่ายด้วยแอปทรูมันนี่ที่ฮ่องกงได้แล้ว ผ่านอาลีเพย์พลัส (Alipay+) แพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยดิจิทัลโซลูชันที่พัฒนาโดย แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถสแกนจ่ายที่ร้านค้ากว่า 90% ทั่วฮ่องกง ที่มีสัญลักษณ์ Alipay+ หรือ AlipayHK ซึ่งครอบคลุมทั้งร้านอาหาร ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ หมดกังวลเรื่องการหาที่แลกเงิน เพียงแค่เปิดแอปทรูมันนี่เลือกประเทศและสแกนจ่ายได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องแลกเงินค้างไว้ในบัญชี เพราะระบบจะแปลงเงินบาทในบัญชีตามสกุลและอัตราแลกเปลี่ยนคงที่รายวันตามประเทศที่เลือกให้ใช้จ่ายได้ทันที ไม่มีค่าธรรมเนียมใด ๆ เพิ่มเติม และคุ้มยิ่งกว่าด้วยสิทธิพิเศษจาก อาลีเพย์พลัส รีวอร์ด (Alipay+ Rewards)

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ฮ่องกงถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยม ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเลือกเดินทางท่องเที่ยว ด้วยกิจกรรมที่มีให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพที่งดงามและสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการช้อปปิ้ง การรับประทานอาหาร และการไหว้พระขอพร โดยปีนี้คาดว่าฮ่องกงจะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปไม่น้อยกว่า 5 แสนคน ซึ่งจะมากเป็นอันดับ 2 ของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  การเปิดบริการให้คนไทยสามารถใช้จ่ายด้วยแอปพลิเคชันทรูมันนี่ที่ฮ่องกงผ่าน  Alipay+ ถือเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่สะดวก ปลอดภัย และคล่องตัวผ่านการสแกนจ่าย แถมยังได้สิทธิพิเศษ”

โดยความร่วมมือระหว่าง ทรูมันนี่ และ อาลีเพย์พลัส ในครั้งนี้ ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าถึงผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในฮ่องกงบนเครือข่ายของ AlipayHK ได้อย่างสะดวกสบาย ผ่านร้านค้าที่สามารถรับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ ได้ทันที โดยที่ร้านค้าเดิมไม่ต้องลงทุนติดตั้งระบบใหม่เพิ่มเติม นับเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ให้กับบรรดาร้านค้ารายย่อยอีกด้วย

ในปัจจุบัน ทรูมันนี่ ได้ขยายบริการใช้จ่ายในต่างประเทศครอบคลุมมากกว่า 40 กว่าประเทศทั่วโลก อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม เยอรมนี และฝรั่งเศส ฯลฯ เพื่อมอบความสะดวกสบาย และปลอดภัยในการใช้จ่ายให้นักเดินทางในต่างแดนได้โดยไม่ต้องแลกเงิน  เพียงดาวน์โหลด สมัครและเติมเงินได้ง่าย ๆ และเมื่อจะจ่ายก็เพียงเปิดคิวอาร์โค้ดบนแอป ทรูมันนี่ กดเลือกประเทศ  และสแกนจ่ายได้ทุกร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Alipay+ (อาลีเพย์พลัส)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริการใช้จ่ายในต่างประเทศผ่าน ทรูมันนี่ และ Alipay+ รวมถึงโปรโมชันต่าง ๆ ได้ที่ https://www.truemoney.com/global-network-offline-payment/

"ทรูมันนี่" เจาะ 4 เทรนด์ธุรกิจแอปการเงินครบวงจร พร้อมสร้างอีโคซิสเต็มส์เพื่อการเงินยุคใหม่ในโลกดิจิทัล

เมื่อโลกก้าวสู่ยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) สมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชันต่างๆเข้ามามีบทบาทสำคัญและแทรกซึมไปกับทุกจังหวะชีวิตของคนยุคใหม่ ด้วยฟังก์ชันหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ตั้งแต่ความบันเทิงไปจนถึงเรื่องการเงิน แต่เมื่อพูดถึงแอปพลิเคชันการเงินในปัจจุบัน ก็ไม่ได้มีเพียง อีวอลเล็ต (E-Wallet) หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่เป็นบริการเด่นเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ผู้ให้บริการต่างก็เดินหน้าพัฒนาอีโคซิสเต็มส์ของบริการด้านการเงินของตัวเองให้ครบวงจร ไม่เพียงเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับความสะดวกของยุคดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) ให้ครอบคลุมผู้คนทุกกลุ่มมากขึ้น ด้วยการทำให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่าย ลดความยากในการเข้าถึง พร้อมผลักดันให้ทุกคนสามารถมีคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีที่สุดในแบบของตัวเอง

ทรูมันนี่ ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เริ่มสร้างบริการ
ใช้จ่าย (Payment) เพื่อตอบโจทย์การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของผู้คนเป็นเรื่องง่าย อย่างไรก็ดี การสร้างแอปการเงินครบวงจร (Financial Super App) จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึง 4 ปัจจัยสำคัญ ที่สามารถส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินให้แก่บุคคลทุกกลุ่มได้อย่างยั่งยืน ประกอบไปด้วย

1. เสริมสร้างทักษะความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ควบคู่กับไปกับทักษะความเข้าใจและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy)

จากงานวิจัยของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ในปีพ.ศ. 2565 พบว่า เทรนด์ทางด้านทักษะความเข้าใจและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literary) ของบุคคลทั่วไป โดยมากจะมีแนวโน้มสอดคล้องไปกับทักษะความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลซึ่งเก็บรวบรวมจากผู้คนอายุระหว่าง 16 – 35 ปี จำนวน 90,000 คน จาก 6 ประเทศในอาเซียน พบ กว่า 24% ของมิลเลนเนียล (อายุตั้งแต่ 16 - 35 ปี) ไม่เคยเรียนรู้เรื่องการจัดการทางการเงิน หรือ การลงทุนมาก่อน เนื่องจากมองว่า การเงินเป็นเรื่องยาก อีกทั้งยังมีกำแพงด้านภาษาและขั้นตอนการใช้งานที่ซับซ้อน

ผู้ให้บริการจึงควรทำให้การใช้งานแอปการเงินเป็นเรื่องง่ายและตอบโจทย์ของผู้ใช้งาน ด้วยการลดอุปสรรคในการเข้าถึง (Barrier of Entry) อีกทั้งควรออกแบบแอปที่สามารถเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ให้แก่ผู้ใช้งาน ให้พวกเขาสามารถเริ่มสร้างความมั่นคงทางการเงินของตนเองได้ไม่ยาก พร้อมด้วยฟีเจอร์ที่สนุกและมีประโยชน์หลากหลาย เช่น ฝากเงินแล้วเห็นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นรายวัน หรือ มอบสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ จากการใช้บริการให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล 
ความสะดวกทั้งหมดนี้จะเป็นแรงดึงดูดหลักที่ทำให้บุคคลที่ไม่เคยใช้บริการแอป หรือ บุคคลที่ยังนิยมใช้จ่ายด้วยเงินสด สนใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอีโคซิสเต็มส์ที่ครบวงจร ซึ่งช่วยยกระดับชีวิตทางการเงินและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในทุกมิติ

2.จาก Micro Lending สู่ Micro Investing
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริการสินเชื่อได้รับการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินผ่านการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ผ่านแอปการเงินครบวงจร เช่น สินเชื่อดิจิทัล (Digital Lending) บริการใช้ก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later) เป็นต้น ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตของบริการทางการเงิน เพื่อให้ตอบโจทย์ธุรกิจรายย่อย บุคคลที่ไม่ได้ทำงานประจำ รวมถึงบุคคลที่ไม่มีบัญชีธนาคาร (Unbanked) ให้สามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อได้ผ่านแอปการเงินครบวงจร หรือสามารถดำเนินการขอสินเชื่อได้ ณ จุดขายโดยไม่จำเป็นต้องมีสลิปเงินเดือน

นอกจากนี้ บริการด้านการลงทุนก็เป็นอีกหนึ่งบริการสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางการเงิน ผ่านการทำให้ทรัพย์สินที่มีอยู่งอกเงย โดยทรูมันนี่มองว่า อุปสรรคสำคัญในการลงทุนคือ การกำหนดยอดเงินขั้นต่ำในการลงทุนที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ทรูมันนี่จึงลดข้อจำกัดตรงนี้ลงสำหรับบริการด้านการลงทุน โดยให้สามารถลงทุนในกองทุนรวมได้แบบไม่มีขั้นต่ำ ซึ่งช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่ยังมีเงินออมไม่เยอะ สามารถลงทุนได้สะดวกตามรายได้ที่มี อีกทั้งยังได้รับผลตอบแทนที่งอกเงย พร้อมติดตามผลตอบแทนได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปทรูมันนี่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างครบวงจร ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นแอปการเงินครบวงจร เพิ่มบริการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นในเร็วๆ นี้ อย่าง หุ้นกู้ หุ้นต่างประเทศ และการลงทุนในทอง เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นก้าวสำคัญที่ผู้ให้บริการพยายามเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินให้ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับคนทุกกลุ่มในหลากหลายไลฟ์สไตล์ ที่นอกจากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วยังตอบโจทย์เรื่องการออมและการลงทุนที่เข้าถึงผู้คนทุกกลุ่มอีกด้วย

3.ขยายบริการข้ามพรมแดน (Cross-Border) ไปสู่กลุ่มแรงงานต่างชาติ
สถิติในไตรมาสที่ 1/2566 ของกระทรวงแรงงาน พบว่ามีแรงงานต่างชาติในไทยรวมกว่า 2,743,673 คน ถือเป็น 6.92% ของจำนวนแรงงานทั้งหมดในไทย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย ซึ่งหากจะช่วยส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินให้ครอบคลุมผู้คนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง จึงควรส่งเสริมการเข้าถึงสำหรับกลุ่มแรงงานต่างชาติในประเทศไทยอย่างแรงงานจากพม่าและกัมพูชา ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีบัญชีธนาคาร (Unbanked) รวมถึงกลุ่มที่ยังพบอุปสรรคในการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Underbanked) เสมอมา

โดยพวกเขายังมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง อย่าง การส่งเงินให้ครอบครัวในภูมิลำเนา (International Transfer) การจ่ายบิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในต่างประเทศ (Cross Border Bill Payment) หรือ การเติมเงินโทรศัพท์ (Cross Border Mobile Top-up) ไปยังเครือข่ายโทรศัพท์มือถือผู้ให้บริการในต่างประเทศ การที่ทรูมันนี่เปิดให้ชาวต่างชาติที่มาทำงานในไทยสามารถเปิดบัญชีได้ และตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานเหล่านี้ จึงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่พวกเขาและสร้างการเข้าถึงบริการทางเงิน รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

4.ยกระดับเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อเสริมเกราะความปลอดภัย 
ในปัจจุบันมิจฉาชีพออนไลน์กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความกังวลในการใช้จ่ายบริการการเงินดิจิทัล เพราะหวาดระแวงว่าตนอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ตลอดเวลา โดยที่ผ่านมา สถาบันทางการเงินและผู้ให้บริการด้านการเงินต่างมีการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมการปกป้องให้แก่ผู้ใช้บริการ เช่น การออกมาตรการสแกนหน้าก่อนโอนเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมิจฉาชีพมีการพัฒนากลโกงและเครื่องมือต่าง ๆ ให้ฉลาดขึ้นตลอดเวลา สถาบันการเงินและผู้ให้บริการแอปการเงินครบวงจรจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีที่ช่วยปกป้องผู้ใช้บริการได้อย่างรัดกุมยิ่งขึ้น โดยไม่คาดหวังให้ผู้ใช้งานเป็นฝ่ายป้องกันตนเองอยู่ฝ่ายเดียวในยุคดิจิทัล แอปการเงินครบวงจรอย่าง ทรูมันนี่ มีการพัฒนาระบบต่าง ๆ เพื่อมาช่วยเสริมเกราะการป้องกันโดยสามารถประยุกต์ใช้ความชาญฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ (AI - Artificial Intelligence) มาทำงานร่วมกับเทคโนโลยีวิศวกรรมข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Engineering) ในการรวบรวม จำแนก และจดจำ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้บริการ และสามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ข้อมูลชีวมิติ และ สถานที่ในการใช้งาน เพื่อตรวจจับการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ปลอดภัย รวมถึงหยุดการทำธุรกรรมที่มีความผิดปกติได้ในทันที โดยอิงจากประวัติการทำรายการย้อนหลังที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผู้ให้บริการทางการเงินยังสามารถร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ในการจัดทำระบบฐานข้อมูลกลาง เพื่ออำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่กระทำความผิดด้านการเงิน ทำให้การตรวจสอบประวัติอาชญากรรมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี ในการเดินหน้าเสริมสร้างอีโคซิสเต็มส์ของบริการด้านการเงินให้ครอบคลุมผู้คนทุกกลุ่ม ยังคงต้องคำนึงถึงอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ การทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้บริการ เพื่อพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่เหมาะสม ให้สามารถตอบโจทย์และทลายข้อจำกัดทางด้านการเงินสำหรับผู้บริโภค ที่นอกจากการเข้าถึงแล้วจะยังช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ด้านการเงินที่ดีให้แก่ผู้คน ซึ่ง ทรูมันนี่ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการรวมไปถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเพื่อให้ผู้ใช้บริการของเรามั่นใจในทุกธุรกรรมทางการเงินบนทรูมันนี่ได้
 

ทรูมันนี่ผนึกแอนท์ กรุ๊ป เปิดบริการให้คนไทยใช้จ่ายที่ประเทศจีน ผ่านโซลูชันและหลากหลายร้านค้าของ Alipay+

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดบริการให้คนไทยสามารถใช้จ่ายด้วยแอปทรูมันนี่ที่ประเทศจีน ผ่านอาลีเพย์พลัส (Alipay+) แพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลและการตลาดข้ามพรมแดนระดับโลกของแอนท์ กรุ๊ป โดยทรูมันนี่จะช่วยให้นักท่องเที่ยวไทยสามารถนำไปสแกนจ่ายที่จีนได้ที่ร้านค้าทั่วประเทศจีน ซึ่งมีมากกว่าหลายสิบล้านจุด แถมได้เรทดี สะดวก ปลอดภัย จากการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด และได้รับสิทธิพิเศษหลากหลายจาก อาลีเพย์พลัส รีวอร์ด (Alipay+ Rewards) ซึ่งเป็นศูนย์รวมสิทธิประโยชน์จากทั่วโลก ในแอปทรูมันนี่         

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือของ ทรูมันนี่ กับ แอนท์ กรุ๊ป ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญของเรา ในการยกระดับบริการใช้จ่ายในต่างประเทศให้สะดวกสบายและเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้นสำหรับคนไทย ไม่ต่างกับการใช้จ่ายในประเทศ ทั้งนี้ ประเทศจีน ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักเดินทางไทย ทั้งกลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มนักท่องเที่ยว โดย ทรูมันนี่ จะช่วยให้นักเดินทางนำไปสแกนจ่ายที่จีนได้อย่างคล่องตัวตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะในช่วงต้อนรับการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ซึ่งกำลังจะจัดขึ้นที่หางโจวที่จะมีคนไทยเดินทางไปจำนวนมาก ด้วยความร่วมมือของเรากับ แอนท์ กรุ๊ป ผู้ใช้สามารถสแกนจ่ายด้วยทรูมันนี่ผ่านโซลูชันและร้านค้าในเครือข่ายของ Alipay+ ในจีนซึ่งครอบคลุมมากกว่าหลายสิบล้านล้านจุดทั่วประเทศ โดยเราเชื่อมั่นว่าบริการล่าสุดนี้จะตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวไทย และทำให้การเดินทางไปจีนของพวกเขายิ่งน่าประทับใจอย่างแน่นอน”

ทั้งนี้นอกเหนือจากทรูมันนี่ เมื่อเร็วๆนี้ แอนท์ กรุ๊ป ได้ร่วมมือกับอีวอลเล็ตและแอปชำระเงินชั้นนำอีก 6 ประเทศในเอเชีย ภายใต้ โครงการ “Alipay+-in-China (A+China program)” เพื่อยกระดับบริการด้านการชำระเงินผ่านแอปในจีนให้มีความเป็นสากลขึ้น โดยการขยายบริการในครั้งนี้ ทำให้มีอีวอลเล็ตและแอปชำระเงินรวมจาก 10 ประเทศทั่วโลกที่สามารถใช้จ่ายที่จีนได้

นายดักลาส ฟีกิน รองประธานอาวุโส แอนท์ กรุ๊ป และหัวหน้างานบริการโมบายเพย์เม้นท์ระหว่างประเทศ อาลีเพย์พลัส กล่าวว่า “อีโคซิสเต็มของอาลีเพย์พลัสได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการร่วมมือกับพันธมิตรด้านการชำระเงินรายใหม่ๆ และการขยายจุดรับชำระเงินที่ร้านค้าทั่วโลก โดยเราได้ร่วมมือกับทรูมันนี่มาอย่างยาวนานและในหลากหลายด้าน ด้วยเครือข่ายของ Alipay+ ผู้ใช้ทรูมันนี่สามารถใช้จ่ายที่ร้านค้าออนไลน์ทั่วโลก รวมถึงร้านค้าปลีกในประเทศซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทย อาทิ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไปจนถึงสหราชอาณาจักร อิตาลี และฝรั่งเศส และการขยายบริการใช้จ่ายผ่านแอปสู่ประเทศจีนในครั้งนี้ ก็ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการทำงานร่วมกันของทั้งสองบริษัท ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า จะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องในอนาคต”

โดยที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวไทยที่ไปจีน มักประสบปัญหา ไม่สามารถใช้จ่ายแบบไร้เงินสดได้ เนื่องจากมีบัตรเครดิตและเดบิตไม่มากที่เอาไปใช้ได้ และไม่ใช่ทุกร้านที่จะรับ ทำให้ต้องพึ่งพาการใช้เงินสดและการแลกธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ แต่วันนี้นักท่องเที่ยวไทยสามารถเอาแอปที่ใช้อยู่ทุกวันที่ไทยอย่าง ทรูมันนี่ ไปสแกนจ่ายที่จีนได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย แถมได้เรทดี ดูได้แบบเรียลไทม์ เพียงเข้าไปที่หน้าแอปทรูมันนี่ ตรง QR ชำระเงิน เลือกแท็บ Alipay+ และประเทศที่ต้องการ ยอดเงินคงเหลือในบัญชีทรูมันนี่ ก็จะถูกแปลงเป็นเงินหยวนและเงินสกุลอื่นๆ ตามประเทศที่เลือกให้เห็น และเอาไปสแกนจ่ายได้ทันทีที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Alipay ทั่วจีน

“นับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทรูมันนี่ ได้ขยายบริการใช้จ่ายในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมประเทศยอดนิยมในเอเชียของคนไทย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ฯลฯ โดยการขยายบริการให้ครอบคลุมการใช้จ่ายในประเทศจีนในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของทรูมันนี่ ในการตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยให้ใช้จ่ายได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเรามีแผนที่จะขยายความร่วมมือกับ แอนท์ กรุ๊ป ผ่านโซลูชันและเครือข่าย Alipay+ ในระดับโลกต่อไป เพื่อให้ทรูมันนี่ สามารถเป็น แอปเดียว เที่ยวได้รอบโลก สำหรับนักเดินทาง” นายกรวุฒิ ปวิตรปก อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวเสริม

โดยในช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 จีนถือเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่มีคนไทยไปพักอาศัยอยู่สูงสุด และนิยมไปเที่ยวมากที่สุด โดยหลังจากที่จีนได้ยกเลิกข้อจำกัดด้านการเดินทาง และเปิดให้นักท่องเที่ยวไทยสามารถขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นมา คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวไทย ทั้งกลุ่มที่เดินทางเพื่อการพักผ่อนและการทำธุรกิจ จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างช่วงการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 19 ที่หางโจว ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเทศกาลปลายปีและต้นปีของจีน

นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆนี้ ทรูมันนี่ ยังร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้แก่ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งจะเดินทางไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ และพาราลิมปิกเกมส์ ที่หางโจว โดยได้สนับสนุนผ่านการมอบเงินในบัญชีทรูมันนี่ให้นักกีฬาสามารถใช้จ่ายได้สะดวกทั่วจีนด้วยทรูมันนี่

ในส่วนของ แอนท์ กรุ๊ป บริษัทฯ ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ (Official Prestige Partner) และอาลีเพย์พลัส ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนด้านการชำระเงินอย่างเป็นทางการ (Official Payment Partner) ของการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 19 ที่หางโจว โดย แอนท์ กรุ๊ป ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ร้านค้าและแคมเปญการตลาดทั่วประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับทัพนักกีฬา แฟนกีฬา และนักท่องเที่ยวทั่วไป

 

"ทรูมันนี่" ยกระดับการปกป้องบัญชีลูกค้า เปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศยกระดับการปกป้องบัญชีลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปิดตัวระบบป้องกันการ ดูดเงิน  3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ตรวจ-จับ-หยุด ธุรกรรมแปลกปลอม เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้ได้มากกว่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีอัจฉริยะภายใต้ความปลอดภัย TrueMoney Secure

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการมอบบริการทางการเงินที่ใช้งานง่ายและช่วยเพิ่มคุณค่าในทุกการใช้งานให้กับผู้ใช้ ทรูมันนี่ ยังให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยีที่มอบความปลอดภัย ให้ความมั่นใจกับผู้ใช้ใน ทุกการใช้งาน ระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ที่พัฒนาโดยบริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ร่วมกับผู้ให้บริการระบบความปลอดภัยชั้นนำของโลก อาทิ ‘ชิลด์’ (SHIELD) ซึ่งเป็นบริษัทดูแลความปลอดภัยทาง ไซเบอร์ระดับโลก และ ‘โซลอส’ (ZOLOZ) ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ระดับโลก”

ทั้งนี้ระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ได้นำความชาญฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ (AI - Artificial Intelligence) มาทำงานร่วมกับเทคโนโลยีวิศวกรรมข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Engineering) เพื่อรวบรวม จำแนก และจดจำ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ พร้อมตรวจจับและสั่งการหากมีอะไรผิดปกติ และให้การปกป้องบัญชีผู้ใช้ถึง 3 ชั้นได้แก่

ชั้นที่ 1 -  ตรวจ : ว่าเป็นคุณตัวจริงที่เข้าใช้งานบัญชี

ตรวจ เพื่อยืนยันเข้าใช้งานบัญชีด้วยระบบยืนยันตัวตนหลากหลายรูปแบบ (secure log in) เช่น การเรียกสแกน หน้าเพื่อตรวจสอบข้อมูลชีวมิติ (Biometric - Face recognition)  ถึงมีมิจฉาชีพที่ล่อลวงจนรู้ OTP หรือ Pin Code แต่ไม่สามารถล็อกอินบัญชีคุณได้ เพราะถูกระบบสแกนตรวจใบหน้าป้องกันไว้ นอกจากนี้ระบบ ‘TrueMoney 3 x Protection’ ยังสามารถตรวจจับค่า IP address หรือ Location หากมีการเข้าใช้งานจากอุปกรณ์ใช้งาน (secure device) ที่แตกต่างไปจากที่ผู้ใช้เจ้าของบัญชีได้ลงทะเบียนหรือใช้งาน

ชั้นที่ 2 -  จับ – มัลแวร์หรือแอปต้องสงสัย

จับ มัลแวร์ แอปดูดเงิน และแอปแปลกปลอมที่ไม่ปลอดภัย หากติดตั้งบนอุปกรณ์ที่ใช้งานทรูมันนี่ และปฏิเสธการ อนุญาตเข้าใช้งาน

ชั้นที่ 3 -  หยุด – การทำธุรกรรมที่ผิดปกติ

หยุด หากมีการทำรายการที่ผิดปกติ ระบบ AI จะจำแนกและกำหนดค่าความเสี่ยง (Risk score) เพื่อตรวจสอบ ความผิดปกติจากประวัติการทำรายการย้อนหลัง และให้ลูกค้าทำการยืนยันตัวตนหลากหลายรูปแบบ หรือหยุดยั้งรายการที่มีความผิดปกติ  เพื่อป้องกันการถูกดูดเงินออก

จากข้อมูลล่าสุดเดือนเมษายน 2566 ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ระบุว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาภัยออนไลน์แจ้งมายังเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่า 247,753 เรื่อง ขณะที่ผลการอายัดบัญชีที่มีคำร้องทั้งหมด 74,129 บัญชี มีการขออายัด 54,017 บัญชี ยอดเงิน 6.9 พันล้านบาท และอายัดได้ ทัน 449 ล้านบาท หรือเพียง 6.4% ของยอดเงินที่มีการร้องขออายัด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึง 32,083 ล้านบาท ไม่เพียงเท่านั้นสมาคมธนาคารไทย ยังพบอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีการล่อลวงติดตั้งแอปเพื่อเข้ามาดูดข้อมูล รวมถึงปลอมเป็นแอปการเงิน เพื่อเข้ามาควบคุมอุปกรณ์และแอปการเงินของผู้เสียหาย (ATO - Account Take Over) เพื่อดูดเงินจากบัญชี ส่งผลให้มีผู้เสียหายจากการตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 500 ล้านบาท

นายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายแรกๆ ที่เดินหน้าพัฒนาการระบบเทคโนโลยีเพื่อ ปกป้องบัญชี ของลูกค้า ที่ผ่านมาเราได้กำหนดให้มีสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนก่อนโอนและถอนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ เมื่อปลายปีที่แล้วเรายังได้จับมือกับ SHIELD ประกาศนำ ‘ระบบปฏิบัติ การความปลอดภัยอัจฉริยะสำหรับธุรกรรมการเงินบนอุปกรณ์มือถือ’ (Mobile Fintech Security Intelligence) มาใช้เป็นรายแรกของไทย”

สำหรับการเปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ถือว่าเป็นระบบเดียวที่มีในตลาด ขณะนี้ที่สามารถ ตรวจ-จับ-หยุด ธุรกรรมแปลกปลอมได้ครบวงจร เนื่องจากทรูมันนี่ตระหนักดีว่า ถึงเราจะสร้าง แอปการเงินที่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยในระดับสูง แต่มิจฉาชีพก็อาจล่อลวงให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อและ เผลอให้ ข้อมูลสำคัญที่ทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงบัญชีได้ ดังนั้นการสร้างระบบที่สามารถผสานข้อมูลและระบบความปลอดภัย ให้ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยปกป้องผู้ใช้ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการทำธุรกรรม พร้อมช่วยผู้ใช้จำกัดและหยุดความเสียหายแม้พลาดตกเป็นเหยื่อ โดยทรูมันนี่ยังมีการให้บริการสายด่วน 1240 กด 6 เพื่อรับแจ้งเหตุต้องสงสัยด้านภัยทางการเงิน และแจ้งอายัดบัญชี ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกเหนือจากการเปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ เมื่อเร็วๆ นี้  ทรูมันนี่ยังได้ ออกแคมเปญเพื่อยกระดับการรับรู้ถึงการที่ทรูมันนี่เป็นแอปที่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้จ่าย ออนไลน์ เนื่องจากในผลการสำรวจลูกค้าล่าสุดพบว่า ลูกค้ามองทรูมันนี่เป็นบัญชีใช้จ่ายที่ให้การปกป้องที่ดี (Buffer Account) เนื่องจากสามารถเติมเงินเพื่อใช้จ่ายได้ในยอดที่พอใจ ไม่ต้องกังวลเพราะไม่ต้องแชร์เลขบัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิตเมื่อใช้จ่าย และสามารถเลือกใช้ TrueMoney Mastercard ซึ่งเป็นเวอร์ชวลการ์ดที่ตัดจ่ายเฉพาะเงิน ที่เติมในทรูมันนี่  สามารถเปิดปิดการใช้งานได้เลยในแอป ผู้ใช้จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกดูดเงินที่มีจนหมด โดยบริษัทฯ ยังได้ออกภาพยนตร์โฆษณาและเตรียมแคมเปญการสื่อสารต่างๆ ในเรื่องนี้ ขอให้ติดตาม

ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘TrueMoney 3 x Protection’ ภายใต้ TrueMoney Secure และดูภาพยนตร์โฆษณา เปย์ออนไลน์ปลอดภัย ใช้ทรูมันนี่  ได้ที่ https://www.truemoney.com/secure-e-payment/

 

 

# # # # #

 

เกี่ยวกับ TrueMoney (ทรูมันนี่)

ทรูมันนี่ คือผู้นำบริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มุ่งเน้นให้บริการทางการเงินแก่ผู้ คนซึ่งรวมไปถึงผู้ที่เข้าไม่ถึงบริการของสถาบันทางการเงิน โดยให้บริการใน 7 ประเทศในภูมิภาคได้แก่ ประเทศไทย กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ทรูมันนี่ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2556 และเข้าเป็นธุรกิจหนึ่ง ของบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ ในปี พ.ศ. 2557 และเป็นพันธมิตรกับบริษัท Ant Group ใน พ.ศ. 2559 ปัจจุบัน ทรูมันนี่ ให้บริการด้านการเงินที่หลากหลายผ่าน TrueMoney แอปพลิเคชันการเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุดที่ช่วยอำนวยความ สะดวก และทำให้การเงินเป็นเรื่องง่าย ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ ทรูมันนี่ ยังมีเครือข่ายตัวแทนที่ครอบคลุมใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งหมดนี้เพื่อมอบความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงินให้กับหลายล้านคน เพื่อก้าวล้ำไปสู่ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อตัวแทนประชาสัมพันธ์ ทรูมันนี่ วอลเล็ท

เวเบอร์ แชนด์วิค คุณรุ่งนภา ชาญวิเศษ โทร. +668 1494 8131 อีเมล์ rungnapa@webershandwick.co.th หรือ

คุณนวาระ จ๋วงพานิช โทร +668 1153 2676 อีเมล์ njuangbhanich@webershandwick.co.th

ตำรวจจับมือเครือซีพีเตือนภัย ปชช.ป้องกันโจรไซเบอร์ หารือทรูมันนี่ เตรียมนำเสนอระบบและเทคโนโลยียกระดับความปลอดภัยทางการเงิน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด  ร่วมหารือพร้อมนําเสนอแผนช่วยป้องกันภัยทุจริตทางการเงินและแอปดูดเงิน พร้อมช่วยเหยื่ออย่างทันท่วงที ทรูมันนี่ เตรียมสนับสนุนเทคโนโลยีในการทำระบบฐานข้อมูลกลางเพื่ออำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูลหรือตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่กระทำความผิดทางการเงิน ที่สามารถใช้วิเคราะห์แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง  

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมหารือกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ถึงความคืบหน้าโครงการ “ไซเบอร์วัคซีน”  เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งนอกจะมีการร่วมผลิตและเผยแพร่ข้อมูลความรู้กลโกงในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านช่องทางการสื่อสารของเครือซีพีซึ่งมีธุรกิจค้าปลีกค้าส่งและธุรกิจโทรคมนาคม เพื่อเตือนภัยทุจริตทางการเงินบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นวัคซีนที่ใช้เป็นภูมิคุ้มกันให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันและรับมือมิจฉาชีพได้โดยไม่ตกเป็นเหยื่อแล้วนั้น ล่าสุด บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ประกาศพร้อมให้การสนับสนุนด้านระบบและเทคโนโลยี เพื่อช่วยป้องกันประชาชนจากการตกเป็นเหยื่อถูกทุจริตทางการเงินโดยมิจฉาชีพ

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (14 - 20 พ.ค. 2566) สถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1. คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2. คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 3. คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4. คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) และ 5. คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์

ด้านนายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด  เปิดเผยว่า ทรูมันนี่ ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความตระหนักถึงภัยออนไลน์ที่ถือว่าสร้างความกังวลและความกลัวให้กับผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำธุรกรรมบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทรูมันนี่ได้นำเสนอแนวทางเพื่อช่วยเหลือในการติดตามผู้กระทำความผิด หรือกลุ่มของมิจฉาชีพกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ทั้งนี้ ทรูมันนี่ เตรียมเตรียมสนับสนุนเทคโนโลยีในการทำระบบฐานข้อมูลกลาง (Pool Database) เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่กระทำความผิดด้านการเงิน ที่สามารถใช้ตรวจสอบและวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง   โดยหากระบบดังกล่าวแล้วเสร็จ ก็จะช่วยมอบการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมในรูปแบบใหม่แก่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงองค์กรอื่นๆ ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก  

นอกจากนี้ ทรูมันนี่ยังมีแผนจัดสัมมนาโดยได้ความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน  เพื่อสร้างความตระหนักรู้และยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ให้กับประชาชนอีกด้วย โดยที่ผ่านมา ทรูมันนี่ ได้ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้นตลอดเส้นทางการทำธุรกรรม  ด้วยการกำหนดให้ใช้ฟีเจอร์สแกนหน้าเพื่ออนุมัติรายการโอนและถอนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

โดยก่อนหน้านี้ ทรูมันนี่ ได้พัฒนาและนำระบบสแกนหน้าที่ใช้เทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ (Biometric) หรือการอ่านข้อมูลชีวมิติเพื่อตรวจจับอัตลักษณ์บุคคล ที่พัฒนาร่วมกับบริษัท ZOLOZ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ระดับโลก มาใช้ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2565 เพื่อเสริมฟีเจอร์และบริการด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมหลากหลายการใช้งานของทรูมันนี่ โดยในระบบความปลอดภัย TrueMoney Secure ในปัจจุบันนั้นครอบคลุมถึงการเรียกยืนยันตัวตนผ่านระบบสแกนใบหน้าเมื่อมีการใช้งานบัญชีบนอุปกรณ์ใหม่ และเมื่อระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ, การตรวจสอบ แจ้งเตือน และหยุดธุรกรรมแปลกปลอมในทันที,  การแจ้งเตือนและปิดกั้นการล็อกอินแบบรีโมทจากอุปกรณ์อื่น เพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่สวมรอยเข้าถึงอุปกรณ์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บัญชี  และให้บริการสายด่วน 1240 กด 6 รับแจ้งเหตุต้องสงสัยด้านภัยทางการเงิน และแจ้งอายัดบัญชี ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หากสงสัยเกรงจะตกเป็นเหยื่อ สามารถปรึกษาได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือศูนย์ PCT 081-866-3000 ทั้งนี้ ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

"ทรูมันนี่" เปิดตัว "ลิซ่า แบล็กพิงก์" แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ตอกย้ำจุดยืนซูเปอร์แอปการเงินหนึ่งเดียวที่ให้บริการครบทั้งจ่าย ออม ลงทุน

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างปรากฎการณ์เขย่าวงการ ตอกย้ำจุดยืนซูเปอร์แอปทางการเงินหนึ่งเดียวที่มีบริการครบที่สุด ทั้งการใช้จ่าย ออม และลงทุน ทลายข้อจำกัดเดิมๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงทุกเรื่องการเงินได้ง่าย และได้รับคุณค่าในทุกการใช้ ภายใต้แนวคิด “เป็นไปได้ ได้ทุกคน” รุกขยายบริการผ่าน 3 กลยุทธ์ Ease, Value และ Access พร้อมดึงศิลปินระดับโลก “ลิซ่า แบล็กพิงก์” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ร่วมแคมเปญการสื่อสารระดับประเทศ

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทุกวันนี้ ทรูมันนี่ ได้พลิกโฉมการใช้จ่ายของผู้คนให้เป็นมากกว่าแอปสำหรับจ่ายหรือโอน แต่เป็นแอปที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคนในทุกวัน โดยมีฐานผู้ใช้งานในปัจจุบันกว่า 27 ล้านคน และเป็นแอปทางการเงินที่เป็นที่รู้จักสูงสุดอันดับหนึ่ง  วันนี้เราพร้อมยกระดับภารกิจของเราขึ้นไปอีกขั้น ด้วยจุดยืนในการเป็นซูเปอร์แอปทางการเงินเพียงหนึ่งเดียวที่ให้บริการครบที่สุด บนแนวคิด ‘Effortless Money Management Service’ เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงทุกบริการการเงินที่ง่าย และได้รับประโยชน์คุ้มค่าทุกครั้งที่ใช้ ตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกกลุ่ม”

โดยจากข้อมูลการศึกษาผู้ใช้งาน ทรูมันนี่ พบว่า นอกจากกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินแล้ว ยังมีคนจำนวนมากที่มีบัญชีธนาคารแต่ก็ประสบปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ ได้แก่ ความรู้ เวลา ทุนทรัพย์ อายุ ความยากในกระบวนการ ไปจนถึงมุมมองต่อตนเองในเรื่องโอกาสที่มีในชีวิต ทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องมือทางการเงินได้อย่างครบถ้วนและเต็มที่ 

ทั้งนี้ ทรูมันนี่ จึงมุ่งมั่นที่จะทลายทุกข้อจำกัดเดิมๆ ของทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะมีจุดเริ่มต้นที่ต่างกันอย่างไร ก็สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายและครบแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนผ่านทรูมันนี่ ซึ่งจะเปิดประตูสู่ความ “เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ด้วยการนำเสนอบริการใน 3 กลุ่ม ได้แก่

1.บริการในกลุ่มใช้จ่าย: ตอบรับและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ผู้ใช้ (Enrich your life) 
-ทั้งการจ่ายออนไลน์ ออฟไลน์ โอนเงิน ใช้จ่ายต่างประเทศ และวงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง

2.บริการในกลุ่มการเงิน: ช่วยให้เงินงอกเงยเป็นเรื่องง่าย (Simplify your finance)
-บริการด้านการออม ลงทุน ประกัน และสิทธิประโยชน์หลากหลาย

3.บริการสนับสนุนธุรกิจ: เพิ่มพลังธุรกิจให้ไปได้ไกลกว่า (Empower your business)
-บริการสนับสนุน SME และผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ระบบสมาชิก และฟีเจอร์โปรโมทร้านค้า เป็นต้น

นางสาวณัฐวดี แซ่เอี้ย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมทางธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่จะเดินหน้าผสานผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า การใช้งานที่ง่ายเหนือความคาดหมาย และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ผ่าน 3 กลยุทธ์ ดังนี้

1.Ease (Ease in Every Way): นำเสนอประสบการณ์ที่สะดวก บริการที่เข้าใจง่าย รวมถึงระบบที่ช่วยคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผู้ใช้แต่ละราย  เช่น นำเสนอตัวเลือกกองทุนตามความสนใจและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือแผนประกันที่สอดคล้องกับความต้องการ เพื่อลดความยุ่งยากของกระบวนการต่างๆ

2.Value (Value in Every Move): เปิดประตูสู่โลกการเงินที่ได้คุณค่ามากกว่า เช่น บริการเงินฝากดอกเบี้ยสูง พร้อมสิทธิในการได้รับเงินคืน เมื่อผูกบัญชีเพื่อการใช้จ่าย ฟีเจอร์รีวอร์ดสที่รวมทุกส่วนลดและสิทธิพิเศษเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งการใช้จ่าย ออม และลงทุน โดยเตรียมยกระดับฟีเจอร์รีวอร์ดสสู่ Loyalty Program ที่มอบสิทธิประโยชน์หลากหลายและคุ้มค่ายิ่งขึ้นในอนาคต

3.Access (Accessible to Everyone): ช่วยให้ทุกคนสามารถเริ่มสร้างความมั่นคงทางการเงินในแบบของตนเองได้ โดยมีข้อจำกัดน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านหลากหลายสินทรัพย์ที่แม้มีเงินน้อยก็เริ่มได้ เช่น มีกองทุนรวมที่เลือกลงทุนได้ตั้งแต่ 1 บาท หรือซื้อแผนประกันด้วยเงินหลักร้อยต้นๆ ไปจนถึงการสมัครขอวงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง โดยไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือน รู้ผลอนุมัติทันที

โดยในเรื่องความง่ายและการจัดการการเงิน ล่าสุด ทรูมันนี่ ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Recurring Manager (ผู้ช่วยจัดการออมและจ่าย) ให้ผู้ใช้สามารถจัดการรายจ่ายประจำต่างๆ ได้อย่างไม่สะดุด ไม่ว่าจะเป็น ค่าสมาชิกรายเดือน บิลมือถือ หรือบริจาคเพื่อการกุศล โดยสามารถดูยอดสรุปค่าบริการ และได้รับแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดจ่าย อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าในการตัดเงินจากบัญชีทรูมันนี่ไปฝากเป็นเงินออมได้ทุกเดือน พร้อมรับดอกเบี้ยสูงสุดถึง 4%* และสำหรับฟีเจอร์เพื่อร้านค้า ทรูมันนี่ ยังเตรียมเปิดตัว มันนี่บ๊อกซ์ กล่องเรียกทรัพย์ ที่จะแจ้งเตือนด้วยเสียงแบบเรียลไทม์เมื่อลูกค้าชำระเงินสำเร็จ ช่วยให้ผู้ประกอบการมั่นใจยิ่งขึ้นว่าเงินเข้าชัวร์ในทุกการรับชำระเงินผ่านทรูมันนี่

นอกจากนี้ ทรูมันนี่ ยังเดินหน้ายกระดับเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ TrueMoney Secure ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจจับและแจ้งเตือนพฤติกรรมต้องสงสัยแบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์ยืนยันตัวตนและเข้ารหัสหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการสแกนใบหน้าเพื่ออนุมัติรายการตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป และสายด่วนแจ้งภัยการเงินตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ ล่าสุด ทรูมันนี่ ได้ดึงศิลปิน K-Pop ระดับโลกอย่าง ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เพื่อร่วมถ่ายทอดจุดยืนของแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณา “ทรูมันนี่ เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ที่บินไปถ่ายทำถึงประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งบอกเล่าถึงความเป็นไปได้ในชีวิตที่ทรูมันนี่มอบให้ผู้คนผ่านบริการทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องการสตาร์ทธุรกิจเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแม้จะมีทุนน้อย คนรุ่นใหม่ที่มีฝันและเปี่ยมไปด้วยพลังความสามารถซึ่งทำให้ความสำเร็จไม่ถูกจำกัดด้วยอายุ และคนที่มองหาโอกาสและความรู้ด้านการเงินเพื่อเริ่มหนทางสู่อิสระในชีวิตที่จะได้ทำตามใจฝัน โดยมี ลิซ่า พาผู้ชมไปสัมผัสความเป็นไปได้ของผู้คนเหล่านี้และผลลัพธ์ที่มีทรูมันนี่เป็นผู้ช่วยให้เป็นไปได้จริง

นางอนัณทินี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด  กล่าวว่า “นับเป็นครั้งแรกที่ ทรูมันนี่ ทำการสื่อสารอย่างยิ่งใหญ่ระดับประเทศ โดยลิซ่าถือเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์โดดเด่น น่ารัก เป็นกันเอง อีกทั้งยังมีความสามารถและความทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลงานจนเป็นที่รักของคนไทยและผู้คนทั่วโลก การดึง ลิซ่า มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์นั้นจะสะท้อนพลังและความเป็นไปได้ที่มากกว่าในชีวิตสำหรับทุกคน และตรงกับสิ่งที่ ทรูมันนี่ต้องการมอบให้ คือการช่วยให้ทุกคนสามารถสร้างความเป็นไปได้ตามแบบฉบับของตัวเองและผลักดันทุกเป้าหมายในชีวิตให้เป็นไปได้มากกว่าที่เคยผ่านบริการทางการเงินของเรา โดยในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปีในปีนี้ ทรูมันนี่ ยังเตรียมจัดเต็มแคมเปญสมนาคุณสุดพิเศษครั้งใหญ่กว่าที่เคย รวมไปถึงสิทธิพิเศษอีกมากมายสำหรับผู้ใช้ทรูมันนี่ตลอดทั้งปี พร้อมกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์ให้เหล่าแฟนด้อมของลิซ่าได้ร่วมสนุกเร็วๆ นี้ ขอให้รอติดตาม”

ทั้งนี้รับชมภาพยนตร์โฆษณา “ทรูมันนี่ เป็นไปได้ ได้ทุกคน” ได้ทั่วประเทศทางสื่อต่างๆ ที่พร้อมสร้างความประทับใจแล้ววันนี้ ที่ https://www.truemoney.com/lisa-campaign/ พร้อมร่วมแชร์และใส่ #LISAwithTrueMoney #เป็นไปได้ได้ทุกคน #ทรูมันนี่ และติดตามกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ Facebook Fanpage TrueMoney

ทรูมันนี่ พร้อมให้บริการสแกนหน้าก่อนโอนและถอนเงิน ยกระดับฟีเจอร์ความปลอดภัยอีกขั้น มั่นใจทุกการทำธุรกรรม

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์และผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขานรับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศความพร้อมด้านมาตรการความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ยกระดับความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการอีกขั้น ด้วยการสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนก่อนโอนและถอนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป และเสริมทัพฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยภายใต้ระบบ TrueMoney Secure เพื่อปกป้องการเข้าถึงบัญชี พร้อมบริการสายด่วนตลอด 24 ชั่วโมงแล้ววันนี้

นายอธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานเป็นสิ่งที่ทรูมันนี่ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก ที่ผ่านมา เราได้มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและมาตรการที่เกี่ยวข้องให้เท่าทันภัยทางการเงินรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงและแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ทรูมันนี่ได้ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้นตลอดเส้นทางการทำธุรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยืนยันตัวตน ซึ่งได้เพิ่มความอุ่นใจให้ลูกค้าอีกขั้น ด้วยฟีเจอร์สแกนหน้าเพื่ออนุมัติรายการโอนและถอนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป โดยทรูมันนี่ ถือเป็นผู้ให้บริการแรกที่เปิดให้บริการนี้โดยประกาศให้ผู้ใช้งานทุกรายสามารถใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา”

ทั้งนี้ ระบบสแกนหน้าของทรูมันนี่ใช้เทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ (Biometric)  หรือการอ่านข้อมูลชีวมิติเพื่อตรวจจับอัตลักษณ์บุคคล ที่พัฒนาร่วมกับบริษัท ZOLOZ ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ระดับโลก สามารถตรวจสอบใบหน้าและเทียบค่าความเหมือน ต่าง ภายใน 3 วินาทีและมีความแม่นยำสูง ช่วยปกป้องและเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

 

นอกเหนือจากฟีเจอร์สแกนหน้ายืนยันเจ้าของบัญชีเพื่ออนุมัติรายการโอนและถอนเงิน ทรูมันนี่ยังเสริมฟีเจอร์และบริการด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมหลากหลายการใช้งานมากยิ่งขึ้น ภายใต้ระบบ TrueMoney Secure อาทิ

-การเรียกยืนยันตัวตนผ่านระบบสแกนใบหน้า เมื่อมีการใช้งานบัญชีบนอุปกรณ์ใหม่ และเมื่อระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ

-ตรวจสอบ แจ้งเตือน และหยุดธุรกรรมแปลกปลอมในทันที

-แจ้งเตือนและปิดกั้นการล็อกอินแบบรีโมทจากอุปกรณ์อื่น เพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่สวมรอยเข้าถึงอุปกรณ์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บัญชี

-เปิดให้บริการสายด่วน 1240 กด 6 รับแจ้งเหตุต้องสงสัยด้านภัยทางการเงิน และแจ้งอายัดบัญชี ตลอด 24 ชั่วโมง

“ท่ามกลางความกังวลด้านภัยทุจริตทางการเงินที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ทรูมันนี่ยังมีความห่วงใยและขอแนะนำให้ผู้ใช้งานเลือกใช้ทรูมันนี่เป็นกระเป๋าเงินสำหรับใช้จ่าย โดยเฉพาะการทำธุรกรรมออนไลน์ เพราะรูปแบบการใช้งานทรูมันนี่นั้น ลูกค้าสามารถควบคุมการเติมเงินเพื่อใช้จ่ายได้ตามความพอใจ และไม่ต้องเปิดเผยเลขบัญชีธนาคารและเลขบัตรเครดิตเมื่อช้อปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากสามารถผูกทรูมันนี่จ่ายตรงกับผู้ให้บริการรวมทั้งการใช้ฟีเจอร์ TrueMoney Mastercard ที่จะตัดจ่ายเฉพาะเงินที่เติมในทรูมันนี่เท่านั้น และยังสามารถกดเปิดปิดการใช้งานได้ ซึ่งจะช่วยตัดกังวลเรื่องการถูกลักลอบเอาเงินออกจนควบคุมไม่ได้” นายอธิปัตย์  กล่าวสรุป