EN Name: 
Variety

Thailand Lighting Fair 2016 : จุดนัดพบแหล่ง เทคโนโลยี ดีไซน์ โซลูชั่น

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ร่วมกับ เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดงานแสดงสินค้าจากประเทศเยอรมนี และ ดิ เอ็กซ์ซิบิส จัดงาน “ Thailand Lighting Fair 2016” งานแสดงนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างที่ครบวงจรที่สุดในอาเซียน โดยมีธีมงานในปีนี้ว่า Smart Lights. Smart Life. โดยแนวคิดการจัดงาน PEA ต้องการให้เป็นศูนย์กลางในการเจรจาธุรกิจ แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ และซื้อขายผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่และครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยมีผลิตภัณฑ์ส่องสว่างทั้งไฟเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโคมไฟเพื่อการตกแต่ง ซึ่งถือเป็นจุดขายของงาน เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงและมีความโดดเด่นด้านการดีไซน์ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ยิ่งไปกว่านั้นในปีนี้ได้มีการนำเทคโนโลยี Smart Lighting เข้ามาสร้างสีสันและเพิ่มความน่าสนใจให้กับงานมากขึ้น นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เปิดเผยถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เดินหน้า จับมือ ร่วมกับ บริษัท เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดงานแสดงสินค้าจากประเทศเยอรมนี และ บริษัท ดิ เอ็กซ์ซิบิส จำกัด ประกาศศักยภาพความพร้อมการจัดงาน Thailand Lighting Fair 2016 อย่างยิ่งใหญ่ ดึงบริษัทชั้นนำระดับโลกกว่า 360 บริษัท ร่วมนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยี และโซลูชั่นไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ ขานรับแนวคิด “Smart Lights. Smart Life. นวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ นวัตกรรมเพื่อชีวิต” บนพื้นที่การจัดงานกว่า 10,000 ตารางเมตร “ จากความสำเร็จของการจัดงานในปีที่ผ่านมา PEA เล็งเห็นถึงศักยภาพและโอกาสเติบโตของการจัดงาน Thailand Lighting Fair ในอนาคต ซึ่งการเติบโตของการจัดงาน Thailand Lighting Fair ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มมูลค่าการซื้อขายภายในงานแล้ว แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างสำหรับภูมิภาคอาเซียนผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ถูกนำมาจัดแสดงภายในงานจากนานาประเทศ PEA จึงเดินหน้าสนับสนุนการจัดงาน Thailand Lighting Fair 2016 ในปีที่สองนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจัดงาน Thailand Lighting Fair 2016 ในปีนี้ได้จัดขึ้น บนพื้นที่การจัดงานกว่า 10,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ประกอบการไฟฟ้าแสงสว่างชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 350 บริษัทเข้าร่วมเสนอสุดยอดนวัตกรรม ดีไซน์ และโซลูชั่นด้านไฟฟ้าแสงสว่างที่ครบวงจรที่สุดในอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานเพื่อร่วมเจรจาธุรกิจกว่า 10,000 รายจากทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด “Smart Lights. Smart Life - นวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ นวัตกรรมเพื่อชีวิต” ซึ่งสอดคล้องไปกับกระแสนิยมในอุตสาหกรรมไฟฟ้าแสงสว่างในระดับโลกที่กำลังให้ความสนใจในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะ หรือ Smart Technology เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตามแนวทาง Energy Efficiency ทั้งยังช่วยลดต้นทุน เสริมสมรรถนะการดำเนินงาน และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับองค์กร และหน่วยงานได้ในระยะยาว และในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น” ด้าน นางสาวพาขวัญ​ เจียมจิโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดิ เอ็กซ์ซิบิส จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน Thailand Lighting Fair 2016 ภายใต้แนวคิดการจัดงาน Smart Lights. Smart Life. นวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ นวัตกรรมเพื่อชีวิต จะครอบคลุมเรื่องไฟฟ้าแสงสว่างในทุกความต้องการ โดยแบ่งเป็น Smart Business ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการค้าและเจรจาธุรกิจ และซื้อขายผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่และครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน Smart Living ศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างเพื่อการใช้ชีวิตที่มาพร้อมกับคุณประโยชน์การใช้สอยและรูปลักษณ์ที่สวยงามภายใต้แนวคิด “ดีไซน์ + ฟังก์ชั่น” และ Smart Solution ศูนย์กลางของโซลูชั่น นวัตกรรม และเทคโนโลยีด้านไฟฟ้าแสงสว่างเพื่อการใช้งานภาคอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียน “สำหรับในช่วงที่ผ่านมาเพื่อดึงผู้ซื้อและผู้ขายทางดิ เอ็กซ์ซิบิส โดยความร่วมมือร่วมกับเมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต และ PEA จัดกิจกรรมเดินสายโรดโชว์ประชาสัมพันธ์การจัดงานThailand Lighting Fair 2016 ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยกิจกรรมโรดโชว์ในต่างประเทศมีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดผู้จัดแสดงสินค้าให้เข้าร่วมงานซึ่งได้จัดขึ้น ณ​ ประเทศ เยอรมนี ไต้หวัน มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับกิจกรรมโรดโชว์ในประเทศได้จัดกิจกรรมเสวนาภายใต้หัวข้อ Smart Ligths. Smart Life. ให้ความรู้แก่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น และชลบุรี ให้ความรู้เกี่ยวกับการประยุกต์และนำเอาองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะมาเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และได้ผลตอบรับจากสมาคม หอการค้า หน่วยงานภาคราชการ และภาคเอกชนในพื้นที่เป็นอย่างสูง และในปีนี้มีผู้ร่วมแสดงงานจากทั้งญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย ประเทศอื่นๆ จากภูมิภาคอาเซียน และแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานชมงานจากทั่วภูมิภาคอาเซียนในปีนี้สูงถึง 10,000 ราย” สำหรับกิจกรรมไฮไลท์ของงานครั้งนี้คือ “Lighting Design Showcase การออกแบบแสงภายใต้คอนเซ็ปต์ ดีไซน์ +ฟังก์ชั่น เพื่อความงามและประโยชน์ใช้สอย โดยนักออกแสงรุ่นใหม่ไฟแรงของไทย Decorative Lighting Zone" โซนไฟตกแต่งและโคมไฟหัตถกรรมดีไซน์ทันสมัย มาตรฐานสากล และ “งานสัมมนาและเวิร์คช็อปทางด้านเทคโนโลยีและการออกแบบแสง ภายใต้หัวข้อการสัมมนาที่น่าสนใจและเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ สมาคม และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมไฟฟ้าแสงสว่างเป็นอย่างยิ่ง อาทิ ศิลปะและมนต์เสน่ห์แห่งแสงสี, LED Generation 2 มากกว่าความประหยัด เคล็ดลับจัดร้านตามหลักฮวงจุ้ย ด้วยแสง เรียกเงินล้าน แนวโน้มการออกแบบแสงอัจฉริยะ แสง...สำหรับสิ่งแวดล้อมเพื่อการเยียวยา กลยุทธ์การออกแบบแสงสว่างเพื่อช่วยสร้างแบรนด์ให้กับเมือง และแนวทางการออกแบบการส่องสว่างภายในอาคาร เป็นต้น นอกจากนี้ ในส่วนของกิจกรรมสัมมนาและเวิร์คช็อปภายในงาน Thailand Lighting Fair 2016 ยังถือเป็นครั้งแรกที่ PEA ไดัจัดทำหลักสูตรประกาศนียบัตรให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจในด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยมีทั้งหมด 5 หลักสูตร ประกอบด้วย 1.) แนวทางการใช้เทคโนโลยี LED เพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับงานไฟถนน 2.) แนวทางการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างถูกต้องยั่งยืน สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม (อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม / อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์) 3.) แนวทางการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างถูกต้องยั่งยืน สำหรับอาคาร (อาคารโรงแรมและรีสอร์ท) 4.) แนวทางการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างถูกต้องยั่งยืน สำหรับอาคาร (อาคารสำนักงาน (เอกชนและรัฐ) 5.) เทคนิคการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ LED และเคล็ดลับที่ควรรู้ หากใครกำลังมองหานวัตกรรมด้านแสงสว่างไม่ควรพลาด เพราะมีสินค้าที่นำมาจัดแสดงมากถึง 350 บริษัท 500 บูธ ประเภทสินค้ามีความโดดเด่นหลากหลายทั้งโคมไฟพาณิชย์ โคมไฟตกแต่ง หลอดไฟ LED อุปกรณ์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนประกอบ ระบบไฟอัจฉริยะ ระบบอาคารประหยัดพลังงานไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ฯลฯ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน Thailand Lighting Fair 2016 ได้ในระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2559 ณ ฮอลล์ 101 –102 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เวลาเข้าชมตั้งแต่ 10.00 – 18.30 น. สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandlightingfair.com

โปเกมอน โก...สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ "ฉบับที่ 50"

โดนฟ้องไปเรียบร้อยโรงเรียนอเมริกันซะแล้วสำหรับ “โปเกมอน โก” ฐานรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของชาวบ้าน แล้วก็ฟ้องเป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (class action) ซะด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นที่รู้สึกเดือดร้อนรำคาญด้วยข้อเท็จจริงเดียวกันมาร่วมเป็นโจทก์เพิ่มเติม เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาวันที่ 6 กรกฎาคม ผ่านไปไม่ถึงเดือนก็โดนฟ้องคดีแรกเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา Jeffery Marder เจ้าของบ้านในแคลิฟอร์เนียถือเป็นฤกษ์ดียื่นฟ้องบริษัทโปเกมอนและนินเท็นโด ที่ U.S. District Court Northern District of California ไปเรียบร้อยแล้วว่ารบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ อย่างที่หลายคนทราบกันดี “โปเกมอน โก” เป็นเกมเสมือนจริงอย่างหนึ่ง (ราชบัณฑิตยสถานใช้คำว่า “ความเป็นจริงเสริม”) ที่ผู้เล่นใช้มือถือจับเหล่าโปเกมอนในสถานที่จริงได้โดยการผนึกกำลังกันระหว่างระบบ GPS, กล้องบนมือถือ และ Gyroscope บนมือถือ เมื่อผู้เล่นไปอยู่ที่ตำแหน่งที่กำหนดไว้โดยเกม ซอฟแวร์ก็จะเปิดภาพในมือถือให้แสดงภาพของโปเกมอนขึ้นมาซ้อนอยู่บนภาพในสถานที่จริงบนจอมือถือ คล้ายกับมีโปเกมอนอยู่บนโลกจริง จากนั้น ผู้เล่นก็ใช้มือถือจับโปเกมอนได้ (ดูภาพที่ 1) ตำแหน่งของโปเกมอนและของที่ผู้เล่นเกมตามเก็บเรียกกันว่า “Pokestops” และ “Pokemon gyms” ถูกกำหนดโดยระบบ GPS ที่เชื่อมโยงกับแอพพลิเคชั่นที่บริษัทเกมออกแบบ ปัญหาที่เกิดก็คือ แม้กระแสโปเกมอนแรงทั่วโลก แม้หลายคนตามกระแสลงทุนไปตามหาตามเก็บโปเกมอน แต่หลายคนก็ไม่ได้ชอบโปเกมอน ทีนี้ ถ้าโปเกมอนมาซ่อนอยู่ในบ้าน ในสนามหญ้าของคนที่ไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบก็รำคาญ ยิ่งการที่โปเกมอนมาซ่อนแล้วทำให้มีคนแปลกหน้ามาปีนรั้ว มาเดินตามในเขตบ้านหรือที่ดิน ก็กลายเป็นความเดือดร้อน Jeffery Marder น่าจะได้อารมณ์ประมาณนี้ เหมือนกับที่คำฟ้องส่วนหนึ่งระบุว่า “มีคนแปลกหน้ามีเคาะประตูบ้านของโจทก์อย่างน้อย 5 ครั้งขอเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน เพื่อจับโปเกมอนที่บริษัทจำเลยมาปล่อยเอาไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ก่อน” ดูคำฟ้องแล้วน่าคิดเหมือนกันว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ออกแบบเกมเลยเถิดไปจนถึงขั้นสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเปล่า ในคำฟ้องบอกว่าพอเปิดให้เล่น “โปเกมอน โก” ก็ปรากฏว่าบริษัทจำเลยกำหนด “Pokestops” และ “Pokemon gyms” ไว้บนทรัพย์สินของคนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องมากมาย โดยไม่มีการแจ้งหรือขออนุญาต คำฟ้องบอกต่อว่า บริษัทโปเกมอนคาดหมายผลกระทบได้แน่นอนอยู่แล้วว่าจะมีผู้คนที่แห่กันเล่นเกมหาโปเกมอนตามบ้านตามที่ดินของคนอื่นโดยไม่ได้ขออนุญาต อย่างนี้ ถ้ามองในแง่ของเจ้าของบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่พอใจ ก็น่าคิดเหมือนกันว่าเจ้าของบ้านจะเหลือสิทธิอะไรที่จะคุ้มครองบ้านของตัวเองจากผู้เล่นเกมทั้งหลายหรือไม่ กฎหมายลักษณะ “ทรัพย์” ของประเทศทั่วโลกถือว่าเจ้าของบ้าน เจ้าของที่ดินมี “ทรัพยสิทธิ” บนที่ดินของตน ทรัพยสิทธินี่สำคัญครับเพราะประกอบด้วยสิทธิหลายอย่างเช่น กรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครอง เป็นต้น ที่สำคัญ หลักทั่วไปของกฎหมายลักษณะ “ทรัพย์” ให้ทรัพยสิทธิเหล่านี้เป็นสิทธิเด็ดขาดและถาวรเพราะติดอยู่กับบ้านหรือที่ดินนั้นเลย แถมเป็นสิทธิที่เจ้าของจะอ้างกับใครก็ได้ สำหรับกฎหมายรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ (nuisance) ของแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นบ้านของ Jeffery Marder โจทก์ในคดี การรบกวนที่เรียกว่า “private nuisance” ที่ฟ้องนั้นครอบคลุมการละเมิดกว้างและละเมิดกันง่ายนะครับ เพราะเป็นเรื่องที่แค่เจ้าของบ้านถูกรบกวนการใช้ประโยชน์ก็ละเมิดได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องละเมิดถึงขนาดมีการบุกรุกบ้านหรือที่ดินนั้น ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของสุนัขปล่อยน้องหมาไปอึบนสนามหญ้าบ้านคนอื่น ก็เข้าข่ายเป็นการรบกวนแบบง่าย ๆ อย่างหนึ่งได้ เป็นต้น คำฟ้องเขียนได้ดีนะครับ โจทก์พยายามโยงให้เห็นว่าบริษัทเกมที่เป็นจำเลยเจตนาและคาดหมายได้อยู่แล้วว่าจะทำให้เจ้าของบ้านจำนวนมากเดือดร้อน แต่ก็ไม่สนใจ แถมยังจัดให้แอพพลิเคชั่นของบริษัทจำเลยกำหนดพื้นที่ในสวนหรือในบ้านเหล่านั้นเป็นจุดหา “Pokestops” และ “Pokemon gyms” ซะอีก เรียกว่า เอาแต่ได้อย่างเดียวเลย ไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วถ้ามีคนละเมิดบุกเข้าบ้านเขาไปแล้วหยิบของติดไม้ติดมือหรือเกิดทะเลาะกับเจ้าของบ้านหรือลูกสาวเจ้าของบ้านด้วย ถ้าเรื่องไปกันใหญ่ ใครจะรับผิดชอบ คำฟ้องของโจทก์พยายามบอกว่าก็ต้องบริษัทจำเลยนั่นแหละที่เป็นตัวต้นเหตุและควรต้องรับผิดชอบ Jeffery Marder โจทก์ในคดีนี้อธิบายว่าเหตุที่ฟ้องเป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่มก็เพราะความเดือดร้อนที่ว่านี้เกิดกับหลายคน ยกตัวอย่างเช่น Sheridan ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านอีกหลังหนึ่งร้องเรียนว่าในวันที่เริ่มให้ดาวน์โหลดเกม มีคนแปลกหน้า 15 คนกับรถ 3 คันมาที่บ้าน เขารู้สึกว่าไม่สามารถมีสิทธิบนที่ดินของตัวเองได้และไม่รู้จะแก้ไขอย่างใด ทำนองเดียวกัน ผู้แทนสุสานแห่งหนึ่งในเมืองใกล้กันออกมาแสดงความไม่พอใจที่พื้นที่สุสานกลายเป็นจุดหา “Pokestops” และ “Pokemon gyms” ทั้งที่ควรจะเป็นพื้นที่สงบมากกว่าสนามเล่นเกม คดีนี้เป็นคดีนำล่องนะครับ ขณะเขียนต้นฉบับมีคดีฟ้องโปเกมอนเพิ่มขึ้นแล้วหลายคดีในหลายมลรัฐ ผมว่าถ้ารวมคดีฟ้องใหม่เดือนสิงหาคมและกันยายนอาจจะได้เป็นสิบคดี นี่ไม่นับว่าถ้ามีลูกขุนในคดีไหนชี้ขาดว่าละเมิดละก็ มีเฮทีเดียวไว้ผลคดีเป็นอย่างใด เรามาพูดกันอีกที ไม่รู้ในไทยเรามีใครลองฟ้องคดีละเมิดกันแล้วหรือยัง แต่ผ่านมาแค่ 2 ถึง 3 สัปดาห์ ข่าว “โปเกมอน โก” ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย จากข่าวที่เคยเป็นกระแสต้องเล่น ต้องไปเดินจับ กลายเป็นข่าวหลายสถานที่ประกาศห้ามเล่น ส่วนตำรวจก็ออกข่าวจะจับคนเล่นซะแล้ว โลกเปลี่ยนไปเร็วจนโปเกมอนอยาก โกโฮม

"เรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพ" กับท็อปคลาสเมืองไทย

บริษัท บิ๊ก คาเมรา คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอเชิญนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจเรื่องการถ่ายภาพ เข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพ พร้อมร่วมรับฟังประสบการณ์จากช่างภาพชื่อดัง ภายในงาน "บิ๊ก คาเมร่า บิ๊ก โปรเดย์ ครั้งที่ 10 (BIG CAMERA BIG PRO DAY 2016)" ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 4 กันยายน 2559 ณ ลานเซ็นทรัลคอร์ท ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พบกับ Experience Make It Happen…Iconic กระทบไหล่ช่างภาพแนวหน้าระดับประเทศอย่าง อมาตย์ นิมิตภาคย์ ช่างภาพอันดับหนึ่งของเมือไทยกับเรื่องราวประสบการณ์ที่พิสูจน์ความเป็นตัวจริง และ อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง ช่างภาพโฆษณาอันดับหนึ่งระดับโลก ที่จะมาเล่าถึงสร้างแรงบันดาลใจในการคิดชิ้นงานโฆษณาให้ออกมาโดดเด่นโดนใจ Live Experience Photo Workshop ร่วมเวิร์คช้อปกับช่างภาพชื่อดังเพื่อเรียนรู้เทคนิคที่สนใจในหัวข้อต่างๆ อาทิ Awake Your Artistic Soul โดย โจ้-ศุภสิทธิ์ ศรีสวัสดิ์ศักดิ์ ช่างภาพจากนิตยสารแฟชั่นแถวหน้าของไทย The next move with Olympus camera โดย หาว-ต่อวงศ์ ซาลวาลา ช่างภาพอิสระและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาพดิจิตอลที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ, การถ่ายภาพแนวสตรีท โดย ทวีพงษ์ ประทุมวงษ์ ช่างภาพแนวสตรีทชั้นแนวหน้าของประเทศที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ, เทคนิคการถ่ายภาพเคลื่อนไหวให้ดูมีชีวิต โดย แทม-พศิน อัธยาตมวิทยา ช่างภาพที่มี Lifestyle ในการถ่ายภาพ Fashion ในแบบฉบับของตัวเอง และ New Experience To be Professional กับ ณภัทร ตั้งสง่า ผู้กำกับภาพยนตร์สั้นระดับเอเชียเผยเคล็ดลับและเทคนิคก้าวสู่มืออาชีพ ... ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดูรายละเอียดได้ที่ www.bigcamera.co.th Facebook: BICCAMERACLUB Instagram: BIGCAMERA_CLUB Youtube: BIGCameraTV

ซีพีเอฟร่วมอนุรักษ์ภูมิปัญญาด้านอาหาร ค้นหาสุดยอดแชมป์แกงไทย

“แกงไทย” ถือเป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้รับการสืบสานมาตั้งแต่บรรพการ ย้อนกลับในสมัยสุโขทัย จากข้าวหม้อแกงหม้อที่เป็นจุดเริ่มต้นขอแกงไทย สู่ยุคสมัยอยุธยาที่เริ่มมีการผสมผสาน เครื่องเทศและมีการเริ่มใช้กะทิในแกง โดยแต่ละยุคสมัยก็ได้พัฒนาสูตรจนกลายเป็นแกงไทยเลิศรสในปัจจุบัน ที่สำคัญแกงไทยนั้นมีเอกลักษณ์ที่หาประเทศใดเสมอได้ยาก จากความหอมของเครื่องแกงที่มีวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมเป็นส่วนประกอบ ทั้งพริก กะปิ โหระพา หอมแดง กะเทียม ที่โขลกจนเข้ากันกลายเป็นพริกแกงที่แสนจะเผ็ดร้อนและกลมกล่อม จนเป็นที่เลื่องลือว่าอาหารไทยไม่แพ้อาหารชาติใดในโลก เรื่องนี้ได้รับการตอกย้ำโดย กูรูด้านอาหารไทยอย่าง เชฟชุมพล แจ้งไพร ในฐานะเชฟอาหารไทยชื่อดังที่เริ่มเข้าครัวจับตะหลิวตั้งแต่ 3 ขวบ และได้เรียนรู้การทำอาหารไทยอย่างจริงจังเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ เรียกว่าแค่ได้กลิ่นอาหารก็บอกได้แล้วว่าอร่อยหรือไม่ กระทั่งเริ่มทำแกงครั้งแรกตอนเรียนชั้นประถม 1 เพราะต้องช่วยคุณแม่โขลกเครื่องแกง พออายุได้ 11 ปี ก็เริ่มเส้นทางสายเชฟด้วยการทำอาหารให้ลูกค้าได้ลิ้มรส จากประสบการณ์กว่า 30 ปีที่อยู่ในวงการกระทะเหล็ก ทำให้เชฟชุมพลได้ชื่อว่ากูรูเรื่องแกงไทยเป็นลำดับต้นๆและยังรั้งตำแหน่งแฟนพันุ์แท้อาหารไทยด้วย จึงสามารถบอกได้อย่างเต็มปากว่า แกงไทยนั้นไม่ได้ทำง่ายๆ เพราะต้องเข้าใจธรรมชาติของวัตถุดิบทั้งหมด ขนาดข่าที่ปลูก 10 เดือน กับ 15 เดือน ยังให้รสชาติแกงที่ต่างกัน แต่ละขั้นตอนมีความละเอียดอ่อน ทำแกงต้องค่อยๆเจือรสชาติ ไม่ใช่ใส่เครื่องปรุงและวัตถุดิบทุกอย่างลงไปทีเดียว เพราะมีความร้อน มีปฏิกิริยา แม้แต่กะทิก็ต้องแยกหัวกะทิ หางกะทิ นี่คือเสน่ห์ของแกงไทย เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ “อาหารไทยมีพัฒนาการมาโดยตลอด จนวันนี้อาหารไทยกลายเป็นที่รู้จักและขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลก แกงไทยกลายเป็น “Best curry of The world” ด้วยคุณภาพรสชาติและความลงตัวทุกอย่าง ซึ่งเกิดขึ้นจากภูมิปัญญาของคนไทยทั้งสิ้น ส่วนจะให้แกงโดดเด่นขึ้นมาได้ต้องมีเอกลักษณ์ของแต่ละคน” เชฟชุมพลบอกและว่า แกงไทยพื้นฐานมาจากอินเดีย แต่เอกลักษณ์ของอาหารไทย คือมีเครื่องแกงเป็นเครื่องแกงสดที่ต้องผัดให้สุก เหล่านี้คือความพิถีพิถัน ไม่ใช่ใครก็ทำได้ อย่างเช่น มัสมันมีเครื่องเทศถึง 21 ชนิดกว่าจะได้แกงมัสมั่นออกมา และรสชาติแกงไทยจะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น 2 อย่าง คือ 1.ความกลมกล่อมและลงตัว และ 2.เครื่องแกงไทยที่ใช้สมุนไพรซึ่งดีต่อสุขภาพ” เชฟชุมพล บอก “วันนี้สำหรับประเทศไทย คำว่า “ครัวของโลก” ไม่ได้มีแค่อาหารไทยที่ดี แต่คือการมีวัตถุดิบที่ดีที่สุด อย่างมิชลินเชฟทั่วโลกจะให้ความสำคัญของวัตถุดิบก่อน แต่ไม่ว่าจะชาติไหนที่ทำแกงเหมือนไทยแต่เอกลักษณ์ก็สู้เราไม่ได้ เพราะเป็นการรวมตัวด้านวัตถุดิบ ผสมผสานกับภูมิปัญญาและความเป็นไทย จนกลายเป็นเสน่ห์ของแกงที่ทุกคนชื่นชอบ” เชฟชุมพล กล่าว เสน่ห์ของแกงไทยนี้อยู่ในความทรงจำของ หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม ปิ่นโตเถาเล็ก กูรูด้านอาหารและนักชิม จากวันที่พี่เลี้ยงแอบป้อนแกงเขียวหวานเนื้อให้ชิม เมื่ออายุเพียง 1 ด้วยความเอร็ดอร่อยของรสชาติแกงที่กลมกล่อมทำให้จดจำและหลงเสน่ห์แกงไทยมาตั้งแต่นั้น และย้ำว่าเครื่องแกงไทยที่แตกต่างกันไปตามสูตรเฉพาะของแต่ละคนนั่น คือภูมิปัญญาของคนไทย ที่สำคัญคือความละเอียดอ่อนในการปรุง “จำได้ว่าเคยชิมมัสมั่นเนื้อเอ็นน่องที่เคี่ยวกับหางกะทิจนเปื่อยนุ่ม กินแล้วเด้ง เครื่องแกงต้องถึง ทั้งลูกกระวาน ผักชี ยี่หร่า และโรยลูกกะวานกับใบกะวานลงมา ทุกขั้นตอนมีความพิถีพิถันเพื่อให้ได้แกงที่รสเลิศที่สุด” หม่อมหลวงภาสันต์ เล่า ที่สำคัญแกงไทยมีเสน่ห์ แต่ละตำรับ แต่ละวังก็ไม่เหมือนกัน สายแต่ละตระกูลก็ไม่เหมือนกัน อย่างเช่น แกงกะหรี่ไก่ ตำรับของกุ๊กช้อป กุ๊กชาวจีน ที่มาทำงานในสมัย รัชกาลที่ 6 ตามวังต่างๆ ช่วงหลังออกมาทำเองใช้สูตรอาหารไทยผสมจีนผสมฝรั่ง แกงกะหรี่จะออกมารสชาติเขาจะนวลๆ กลมกล่อมมาก หากแต่วันนี้บางร้านต้องปิดตัวลงไปอย่างน่าเสียดาย เพราะคนทำอายุมากแล้วและไม่มีผู้สืบทอด ด้าน เชฟพล ตัณฑเสถียร อดีตนักแสดงและพิธีกรที่ผันตัวเองมาเป็นพ่อครัวแบบเต็มตัว บอกว่า เริ่มหยิบจับเครื่องปรุงมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะชอบดูคนที่ทำอาหารอยู่ในครัว และเมื่อตนเองได้ทำอาหารหลายๆชาติ กลับสังเกตุว่า เวลาที่อยู่เมืองไทยอาหารไทยรสชาติอร่อยที่สุด แม้จะไปเที่ยวเมืองนอกทานอาหารไทยก็ไม่อร่อยเท่าบ้านเรา นั่นเพราะวัตถุดิบที่เติบโตในแผ่นดินของเรา จะได้รสชาติที่ดีที่สุด เหมาะกับภูมิอากาศบ้านเรา ส่วนประกอบต่างๆ ราคาไม่แพง แต่สามารถมาปรุงเป็นแกงไทยแสนอร่อยได้ “ปัจจุบันอาหารไทยไปดังในเมืองนอกมากกว่าบ้านเรา ยกตัวอย่าง Cook Book อาหารไทยดังๆ กลับมีแต่ชื่อเชฟฝรั่ง ดังนั้นเราควรรู้สึกว่าอาหารไทยมีคุณค่าและไม่อยากให้สูญเสียไป และต้องทำให้คนได้รู้เรื่องราวของแกงไทยมากขึ้น ว่าไม่ใช่แค่เนื้อสัตว์มาผสมเครื่องแกง แต่ยังมีภูมิปัญญา มีงานฝีมือ ความละเอียดและมีคุณค่าที่ซ่อนอยู่มากมาย” เชฟพล กล่าว วันนี้อาหารไทยซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งรสชาติ ความละเมียดละไมในการปรุง ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพที่มีในประเทศไทย จนกลายเป็นภูมิปัญญาที่สั่งสมจากรุ่นสู่รุ่น จะไม่ใช่อาหารประจำครัวเท่านั้น เพราะทางซีพีเอฟได้จัดการแข่งขัน “CP สุดยอดแชมป์แกงไทย” เพื่อร่วมอนุรักษ์แกงไทย และยังเป็นการเผยแพร่สูตรแกงและเคล็ดลับอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยเฟ้นหาสุดยอดฝีมือที่รังสรร 5 เมนูแกงไทย ทั้งแกงเขียวหวานไก่ แกงกระหรี่ไก่ มัสมั่นหมู พะแนงหมู และฉู่ฉี่ปลาทับทิม ซึ่งเจ้าของสูตรเด็ดโดนใจจะได้รับรางวัลเมนูละ 1 ล้านบาท กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสืบสานแกงไทย และยังมีการเปิดเผยสูตรเพื่อให้คนทั่วไปนำไปต่อยอดกลายเป็นเมนูประจำบ้าน หรือจะทำขายก็สุดแล้วแต่ ถึงเวลานั้นก็ขึ้นอยู่กับเสน่ห์ปลายจวักของแต่ละคนแล้ว จึงขอเชิญชวนผู้สนใจสมัครร่วมแข่งขันเพื่อช่วยกันสืบสานแกงไทยให้คงอยู่เป็นมรดกวัฒนธรรมของชาติต่อไป... อ่านรายละเอียดได้ที่ www.ซีพีสุดยอดแชมป์แกงไทย.com.

"ปรานต์" เตือน! รร. 9,000 แห่งเสี่ยง / ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว

“ปรานต์ สยามวาลา” นายกสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันภัยพิบัติ จี้คุมตึกสูงในกรุงเทพฯ ให้เร่งแก้ไขแบบอาคารรับมือแผ่นดินไหว เผย “ผู้เชียวชาญญี่ปุ่น” เตือนนักเรียน 3 ล้านคน จาก 9 พันโรงเรียนเสี่ยงได้รับผลกระทบ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 59 นายปรานต์ สยามวาลา นายกสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันภัยพิบัติ ให้สัมภาษณ์ “สยามรัฐ” ถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 6.8 ตามมาตราริกเตอร์ ที่เมืองพุกาม ประเทศเมียนมา ว่า ในอดีตที่เคยเกิดแผ่นดินไหวในเมียนมา แรงสั่นสะเทือนที่ จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับเมียนมา ยังได้รับแรงสั่นสะเทือนน้อยกว่ากรุงเทพฯ 6-7 เท่า เป็นเพราะผลกระทบจากสภาพดินอ่อนของเมืองหลวงไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากสำหรับตึกสูงในกรุงเทพฯ เพราะเพียงไม่ถึงนาทีคลื่นแผ่นดินไหวระยะไกลก็มาถึงแล้ว ปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข คือ ตึกสูงในกรุงเทพฯ ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อป้องกันแผ่นดินไหว อย่างที่ญี่ปุ่นเขาทำมาแล้ว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกรุงเทพฯที่เป็นดินอ่อน แต่เป็นภาคกลางซึ่งที่ลุ่มทั้งหมด เพราะฉนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งออกมาตรการให้มีการแก้ไขปรับปรุงอาคารที่ไม่ได้ออกแบบมารองรับความเสี่ยง นายกสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันภัยพิบัติ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ จ.เชียงราย เมื่อปี 2557 ทางสมาคมฯได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญของโลก คือ มิยาโมโตอินเตอร์เนชันแนล ประเมินความสูญเสียที่สำรวจมาพบบ้าน 475 หลัง วัด 138 และโรงเรียน 56 แห่ง ต้องทุบทิ้งไม่สามารถกลับไปซ่อมแซมเพื่อใช้ได้อีก และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย จริงๆเราควรจะเรียนรู้จากตรงนี้ มิยาโมโตฯ มองว่ามีเด็กนักเรียนประมาณ3 ล้านคนจาก 9,000 โรงเรียนในประเทศไทยสุ่มเสี่ยงกับตัวอาคารที่ไม่รองรับเหตุการณ์แผ่นดินไหว

มูลนิธิคนดีฯ จับมือ ซีพี ออลล์ มอบรางวัล “คนดี ประเทศไทย” ปีที่ 8

มูลนิธิคนดี(ประเทศไทย) ร่วมกับ บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จัดพิธีมอบรางวัล โครงการ “คนดี ประเทศไทย” ปีที่ 8 ประจำปี 2558-2559 เพื่อเชิดชูยกย่องคนดีและสร้างขวัญกำลังใจให้ทำความดียิ่งๆขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สังคม. โดยได้รับเกียรติจาก ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบโล่เกียรติยศ ณ ห้อง 1111 A ชั้น 11 อาคารซีพี ทาวเวอร์ ถ.สีลม นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย กล่าวว่า บริษัทฯ มีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับ มูลนิธิคนดี(ประเทศไทย) และสมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย จัดโครงการมอบรางวัล “คนดีประเทศไทย” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 เพื่อจุดประกายให้ผู้คนในสังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญของการทำความดี และชี้ให้เห็นว่าการทำความดีเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง น่าภาคภูมิใจ ควรจะได้รับการเชิดชูให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคม การทำความดีเป็นเรื่องที่ไม่มีข้อจำกัด ซึ่งในสังคมนี้มีคนที่เป็นคนดีอยู่มากมาย "ในปีนี้ได้มีการมอบรางวัลเพิ่มเติม คือ รางวัลคนดีประเทศไทย สาขาสื่อมวลชน ข่าวส่งเสริมเยาวชนดีเด่น ประจำปี 2559 จำนวน 26 รางวัล เพื่อเชิดชูสื่อมวลชนที่ได้ร่วมเผยแพร่ข่าวสารคุณงามความดีของเยาวชนให้กับสังคมได้รับทราบอย่างทั่วถึง จึงขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัลนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารางวัลนี้จะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญให้ทำความดียิ่งๆขึ้นไปและสร้างความตระหนักในเรื่องการทำความดีให้แก่สังคมมากขึ้น" นายสุวิทย์กล่าว ด้าน นายศิโรจน์ มิ่งขวัญ ประธานมูลนิธิคนดี (ประเทศไทย) และ นายกสมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการมอบโล่ที่ชื่อว่า "วัฏจักร" มีความหมายว่า วัฏจักรแห่งการทำความดี เริ่มจากมีผู้กระทำความดี แล้วสื่อสารมวลชนหยิบยกเอาเรื่องที่ดีมานำเสนอ จากนั้นมีองค์กรมูลนิธินำวีรกรรมที่ดีที่ผ่านการนำเสนอทางสื่อมวลชนมายกย่องเชิดชู โดยมีซีพี ออลล์ให้การสนับสนุน ซึ่งปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการมอบรางวัลสื่อมวลชนส่งเสริมการทำความดี อันเป็นนิมิตรหมายของสี่พลังองค์กร ที่เติมเต็มวัฏจักร เป็นวงล้อที่ขับเคลื่อน การทำความดี อันไม่มีวันสิ้นสุด “รางวัล “คนดี ประเทศไทย” ปีที่ 8 ประจำปี 2558-2559 มีทั้งหมด 5 สาขา คือ 1.สาขาเยาวชน ได้แก่ ด.ช.ธีรพัฒน์ หรือ น้องเจมส์ วงษ์บุญมี อายุ 8 ปี นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนวัดหนองกอไผ่ จ.พิจิตร รับภาระเลี้ยงดูพ่อแม่ที่ป่วยทั้งคู่และต้องอุ้มน้องชาย 1 ขวบ 7 เดือน มาเรียนหนังสือด้วย 2.สาขาประชาชนผู้กล้าหาญ ได้แก่ นายคมกริช เรืองไพศาล จ.นครราชสีมา เป็นพลเมืองดีช่วยจับโจรชิงทรัพย์แม่ค้าแล้วโดนยิงปอดทะลุไขสันหลังจนพิการเดินไม่ได้ตลอดชีวิต ส่วนแม่ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจก็มาเสียชีวิตจากไป 3.สาขาประชาชนสำนึกดี ได้แก่ นายสิริวรรน์ กชเรืองเอี่ยม อายุ 58 ปี ประธานชุมชนคาลเท็กซ์ ถนนพระราม 3 กรุงเทพมหานคร ได้ริเริ่มการทำแปลงเกษตรในเมืองเพื่อสร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้ โดยมุ่งหวังให้เยาวชนหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์และยาเสพติด ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ปัจจุบันนี้ได้มีการประสานงานด้านการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)ในเขตยานนาวาเพื่อเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชน มีนักเรียนกศน.มาเข้าศึกษาในหลักสูตรประมาณ 200 คน 4.สาขาข้าราชการตำรวจ ได้แก่ ด.ต.มานะ จอกโคกสูง วัย 43 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ช่วยเหลือผู้หญิงครรภ์แก่ใกล้คลอดในช่วงการจราจรติดขัดในเขตพื้นที่กทม.และปริมณฑล ในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยทำคลอดให้กับคุณแม่ท้องแก่ไปแล้วจำนวน 47 ราย 5.สาขานักกู้ภัย ได้แก่ นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ หรือ “นคร45” ได้ทำงานช่วยผู้บาดเจ็บและเก็บศพด้วยใจสาธารณะมากว่า 25 ปี” นายมิ่งขวัญ กล่าวทิ้งท้าย ​

สปสช.เผยจุดเปลี่ยนจัดสรรงบปี 60 ลดภาระเบิกจ่าย รพ.คล่องตัวบริการผู้ป่วย

สปสช.เตรียมประกาศเกณฑ์บริหารกองทุน ปี 60 หลังบอร์ดให้ความเห็นชอบ ยกเลิกกันงบผู้ป่วยนอกส่วนหนึ่ง แต่โอนงบทั้งหมดให้ รพ. ส่วนงบผู้ป่วยในจ่ายระดับเขตรายเดือนตามข้อมูลที่ รพ.ส่งเบิก กันงบกรณีเฉพาะไม่เกิน 12% ของงบเหมาจ่ายรายหัว โอนการดูแลเด็กแรกเกิด กลับไปอยู่ในงบเหมาจ่ายตามปกติ และกันเงินไว้ปรับเกลี่ยให้ รพ.สธ. เพื่อหนุนการดำเนินงานหน่วยบริการ ลดปัญหาอุปสรรคการโอนและเบิกจ่ายงบประมาณ แก้ปัญหา รพ.ขาดสภาพคล่อง นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า หลังจากคระกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้ให้ความเห็นชอบประกาศ “หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2560” หลังจากนี้จะมีการนำเสนอต่อ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช.เพื่อลงนามประกาศและให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า บอร์ด สปสช.มีจุดเน้นการจัดสรรงบปี 2560 เพื่อให้หน่วยบริการมีความคล่องตัวในการให้บริการมากขึ้น ลดวิกฤติการเงิน ลดภาระ ความยุ่งยากในการทำงาน ตลอดจนลดอุปสรรคที่จะทำให้เกิดปัญหาลง และเพิ่มกลไกให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนหน่วยบริการให้การรักษาและดูแลประชาชนอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน ประเด็นที่มีการปรับเปลี่ยนมีดังนี้ งบผู้ป่วยนอก เดิมมีการกันงบส่วนหนึ่งเพื่อจัดสรรให้กับหน่วยบริการตามการให้บริการ เป็นการสนับสนุนการจัดทำระบบข้อมูล แต่เพื่อให้งบส่งไปยังหน่วยบริการเพิ่มขึ้นและรวดเร็วขึ้น ในปีนี้จะโอนงบผู้ป่วยนอกทั้งหมดให้กับหน่วยบริการ และจะมีการปรับปรุงตัวชี้วัดอื่นเพื่อประเมินการบริการแทน พร้อมกันนี้ได้ปรับให้ใช้ข้อมูลประชากร ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 เป็นตัวแทนการจ่ายทั้งปี ซึ่งจะทำให้จำนวนงบประมาณที่หน่วยบริการได้รับมีความชัดเจนและได้รับงบประมาณอย่างรวดเร็วขึ้น งบผู้ป่วยในทั่วไป ปรับการบริหารโดยจ่ายงบระดับเขตรายเดือนตามข้อมูลที่หน่วยบริการส่งมาแต่ละเดือน ซึ่งหน่วยบริการจะได้รับเงินตามที่เบิกจ่ายในเดือนนั้นไม่ต้องรอเหมือนในอดีต โดยจะมีการส่งข้อมูลกลับให้หน่วยบริการในแต่ละเขตได้รับทราบบริการที่เกิดขึ้นในเขตเพื่อให้หน่วยบริการประเมินคุณภาพของตนเอง งบบริการกรณีเฉพาะ โดยปี 2560 ได้จำกัดวงเงินที่ชัดเจนไม่เกินร้อยละ 12 ของงบเหมาจ่ายรายหัว เพื่อลดความกังวลของหน่วยบริการว่าจะมีการกันเงินที่ส่วนกลางมากไป โดยปีนี้ยังได้ลดการจัดสรรกองทุนเฉพาะในการดูแลเด็กแรกเกิด ให้กลับไปอยู่ในงบเหมาจ่ายตามปกติ ขณะที่การบริการผ่าตัดตาต้อกระจกพร้อมเลนส์แก้วตาเทียมให้กำหนดเป้าหมายบริการระดับเขต และเน้นการควบคุมคุณภาพโดยเฉพาะผู้ป่วยที่ตาบอดจากต้อกระจก ขณะที่การบริการรักษาโรคหลอดเลือดโคโรนารีผ่านสายสวน และการบริการผ่าตัดข้อเข่าเทียม จะเน้นการมีส่วนร่วมของหน่วยบริการทุกสังกัดในการจัดระบบลงทะเบียนรอการผ่าตัด โดยจ่ายให้หน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนที่ได้คุณภาพที่เป็นหน่วยบริการรับส่งต่อ งบบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค หน่วยบริการสังกัด สป.สธ. ให้ใช้ประชากร ณ วันที่ 1 ก.ค. 2559 เป็นตัวแทนการจ่ายงบทั้งปี เช่นเดียวกับงบผู้ป่วยนอกเพื่อให้งบประมาณถึงหน่วยบริการรวดเร็วขึ้น งบบริการการแพทย์แผนไทย มีการปรับเพิ่มตามนโยบายนายกรัฐมนตรีที่ให้สนับสนุนการแพทย์แผนไทย โดยได้ปรับเพิ่มจาก 10.77 บาท เป็น 11.61 บาทต่อผู้มีสิทธิ งบบริหารจัดการค่าบริการผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ของหน่วยบริการสังกัด สป.สธ. ให้มีการกันงบไว้ไม่เกิน 1,900 ล้านบาท เพื่อการปรับเกลี่ยงบระดับประเทศ เขต และจังหวัด นอกจากนี้ยังกันงบไว้ไม่เกิน 7,700 ล้านบาท สำหรับการปรับเกลี่ยเพิ่มงบเหมาจ่ายให้กับโรงพยาบาลที่มีปัญหาขาดทุนมาโดยตลอด โรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร เสี่ยงภัย พื้นที่เป็นเกาะ และประชากรน้อย ซึ่งมีประมาณ 200 แห่ง เพื่อแก้ไขปัญหางบไม่เพียงพอ งบการจ่ายตามเกณฑ์คุณภาพผลงานบริการ มีตัวชี้วัดกลางจำนวนไม่เกิน 10 ตัว และระดับเขตสามารถเพิ่มเติมได้ไม่เกิน 5 ตัว นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ส่วนงบการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่ส่วนกลาง ซึ่ง คตร.ได้เคยมีคำสั่งไม่ให้ สปสช.ดำเนินการ แต่ให้ดำเนินการขออนุมัติเป็นครั้งไป และภายหลังได้มอบให้ รมว.สาธารณสุขเป็นผู้อนุมัติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมรายการยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต้องจัดซื้อส่วนกลางเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลประชาชน โดยดำเนินการผ่านองค์การเภสัชกรรม อาทิ ยาต้านไวรัสเอดส์ ยากำพร้า ยาต้านพิษ ยาบัญชี จ.2 น้ำยาล้างไต ถุงยางอนามัย และข้อเข่าเทียม เป็นต้น นอกจากนี้ในส่วนการจัดสรรงบตามคำสั่ง ม.44 ทั้งค่าบริการทางการแพทย์ที่เบิกจ่ายในลักษณะงบลงทุน และเงินช่วยเหลือเบื้อต้นผู้ให้บริการ ซึ่งได้มีการเงินจำนวน 0.10 บาทต่อผู้มีสิทธิ ให้เป็นไปตามที่ รมว.สาธารณสุขประกาศโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังซึ่งจะทำให้ขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดีขึ้น “การจัดทำประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2560 นี้ สปสช.จัดสรรตามข้อเสนอ, คณะกรรมการร่วม สธ.-สปสช. 7x7, คณะกรรมการแก้ปัญหา รพ.ขาดทุน, ประกาศ ม.44, ข้อเสนอจากเวทีรับฟังความเห็นทั่วประเทศ และ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานหน่วยบริการ แก้ไขปัญหาอุปสรรคการโอนและเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะโรงพยาบาลสังกัด สป.สธ.ที่มีปัญหาสภาพคล่อง ทั้งยังส่งผลต่อการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการดูแลประชาชนให้เข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึงและครอบคลุม” รองเลขาธิการ สปสช.กล่าว

สิ่งที่พ่อ-แม่ควรรู้ ก่อนให้ลูกรู้จักท่องโลกโซเชียล!!

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนแทบทุกคน โดยเฉพาะกับพวกเด็ก ๆ ที่หลงไปกับในโลกโซเชียลได้ง่ายมาก เพราะมีแต่สิ่งบันเทิงให้ความสนุกสนาน แต่ก็อย่างที่คุณพ่อคุณแม่รู้กัน ว่าโลกโซเชียลก็แฝงไปด้วยยาพิษที่แสนอันตรายมากมาย หากให้ลูกรักเล่นโดยไม่ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง บอกเลยว่าเขาอาจจะหลงไปเจอกับสิ่งที่ไม่ดีได้ ฉะนั้นก่อนที่จะให้ลูกรู้จักท่องโลกโซเชียล คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ รับรองว่างานนี้จะได้สบายใจ แถมลูกรักก็จะได้ใช้โซเชียลอย่างปลอดภัยด้วย สร้างความเข้าใจให้กับลูก ก่อนที่จะให้ลูกรักของคุณรู้จักกับโลกโซเชียล คุณก็ควรจะสอนและสร้างความเข้าใจให้เขาก่อนเป็นอันดับแรก ควรบอกเขาว่าไม่ควรแชทคุยกับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่เพื่อน ที่สำคัญเลยคือไม่ควรไปนัดเจอกันในชีวิตจริง และไม่ควรแชร์โลเคชั่นว่าตัวเองอยู่ไหนให้ใครรับรู้ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอันตรายกับตัวลูกเองได้ นอกจากนี้ควรบอกให้เขาเข้าใจเกี่ยวกับพวกเกรียนในโลกโซเชียล ที่ชอบเที่ยวพูดจาหยาบคาย ว่าอย่าให้เขาไปสนใจ และที่สำคัญคืออย่าลอกเลียนแบบพฤติกรรมตาม เล่นโซเชียลกับลูก ลองสังเกตดูว่า ปกติแล้วลูกของคุณเล่นอะไรบ่อย ๆ บ้าง หากเล่นเฟซบุ๊ก ไลน์ หรืออินสตาแกรม ก็ลองสร้างแอคเคาท์ของคุณเองมาแล้วลองเข้าไปสอดส่องลูกคุณดูสิ จะได้เห็นว่าเพื่อนฝูงที่ลูกคบอยู่ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ลูกโพสต์ลงในโซเชียลยังโอเคอยู่หรือไม่ มีลิมิตในการเล่นโซเชียล การเล่นโซเชียลมีข้อดีก็จริง แต่ไม่ควรให้ลูกของคุณหมกมุ่นอยู่กับมันทั้งวัน เพราะนอกจากจะทำให้เขาติดโซเชียลงอมแงมแล้ว การเพ่งจอทั้งวันก็ยังทำให้สายตาเสียอีกด้วย ทางที่ดีควรทำข้อตกลงกันไว้ว่า จะให้เล่นตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง แล้วควรแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรจะหากิจกรรมอื่น ๆ ให้เขาทำด้วยนะคะ เวลาเล่นอย่าให้ห่างสายตา ไม่ว่าลูกจะเล่นโซเชียลผ่านแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ คุณก็ไม่ควรให้เขายกเข้าไปเล่นแอบ ๆ ในห้องคนเดียว แต่ควรให้เขานั่งเล่นที่มุมรับแขก ที่มีคนในบ้านนั่งอยู่ข้าง ๆ คอยเป็นหูเป็นตาอยู่ตลอดเวลาด้วย แนะนำแหล่งข้อมูลที่มีสาระ ถึงยังไงโซเชียลมีเดียก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไปค่ะ เพราะถ้าเล่นให้ถูกก็จะพบว่า มีสาระความรู้ที่น่าสนใจมากมายอัดแน่นเต็มไปหมด ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจจะแนะนำแหล่งข้อมูลดี ๆ เว็บไซต์ เว็บเพจ ที่เต็มไปด้วยสาระมากมายให้เขาก็ได้ บอกเลยว่าบางทีการเล่นโซเชียลอย่างถูกวิธีแบบข้อนี้ อาจจะทำให้เขาเก่งและมีความรู้มากมายโดยไม่ต้องหาหนังสือมาอ่านเลยก็ยังได้ ปรึกษาผู้ปกครองคนอื่น ๆ หากกลัวว่าลูกของคุณจะได้รับอันตรายจากการเล่นโซเชียลละก็ อาจจะลองพูดคุยปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่ของเด็กคนอื่น ๆ ดูบ้าง ว่าแต่ละบ้านมีวิธีดูแลลูกที่ชอบเล่นโซเชียลอย่างไร บางทีคุณอาจจะเจอไอเดียดี ๆ ที่เอาไปปรับใช้กับบ้านตัวเองได้ด้วยนะ หากให้เด็ก ๆ เล่นโซเชียลกันอย่างถูกวิธีแล้วละก็ งานนี้เขาจะได้รับประโยชน์ และสาระความรู้มากมาย ฉะนั้นเริ่มที่ตัวของคุณเองก่อนเลยค่ะ

พลาดไม่ได้ !!6 โทนสีแต่งบ้านตามหลักอวงจุ้ย ที่ผู้เชี่ยวชาญการันตีดีจริง

6 โทนสีแต่งบ้านตามหลักอวงจุ้ย ที่ผู้เชี่ยวชาญการันตีว่าดีจริง หลายคนถึงกับส่ายหัวเมื่อพูดถึงเรื่องการเลือกสีแต่งบ้าน กว่าจะเลือกสีที่สวยถูกใจและลงเป็นมติเอกฉันท์ก็ยากพอตัว แต่เชื่อเถอะว่าอะไร ๆ จะง่ายขึ้นหากนำไปเทียบเคียงกับหลัก "ฮวงจุ้ย" ศาสตร์แต่งบ้านตามตำราจีนที่ว่าด้วยเรื่องของการเสริมมงคลให้กับชีวิต ทั้งด้านโชคลาภ สุขภาพ บารมี หน้าที่การงาน ฯลฯ เพราะนอกจากจะช่วยให้การตัดสินใจเรื่องสีง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นด้วย ซึ่งสีแต่งบ้านที่ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยแนะนำไว้มีดังนี้ค่ะ 1. สีขาว โทนสีที่คนส่วนใหญ่เลือกมาแต่งบ้านมากที่สุด เพราะเป็นโทนสีกลางที่ดูสบาย สะอาดตา เข้ากับโทนสีอื่นได้ง่าย ทั้งยังช่วยพรางตาให้บ้านเล็ก ๆ แคบ ๆ ดูกว้างชวางยิ่งขึ้น และมีความหมายในทางบวก เหมาะกับคนที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในหน้าที่การงาน อาทิ นักออกแบบ ครีเอทีฟ หรือศิลปินในแขนงต่าง ๆ โดยการใช้สีขาวตกแต่งบ้านในด้านทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศเหนือ เพื่อนำมาซึ่งความสว่างและสง่างามให้กับบ้านของเราค่ะ 2. สีเทา (เทาหม่นหรือควันบุหรี่) สีแต่งบ้านที่หลายคนคิดว่า จะทำให้บ้านดูแคบลงหรือเปล่า ซึ่งจริง ๆ แล้วก็อยู่กับเทคนิคในการตกแต่งด้วย เช่น โทนสีเทาอ่อน ๆ ก็จะช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้นได้ หรือทาผนังเพียงด้านใดด้านหนึ่งของห้องนั้น ๆ เช่น ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือหรือทิศตกวันตกเฉียงใต้ เพราะเป็นทิศของโลกที่จะช่วยส่งเสริมความสามัคคีในครอบครัว ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง และสร้างครอบครัวที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำ 3. สีเหลือง (สีครีม สีเบจ สีทอง) อีกหนึ่งโทนสีที่ผสมผสานเข้ากับสีอื่น ๆ ได้ไม่ยากนัก และเนรมิตบรรยากาศภายในห้องให้มีความอบอุ่น นุ่มนวล หากนำไปตกแต่งบ้านก็จะส่งผลดีในด้านความสัมพันธ์และความมั่นคงในชีวิต โดยแนะนำให้ใช้ในส่วนที่หันไปทางทิศเหนือ ทิศตะวันตก ถ้าบ้านไหนอาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวขยาย มีเด็ก ๆ ที่อยู่ในช่วงวัยเรียน ให้เน้นโทนสีเหลืองเข้ม ๆเป็นหลัก เพราะสีนี้เด่นเรื่องความฉลาดและส่งเสริมเรื่องการศึกษาค่ะ 4. สีเขียว โทนสีเย็นที่ทำให้บรรยากาศในบ้านสงบ สบาย รู้สึกถึงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และเหมือนอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งในทางฮวงงจุ้ย สีเขียว หมายถึงความร่ำรวย สุขภาพ และการเจริญเติบโต ที่รวมไปถึงความเจริญงอกงาม ก้าวหน้า ของธุรกิจ เหมาะสำหรับตกแต่งบ้านทิศตะวันออกและหน้าบ้านทิศใต้ 5. สีฟ้า โทนสีที่มาพร้อมกับความสดใส มองไปทางไหนก็รู้สึกสดชื่น เปลี่ยนบรรยากาศจืด ๆ ให้มีชีวิตชีวา โปร่ง โล่ง สบาย และกลายเป็นอีกหนึ่งโทนสีที่หลายคนเลือกใช้ ถ้าจะให้ดีควรตกแต่งบ้านทิศเหนือ ทิศตะวันออก และหน้าบ้านทิศใต้ เพราะจะช่วยเสริมสิริมงคลด้านการงาน การเงิน และดึงดูดโอกาสดี ๆ เข้ามาในชีวิต 6. สีน้ำตาล โทนสีคลาสสิกที่ให้ความรู้สึกนิ่งขรึม แต่ก็แฝงไปด้วยความเก๋ไก๋ ไม่ว่าจะจับคู่กับสีอะไรสามารถเข้ากับสีอื่นได้อย่างลงตัว ทั้งยังให้ความรู้สึกที่ดูอบอุ่น สบายตา เหมาะกับการตกแต่งบ้านทิศตะวันออกและทิศใต้ เพราะทั้ง 2 ทิศนี้จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวและการมีสุขภาพที่สมบูรณ์ แข็งแรง จึงเหมาะมากสำหรับบ้านที่มีเด็กและผู้สูงอายุ เชื่อว่าหลายคนคงมองปฏิทินเตรียมทาสีบ้านกันใหม่ อย่างไรก็ต้องดูแลเรื่องการให้เวลาและมอบความสุขให้กับคนในบ้านด้วยนะคะ เพราะไม่ว่าสีไหนก็ช่วยให้เรามีความสุขที่สุดไม่ได้นอกจากความรักและใส่ใจค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก ...พฤกษา

ระวัง!คอเกมโปเกมอนสุขภาพย่ำแย่แนะวิธีบำบัดตัวเอง

โปเกมอน โก เล่นมากไปอาจทำให้ป่วย มาดูเรื่องที่ต้องระวัง พร้อมท่าบริหารแก้ปวดเมื่อยง่าย ๆ สำหรับนักล่าโปเกมอน กระแสของเกมที่มาแรง ณ นาทีนี้และกำลังเป็นที่กล่าวขานในวงกว้างทุกเพศ ทุกวัย นั่นคือ เกมโปเกมอน โก (Pokémon Go) เกมบอย ยุค 90 ที่เคยโด่งดัง ที่ปัจจุบันถูกพัฒนาให้มาโลดแล่นอยู่ในสมาร์ทโฟน แม้ว่าเกมโปเกมอน โก จะทำให้หลาย ๆ คน ลุกขึ้นขยับออกมาเดิน เพื่อตามล่าโปเกมอน และบรรดาของแจกที่อยู่ระหว่างทางเดินร่วมหลายกิโลเมตรนั้น ทว่าการก้มอย่างใจจดจ่อบนหน้าจอมือถือเป็นเวลานาน ๆ นำมาซึ่งอาการปวดคอ และยังมีแนวโน้มว่าคนไทยจะมีภาวะติดจอเพิ่มมากขึ้นจากเดิม ภาพจาก เครือข่ายคนไทยไร้พุง รายงานผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2558 (Thailand Internet User Profile 2015) โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA พบว่า คนไทยใช้งานโทรศัพท์มือถือในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เฉลี่ย 5.7 ชั่วโมงต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจได้ว่าขณะนึ้คนไทยจะใช้งานมือถือและอยู่หน้าจอโทรศัพท์นานกว่าค่าเฉลี่ยต่อวัน เพื่อตามล่าหาโปเกมอนให้ได้ตามเป้าหมาย ด้าน โค้ชแม็ก-เตชิต เสิศอเนกวัฒนา นักวิทยาศาสตร์การกีฬา จากเครือข่ายคนไทยไร้พุง สสส. กล่าวถึงผลกระทบด้านสุขภาพที่จะเกิดขึ้นกับผู้เล่นเกมโปเกมอน โก ว่า คนส่วนใหญ่คิดว่าเกมนี้ทำให้คนออกกำลังกายด้วยการเดินมากขึ้น เพื่อตามล่าหาเจ้าตัวโปเกมอนในจุดสำคัญ ๆ ที่เรียกว่า PokéStop และตามเก็บของแจกในเกมระหว่างทาง แต่ในขณะเดียวกัน เกมบังคับให้เราก้มมองจอตลอดเวลา เพื่อดูว่าโปเกมอนอยู่ตรงไหน จะมีช่วงเวลาปกติที่ฟังเสียงหรือการสั่นเตือนได้โดยไม่ต้องมองจอ แต่ก็มีจุดกดรับของเกือบตลอดทางอยู่ดี และค่อนข้างใช้เวลาก้มมองหน้าจอมือถือนานพอสมควร และทำให้เกิดอาการปวดคอ ซึ่งเป็นภาวะรูปแบบหนึ่งของออฟฟิศซินโดรม "เวลาที่ก้มหน้าเล่นเกมเป็นเวลานาน ๆ และต่อเนื่องหลายชั่วโมง นำมาสู่อาการปวดคอ ซึ่งกล้ามเนื้อจะดึงศีรษะ เกิดการหดเกร็ง จนเกิดอาการปวดเมื่อยซึ่งเป็นอาการของออฟฟิศซินโดรม นอกจากนี้แล้วยังส่งผลถึงบุคลิกภาพด้วย เมื่อเราก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์นาน ๆ จะเกิดอาการเกร็ง และห่อไหล่ และอาการคอยื่น (Forward head posture) คือกระดูกสันหลังส่วนคอยื่นออกไปข้างหน้ามากกว่าปกติ เกือบทุกคนที่เล่นเกมนี้คือหลังค่อม คอยื่น ส่งผลต่อบุคลิกภาพโดยตรงด้วย และที่สำคัญที่สุด ภาวะติดจอเป็นปัญหาและข้อเสียหลัก เราต้องพยายามห่างจากหน้าจอ เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพรูปแบบอื่น ตามที่ สสส. แนะนำ" โค้ชแม็ก กล่าว นอกจากนี้โค้ชแม็ก ยังให้คำแนะนำสำหรับผู้เล่นเกมโปเกมอน โก ว่า ควรพักสายตาด้วยการหลับตา หรือมองไประยะไกล ๆ เพื่อผ่อนคลายสายตา จำกัดเวลาเล่นของตัวเองตามความเหมาะสม และควรยืดเหยียดส่วนคอ หน้าอก และหลัง ด้วยท่าบริหารง่าย ๆ ดังนี้ 1. บริหารคอ : นำมือ 2 ข้างประสานที่หน้าอก นำนิ้วโป้งมาชนกันแล้วดันคางขึ้น ลำตัวตั้งตรงและศีรษะแหงนมองเพดาน ค้างไว้ 10-15 วินาที ทำซ้ำ 3 รอบ 2. บริหารหน้าอก : นำมือ 2 ข้างประสานที่หลัง เปิดหัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง ยืดหลังให้ตรง และยกมือที่ประสานให้สูงขึ้น ค้างไว้ 10-15 วินาที ทำซ้ำ 3 รอบ 3. บริหารหลัง : นำมือ 2 ข้างประสานที่ด้านหน้า แล้วดึงตัวไปด้านหลัง ให้ยืดช่วงลำตัว ค้างไว้ 10-15 วินาที ทำซ้ำ 3 รอบ นอกจากผลกระทบด้านสุขภาพข้างต้นแล้ว ยังมีอันตรายจากอุบัติเหตุ อาชญากรรม ฯลฯ ที่ผู้เล่นควรระวังและใส่ใจ เล่นเกมอย่างพอดีและมีสติ แบ่งเวลาชีวิตและหน้าที่ให้เหมาะสมด้วยค่ะ หากอยากรู้ว่าเราควรออกกำลังกายพิชิตออฟฟิศซินโดรมอย่างไร ตามไปอ่านต่อได้ที่ เครือข่ายคนไทยไร้พุง ได้เลย ขอขอบคุณข้อมูลจาก...สสส.