กรุงไทยตอกย้ำความสำเร็จโอนเงินกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เปิดให้บริการเพิ่มอีก 2 สกุลเงิน "สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ดีแรห์ม" และ "กาตาร์ริยัล"  

กรุงไทยตอกย้ำความสำเร็จโอนเงินกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง พร้อมเปิดให้บริการเพิ่มอีก 2 สกุลเงิน "สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ดีแรห์ม" และ "กาตาร์ริยัล"  

ธนาคารกรุงไทย เปิดให้บริการโอนเงินต่างประเทศสกุลท้องถิ่นในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เพิ่มอีก 2 สกุลเงินคือ "สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ดีแรห์ม" และ "กาตาร์ริยัล"  ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความสำเร็จหลังนำร่องให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศสกุลเงินซาอุดิอาราเบียริยัล

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ ธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน โดยสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อยกระดับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ซึ่งจากกระแสตอบรับที่ดีของลูกค้าที่ใช้บริการโอนเงินระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินซาอุดิอาราเบียริยัลในปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ตระหนักถึงความสำคัญของการทำธุรกรรมการค้าระหว่างกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยเปิดให้บริการโอนเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินท้องถิ่นเพิ่มอีก 2 สกุลเงิน ประกอบด้วย

1.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ดีแรห์ม (United Arab Emirates Dirham : AED) เพื่อสนับสนุนความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เริ่มในปีที่ผ่านมา สำหรับสินค้าไทยในการขยายโอกาสทางการค้าไปตลาด UAE ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 6 ของไทย ด้วยมูลค่าการค้าปีล่าสุดที่มากถึง 6.8 แสนล้านบาท อีกทั้งยังมีกำลังซื้อสูงและจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังมีนโยบายการลงทุนที่เปิดกว้าง เป็นเป้าหมายในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ 

2.กาตาร์ริยัล (Qatari Riyal : QAR) เพื่อรองรับการทำธุรกรรมการค้ากับประเทศกาตาร์ ที่ปีล่าสุดมีมูลค่าสูงกว่า 1.3 แสนล้านบาท โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ และยานยนต์ รวมถึงนักท่องเที่ยวกาตาร์ที่นิยมเดินทางมารักษาพยาบาลในประเทศไทย นอกจากนี้ยังสนับสนุนแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในประเทศกาตาร์ และต้องการส่งรายได้กลับมายังประเทศไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริการโอนเงินระหว่างประเทศด้วย 3 สกุลเงินท้องถิ่นดังกล่าว ช่วยลดความเสี่ยงค่าเงิน เพิ่มความสะดวก ปลอดภัย ถึงผู้รับปลายทางรวดเร็ว ด้วยอัตราค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม รองรับทั้งลูกค้ากลุ่มนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา ผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://krungthai.com/link/middle-east-transfer-pr หรือ Krungthai Contact Center โทร. 02-111-1111

#กรุงไทย #โอนเงิน #ข่าววันนี้ #ตะวันออกกลาง 

 

 

เช็กที่นี่! แนวทางลดความเสี่ยงตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพยุคใหม่ ย้ำโปรแกรมแฮกสแกนหน้าใช้ไม่ได้มีคำตอบ

เช็คที่นี่! แนวทางลดความเสี่ยงตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพยุคใหม่ ย้ำโปรแกรมแฮกสแกนหน้าใช้ไม่ได้ ยันแอปฯธนาคารปลอดภัย ต้องสแกนหน้าโอนเงินเกิน 5 หมื่นบาททุกครั้ง  

จากกรณีที่ปรากฏข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมโปรแกรมเมอร์ขายโปรแกรม เพื่อโอนเงินและปลดล็อกการสแกนใบหน้าในแอปฯ เพื่อทำให้การโอนเงินสามารถโอนผ่านโปรแกรมและให้ยกเลิกเงื่อนไขการสแกนใบหน้า ในกรณีที่มีการโอนเงินที่มีจำนวนตั้งแต่ 50,000 บาท สมาคมธนาคารไทย โดยศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) รับทราบเรื่องและได้ตรวจสอบระบบของภาคธนาคารแล้ว ขอชี้แจงดังนี้ 

1.โปรแกรมดังกล่าวไม่สามารถใช้กับบัญชีลูกค้าทั่วไปได้  เนื่องจากโปรแกรมจะใช้งานได้จะต้องมีข้อมูลของเจ้าของบัญชีทั้งหมด ทั้งข้อมูลส่วนบุคคล คือ เลขที่บัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรประชาชน  ซิมโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ที่ใช้กับโมบายแบงกิ้ง ข้อมูลการยืนยันตัวตน ทั้ง รหัส PIN โมบายแบงกิ้ง  รหัสผ่านใช้งานครั้งเดียว (OTP) และการสแกนใบหน้า จากกรณีที่เป็นข่าวพบว่า มิจฉาชีพได้ใช้โปรแกรมนี้ อำนวยความสะดวกในการโอนเงินจากบัญชีม้า โดยความยินยอมของเจ้าของบัญชีม้า ทำให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของบัญชีทั้งหมด จึงทำรายการได้ 

2.การโอนเงินตั้งแต่ 50,000 บาท ต่อครั้ง และ 200,000 บาทต่อวัน ยืนยันว่า ยังต้องยืนยันตัวตนโดยสแกนใบหน้า  ซึ่งธนาคารมีระบบตรวจสอบความถูกต้องของการสแกนใบหน้า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด โดย กรณีของมิจฉาชีพรายนี้ พบว่า เป็นการหลบเลี่ยงรายการโอนเงิน เพื่อไม่ให้เข้าเงื่อนไขสแกนใบหน้า 

3.ระบบโมบายแบงกิ้งของทุกธนาคารมีความปลอดภัย และมีเสถียรภาพ  ธนาคารพาณิชย์ให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยของผู้ใช้งาน โดยมีการลงทุนพัฒนายกระดับความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้งานโมบายแบงกิ้งเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและปลอดภัย จึงขอให้ลูกค้าประชาชนมั่นใจว่า ระบบโมบายแบงกิ้งของทุกธนาคารมีความปลอดภัยสูง

สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ตระหนักถึงภัยทางการเงินที่มีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและจัดการภัยทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้ง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน     (ปปง.) และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้สามารถบริหารจัดการภัยทางการเงินได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
 
สำหรับมาตรการในการแก้ปัญหาบัญชีม้า สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการขยายผลอย่างต่อเนื่องเพื่อเอาผิดกับผู้กระทำผิด ซึ่งเจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 

​อย่างไรก็ตาม ลูกค้าและประชาชน ควรต้องติดตามข้อมูลและปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันภัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงการตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพ ดังนี้

• ไม่ดาวน์โหลดโปรแกรมจากแหล่งอื่น นอกจากแหล่งที่ได้รับการควบคุมและรับรองความปลอดภัยจากผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่เป็น Official Store อาทิ Play Store หรือ App Store เท่านั้น

• ไม่เปิดเผยรหัสผ่านเข้าโมบายแบงก์กิ้ง รวมถึงรหัสผ่านใช้งานครั้งเดียว (OTP) กับบุคคลอื่น

• ไม่สแกนใบหน้า หรือยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก

• ไม่กดลิงก์จาก SMS แปลกปลอม โดยภาคธนาคารไม่มีนโยบายส่งข้อความ SMS ที่แนบลิงก์ทุกชนิด หรือมีข้อความให้แอด Line ID หากได้รับ SMS ดังกล่าว อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด

• ควรสังเกตโล่ ที่อยู่ด้านหน้า Line account เสมอ ซึ่งมีโล่สีเขียว หรือน้ำเงินเข้ม เท่านั้น

• หากมีข้อสงสัยเรื่องการทำธุรกรรมใดๆ ควรโทรกลับไปที่หน่วยงานต้นสังกัดที่ถูกแอบอ้างด้วยตนเองเพื่อตรวจสอบข้อมูลเสมอ

หากพบธุรกรรมผิดปกติหรือมีข้อสงสัย ขอให้ติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารที่ลูกค้าใช้งานทันที เพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรม โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด หรือ แจ้งไปยังสายด่วน 1441 ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ที่พร้อมให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาภัยออนไลน์ 

ทั้งนี้ขอแจ้งเตือนไปยังเจ้าของบัญชีที่ยินยอมให้มิจฉาชีพนำบัญชีของตนไปใช้เป็นบัญชีม้าว่า ขณะนี้สมาคมธนาคารไทยกำลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินการขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการทางคดีกับผู้กระทำความผิดตาม พระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ซึ่งระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

#บัญชีม้า #มิจฉาชีพ #สมาคมธนาคารไทย #สแกนหน้า #โอนเงิน #โปรแกรมเมอร์


 

ป้องกันระบบโอนเงินล่มวันหวยออก สมาคมธนาคารไทยถก "ธปท.-NITMX" จ่อลงทุนเพิ่มแยกธุรกรรมพื้นฐาน-ธุรกรรมพิเศษ

สมาคมธนาคารไทยถก "ธปท.-NITMX" จ่อลงทุนเพิ่มแยกธุรกรรมพื้นฐาน-ธุรกรรมพิเศษ ป้องกันระบบล่มวันหวยออก

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย (TBA) เปิดเผยว่า กรณีปัญหาข้อขัดข้องในระบบบริการโอนเงินไปต่างธนาคาร ซึ่งส่งผลต่อการทำธุรกรรมโอนเงินไปต่างธนาคารผ่านช่องทาง Mobile Banking, Internet Banking เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบพบว่า เป็นการขัดข้องทางเทคนิคชั่วคราวที่เรียกว่า เฟลโอเวอร์ ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทาง internet ได้ชั่วคราว ไม่ใช่เกิดจากระบบล่มแต่อย่างใด เนื่องจาก capacities ของระบบที่รองรับได้ อยู่ที่ 10,000 transaction/วินาที แต่ขณะเกิดปัญหาขัดข้องมีการใช้งานสูงจากกิจกรรมพิเศษคือ เป็นวันหวยออก และวันสิ้นเดือน ทำให้เกิดการโยนคำสั่งได้ในปริมาณจำกัด จึงเกิดการขัดข้องทางเทคนิค โดยจะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (NITMX) ในเรื่องของการแก้ไขระบบความขัดข้องของระบบการโอนเงินผ่านโมบายแบงกิ้งที่มีปัญหาในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะมีการขยาย หรือแยกกิจกรรมพิเศษออกจากการโอนเงินปกติ คาดว่า ภายใน 1-2 เดือนจะแล้วเสร็จ

"เบื้องต้นการหารือจะเป็นวิธีการจัดการแยกธุรกรรมพื้นฐาน และธุรกรรมพิเศษเช่น ในวันหวยออก โดยเฉพาะในวันที่ 1 และ 16 ของเดือน เป็นต้น เนื่องจากระบบเกิดการชำรุด ซึ่งจะต้องดูว่าหากมีการแยกธุรกรรมออกจากกัน อาจจำเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม และต้องพิจารณาว่าการลงทุนเพิ่มนั้นสามารถตอบโจทย์หรือไม่ ภายใน 1-2 เดือนน่าจะมีความชัดเจนว่าเราจะต้องมีการแยกระบบการโอนเงินพื้นฐานออกจากธุรกรรมพิเศษอย่างไร โดยเฉพาะธุรกรรมโอนเงินข้ามธนาคารที่มีปัญหามากกว่าโอนภายในธนาคารเดียวกัน เพราะวันนี้ระบบการโอนเงินเปรียบเหมือนท่อน้ำ 3 สาย ซึ่งสายที่ 1 ชำรุดก็ต้องโอนน้ำไปให้สายที่ 2 และ 3 แต่บังเอิญว่าท่อน้ำสายที่ 2, 3 ธุรกรรมก็เยอะ ทำให้ระบบข้อต่อที่จะส่งผ่านชำรุด ซึ่งต้องดูว่า จะมีการลงทุนเพิ่มหรือไม่"

 


 

รีบไปแบงก์! พรุ่งนี้ 4 ก.ค.66 "SCB" เตือนลูกค้าโอนเงิน-ปรับวงเงินต้องสแกนหน้าก่อนทำธุรกรรม

วันที่ 3 ก.ค.66 ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศผ่านเพจเฟสบุ๊ก "SCB Thailand" ว่า พรุ่งนี้เริ่มแล้ว รีบไปยืนยันตัวตนด่วน! ก่อนเจอปัญหาโอนเงินหรือปรับวงเงินโอนไม่ได้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.66 เป็นต้นไป

รีบเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ สำหรับการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า เมื่อทำธุรกรรมดังต่อไปนี้ ผ่านแอป SCB EASY

1.ปรับเพิ่มวงเงินให้โอนได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป

2.โอนเงินไปยังบุคคลอื่นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อครั้ง

3.มูลค่ารวมของธุรกรรมโอนเงินทุกๆ 200,000 บาท ภายใน 1 วัน

กรุณานำบัตรประชาชนไปอัปเดตข้อมูลของให้ท่านให้เป็นปัจจุบัน และถ่ายรูปใบหน้าได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขาทั่วประเทศ สำหรับธุรกรรมโอนและปรับวงเงินโอนยอดต่ำกว่าปริมาณที่กำหนด ท่านยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.scb.co.th/.../eas.../pre-biometric-security.html

 

รีบเลย! 27 มิ.ย.นี้ ธอส.เปิดระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าก่อนโอนเงินผ่านแอป GHB ALL GEN ย้ำลงทะเบียนได้ที่สาขา ธอส.ทั่วประเทศ

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พร้อมสนับสนุนนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับความปลอดภัยให้กับลูกค้าในการทำธุรกรรมผ่าน  Application : GHB ALL GEN ด้วยการเปิดระบบการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนเมื่อทำธุรกรรมการโอนเงิน ได้ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าที่ต้องการโอนเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ ยอดทำธุรกรรมสะสม 200,000 บาทต่อวัน และลูกค้าที่ต้องการขอปรับเพิ่มวงเงินการทำรายการโอนตั้งแต่ 50,000 บาทต่อวันขึ้นไป ธนาคารจึงขอให้ผู้ใช้บริการ Application : GHB ALL GEN ที่ยังไม่ได้ยืนยันตันตนและถ่ายภาพใบหน้าให้นำบัตรประชาชนมาลงทะเบียนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมการโอนเงินผ่านแอปมากขึ้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ GHBank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคาร ได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th 

เตือนอย่าหลงเชื่อ! แบงก์ชาติ-คลัง ข่มขู่ประชาชนโอนเงินยืนยันตัวตน ปลดล็อก-ยกเลิกอายัดวงเงินในบัญชี 

กระทรวงการคลังเตือนอย่าหลงเชื่อเอกสารปลอมอ้างชื่อแบงก์ชาติและกระทรวงการคลัง ข่มขู่ประชาชนให้โอนเงินยืนยันตัวตน เพื่อปลดล็อกและยกเลิกการอายัดวงเงินในบัญชี ขอย้ำอีกครั้งว่า แบงก์ชาติไม่ทำธุรกรรมทางการเงินโดยตรงกับประชาชน  
 
แจ้งเบาะแส/ร้องเรียน ติดต่อธนาคารแห่งประเทศไทย โทร. 1213

 

 

รีบเลย! โอนเงินผ่านแอปตั้งแต่ 5 หมื่นบาทต้องสแกนใบหน้า กรุงศรียกระดับความปลอดภัย เริ่มเดือนมิ.ย.นี้

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ตอบรับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมโอนเงินและปรับเพิ่มวงเงินผ่าน KMA krungsri app และ Krungsri Biz Online โดยลูกค้าผู้ใช้งานแอปต้องยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะเริ่มมีผลในเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป โดยสำหรับ KMA krungsri app มีผลตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2566 และสำหรับ Krungsri Biz Online มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2566 (เฉพาะลูกค้าบุคคลแบบ Single Control เท่านั้น)

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อช่วยป้องกันการหลอกลวงให้โอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบัญชี ซึ่งธุรกรรมที่ต้องสแกนหน้าเพื่อทำรายการ ได้แก่

-โอนเงินไปยังบุคคลอื่นตั้งแต่ 50,000 บาทต่อรายการ

-การโอนที่มียอดรวมสะสมครบตั้งแต่ 200,000 บาทต่อวัน

-ปรับเพิ่มวงเงินโอนให้โอนได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป

สำหรับลูกค้าที่ยังไม่เคยมีรูปถ่ายกับทางธนาคาร สามารถนำบัตรประชาชนไปยังสาขาธนาคารใกล้บ้านเพื่อถ่ายรูปเก็บใบหน้าได้ตั้งแต่วันนี้ โดยการสแกนใบหน้าจะช่วยให้ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้นในการทำธุรกรรมผ่านโมบายแอปของธนาคาร นอกจากนี้ ผู้ใช้งาน KMA krungsri app ยังสามารถใช้การสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนสำหรับกรณีเปลี่ยนอุปกรณ์ลงแอปใหม่ ลืมรหัส เปลี่ยนเบอร์มือถือ เปิดบัญชีใหม่ หรือสมัครสินเชื่อ เพื่อความสะดวกสบายตลอดทุกการใช้งานบนแอปของธนาคารอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Krungsri Call Center 1572

 

ธอส.พร้อมให้ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าก่อนโอนเงิน 5 หมื่นบาทขึ้นไปผ่าน Application : GHB ALL GEN

ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) สถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับลูกค้าในการทำธุรกรรมผ่าน  Application : GHB ALL GEN ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยให้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนเมื่อทำธุรกรรมการโอนเงิน สำหรับลูกค้าที่ต้องการโอนเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ ลูกค้าที่มียอดทำธุรกรรมสะสม  200,000 บาทต่อวัน และลูกค้าที่ต้องการขอปรับเพิ่มวงเงินการทำรายการโอนตั้งแต่ 50,000 บาทต่อวันขึ้นไป

โดยทางธนาคารขอให้ผู้ใช้บริการ Application : GHB ALL GEN นำบัตรประชาชนมาลงทะเบียนใบหน้าที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคาร ได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th 

กรุงศรีแจงเคลียร์ลูกค้า Kept by krungsri ระบุทำธุรกรรมเอง-ไม่ได้ถูกแฮ็กระบบ ยันระบบรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพ

จากกรณีมีผู้ใช้แอปฯ เก็บเงินจากธนาคารกรุงศรีโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า มีการโอนเงินออกจากบัญชีเองในช่วงเวลาประมาณตี 1 ถึงเกือบตี 4 จากยอดทั้งหมด 3 แสนกว่าบาท เหลือเพียง 17,000 บาทนั้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)ขอแจ้งความคืบหน้ากรณีที่มีผู้แจ้งเรื่องมีการโอนเงินออกจากบัญชีต้นทางผ่านแอปพลิเคชัน Kept by krungsri ล่าสุดวันนี้ (28 มี.ค.) ธนาคารได้เชิญลูกค้าผู้เสียหายเข้าร่วมพูดคุยที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ โดยธนาคารได้แสดงหลักฐานต่างๆ พร้อมทั้งพูดคุยและทำความเข้าใจกับลูกค้าผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว

ธนาคารขอยืนยันว่า จากข้อมูลที่ธนาคารตรวจสอบ พบว่าลูกค้าเป็นผู้ทำธุรกรรมด้วยตัวเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากระบบของธนาคารถูกแฮ็ก (hack) ตามที่ได้มีการสื่อสารออกไปในสื่อต่างๆ แต่อย่างใด และขอให้ความมั่นใจว่าระบบของธนาคารมีความปลอดภัยและพร้อมที่จะให้บริการให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ในส่วนที่มีข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ของธนาคารไม่ปฏิบัติตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 นั้น ได้ข้อยุติว่าอาจจะเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยธนาคารขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากลูกค้าผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีได้แจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือผ่านมายังช่องทาง Call Center ของธนาคาร ธนาคารได้ดำเนินการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้มีการระงับการทำธุรกรรมของบัญชีปลายทางที่ต้องสงสัยโดยไม่ต้องรอเอกสารของทางราชการ พร้อมทั้งให้คำแนะนำกับลูกค้าผู้เสียหายให้ปฏิบัติตามขั้นตอนการดำเนินตามกฎหมาย โดยให้ลูกค้าผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีปลายทางที่ถูกระงับการทำธุรกรรมดังกล่าวต่อไป ซึ่งขั้นตอนการทำงานดังกล่าวสอดคล้องและเป็นไปตามแนวทางที่ภาคธนาคารต้องปฏิบัติตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ทุกประการ

ธนาคารขอเน้นย้ำว่า แอปพลิเคชัน Kept by krungsri มีมาตรการยกระดับความปลอดภัยในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ธนาคารขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามข้อบังคับและกฎระเบียบต่างๆ รวมทั้งมีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้เสียหายอย่างเต็มที่