“บริทาเนีย” เสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่ 2 ชุด ชูดอกเบี้ย 4.00-4.70% ต่อปี เดินหน้าแผน B To The Top สร้างการเติบโตแบบ All Time High

“บริทาเนีย” เปิดตัวหุ้นกู้ล็อตใหม่ 2 ชุด อายุ 2 ปี และ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00-4.70% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ย  ทุก 3 เดือน คาดเสนอขาย 18-19 และ 22 พ.ค. นี้ ผ่าน 4 สถาบันการเงิน อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้และบริษัท “BBB/Stable” จากทริสเรทติ้ง เดินหน้ากลยุทธ์ “B To The Top” ปักธงเป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาบ้านจัดสรรระดับท็อป ตั้งเป้า All Time High เปิดตัวโครงการใหม่สูงสุด 20 โครงการ มูลค่ารวม 22,500 ล้าน ครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ทั่วประเทศ พร้อมเป้ายอดขายสูงสุด 13,000 ล้าน สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด

นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า ทางบริทาเนียเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยหุ้นกู้ที่ออกจำหน่ายครั้งนี้แบ่งเป็น 2 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.70% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยในอัตราคงที่ทุกๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยคาดว่าหุ้นกู้ของบริษัทจะเสนอขายระหว่างวันที่ 18 – 19 และวันที่ 22 พ.ค. 2566 นี้ โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ ซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่บริษัท และชำระเงินกู้ยืมคืนให้กับบริษัทใหญ่

ขณะเดียวกัน บริทาเนียและหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2565 ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้หรือ Investment Grade สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของบริทาเนียที่เป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า ในปี 2566 บริษัทดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์  “B To The Top” มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจพัฒนา บ้านจัดสรรระดับท็อปใน 3 มิติ ได้แก่ 1.B The Growth ก้าวสู่ระดับท็อปของตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (All Time High) จำนวน 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท 2.B The Craft มุ่งมั่นสู่การเป็นแบรนด์บ้านจัดสรรระดับท็อปในใจผู้บริโภค (Top of Mind Brand) ด้วยวัฒนธรรมองค์กร Craft Mindset อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ลูกค้าให้คุณค่า (Customer Value) ในการสร้างสรรค์ ดูแล และบริการที่ยกระดับให้แก่ผู้บริโภค ผ่านนวัตกรรมการอยู่อาศัย และ 3.B The Goodnessมุ่งเป็นองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม ทั้งในโครงการและชุมชนรอบด้าน ตลอดจนเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

“เราเชื่อมั่นว่าการเสนอขายหุ้นกู้ของ BRI ทั้ง 2 ชุด จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะสามารถตอบโจทย์ผู้ที่มองหาโอกาสลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยผู้ออกหุ้นกู้ที่มีความมั่นคง ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment grade พร้อมทั้งแผนการสร้างการเติบโตแบบ All Time High เป้าหมายยอดขายสูงสุด 13,000 ล้านบาท และเป้ารายได้รวม 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจตลอดการถือครอง” นายสุรินทร์กล่าว 

ทั้งนี้ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านผู้จัดการการ   จัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้

-ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02-888-8888 กด 819

-ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next หรือ ผ่าน Money Connect by Krungthai (https://moneyconnect.krungthai.com/)

-ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง) โทร. 02-626-7777

-บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-56

สำหรับบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เป็นผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้คอนเซปต์ CRAFT a life you love   ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก พัฒนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านซีรีส์ใหม่ ทาวน์โฮม ครอบคลุมผู้บริโภคทุกเซ็กเมนท์ ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.เบลกราเวีย (Belgravia) บ้านเดี่ยวลักชัวรี ระดับราคา 20-50 ล้านบาท 2.แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับ High-End ราคา 8-20 ล้านบาท 3.บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับ Mid-end ราคา 4-8 ล้านบาท และ 4.ไบรตัน (Brighton) บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับเริ่มต้น (Entry) ราคา 2.5-4 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2565 พัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 30 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการสะสม 36,449 ล้านบาท

“โลตัส” เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ 5 รุ่น 2.80-4.00% ต่อปี เสนอขาย 17-19 เม.ย.นี้ มั่นใจกระแสตอบรับดี ชูเรทติ้ง A+ 

“โลตัส” ( Lotus’s) ผู้นำค้าปลีกแบบออมนิแชนแนล ดำเนินงานภายใต้ชื่อจดทะเบียน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด แจ้งอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ 5 ชุดที่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หลังจากเสนอขายให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ในช่วงก่อนหน้านี้และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยหุ้นกู้รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 2.80% ต่อปี อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.54% ต่อปี อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.83% ต่อปี และอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี พร้อมแล้วที่จะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 17-19 เมษายน 2566 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 9 แห่ง รวมทั้งทรูมันนี่ วอลเล็ท เผยอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” สร้างกระแสหุ้นกู้คุณภาพที่ประชาชนทั่วไปมีโอกาสเข้าถึง ขณะที่ช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายจะเพิ่มทางเลือกและความสะดวกให้ผู้ลงทุน

บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำขนาดใหญ่ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์  “โลตัส”  (Lotus’s) แจ้งอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ 5 ชุด ประกอบด้วย รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 2.80% ต่อปี อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.54% ต่อปี อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.83% ต่อปี และอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี โดยจะเปิดจองซื้อผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 9 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)  ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)  ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) รวมถึงทรูมันนี่ วอลเล็ท ในระหว่างวันที่ 17-19 เมษายน 2566

ทั้งนี้หุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ “A+” ซึ่งสูงกว่าเกรดขั้นต่ำในระดับลงทุน (Investment Grade) ถึง 5 อันดับ เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งอยู่ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยเป็นการจัดอันดับ ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 สะท้อนสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกแบบออมนิแชนแนลที่มีช่องทางหลากหลายและครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ นับเป็นการขายให้แก่ผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หลังจากบริษัทฯ เคยออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย  เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ “A+” เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจภายใต้การบริหารของ “โลตัส” (Lotus’s) นับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่มีความคุ้นเคยและความไว้วางใจในแบรนด์ และสามารถเข้าถึงการจับจ่ายใช้สอยผ่านช่องทางออมนิแชนแนลที่ครอบคลุมทั้งสาขาและออนไลน์ ขณะเดียวกัน ธุรกิจของบริษัทฯ ยังครอบคลุมถึงพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าที่เติมเต็มความต้องการของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย โดยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยมีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าหุ้นกู้ “โลตัส” จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปอย่างแน่นอน

ขณะที่ทางด้านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ “โลตัส” กล่าวเพิ่มเติมว่า หุ้นกู้ “โลตัส” มีกระแสตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่มองหาหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง และให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ขณะเดียวกัน หุ้นกู้ “โลตัส” ยังมีความหลากหลายของอายุหุ้นกู้ให้ผู้ลงทุนทั่วไปมีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงธุรกิจค้าปลีกที่มีแนวโน้มสดใสจากความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ซึ่งทั้งหมดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ ‘หุ้นกู้โลตัส’ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุน

โดยปัจจุบัน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) ถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกแบบออมนิแชนแนล ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายหลายรูปแบบ โดย  ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 “โลตัส” (Lotus’s) มีร้านค้าปลีกจำนวน 2,578 แห่งทั่วประเทศไทย ประกอบด้วยร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 223 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 202 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 2,153 แห่ง ซึ่งธุรกิจในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง ตลอดจนระบบการกระจายสินค้าและเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งการเติบโตของยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายร้านค้าทั่วประเทศในการเป็น fulfillment center จัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทั่วประเทศไทย รวมทั้งยังร่วมมือกับธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online Marketplace) เพื่อเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภค ตลอดจนการเปิดตัวธุรกิจใหม่ ทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ซึ่งสะท้อนการปรับตัวของ “โลตัส” (Lotus’s) ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า โดยมีพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า 200 แห่ง (ไม่รวมศูนย์การค้าที่มีการลงทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท หรือ LPF จำนวน 23 แห่ง) โดยมีร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตของ “โลตัส” (Lotus’s) เป็นร้านค้าหลัก โดยในจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด บริษัทฯ ถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าจำนวน 70 แห่ง ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าอยู่ที่ประมาณ 90% โดยบริษัทฯ ถือหน่วยลงทุน 25% ในกองทุนรวม LPF ที่ลงทุนในศูนย์การค้า 23 แห่งทั่วประเทศ

สำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ Lotus’s สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSDE01.aspx?TransID=484336&SD=170...หรือติดต่อผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังต่อไปนี้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Bualuang mBanking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)* โทร. 02-888-8888 กด 819 หรือจองซื้อผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Krungsri Mobile App (“KMA”) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)** โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น SCB EASY สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)*** โทร. 1428 กด#4 ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-285-1555 ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-626-7777 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น CIMB Thai Digital Banking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)**** โทร. 02-165-5555 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Dime! สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำรายการผ่านระบบออนไลน์ ผู้ลงทุนยังสามารถจองซื้อหุ้นกู้ Lotus’s ผ่านแอปพลิเคชันทรูมันนี่ วอลเล็ท ได้อีกด้วย โดยสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ทรูมันนี่ วอลเล็ท ได้ที่ App Store และ Play Store ดูรายละเอียดวิธีการสมัครแอปฯ และวิธีการจองซื้อได้ที่ www.truemoney.com หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 1240 กด 6

IRPC เตรียมเสนอขายหุ้นกู้-หุ้นกู้ดิจิทัล จำนวน 8 รุ่น อายุ 3, 5, 7, และ 10 ปี ดอกเบี้ย 3.20 – 4.40%

IRPC เตรียมเสนอขายหุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล จำนวน 8 รุ่น อายุ 3, 5, 7, และ 10 ปี ดอกเบี้ย [3.20 – 4.40]% อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ A-(tha) คาดว่าจะเสนอขายพฤษภาคมนี้

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ในเดือนพฤษภาคมนี้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน ผ่าน 9 สถาบันการเงิน โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A-(tha)    จากฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) สะท้อนถึงความมั่นใจและการเป็นที่ยอมรับในฐานะบริษัทที่สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน มุ่งต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจปัจจุบัน และเดินหน้ารุกธุรกิจใหม่ พร้อมสร้างสมดุลในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม  

นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า IRPC เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 8 รุ่น ให้แก่ ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน ประกอบด้วย หุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย  [3.20 – 3.40]% ต่อปี หุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย  [3.70 – 3.90]% ต่อปี หุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย [4.00 – 4.20]%  ต่อปี และ หุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย  [4.20 – 4.40]% ต่อปี ทั้งนี้ IRPC จะประกาศอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายในเดือนพฤษภาคมนี้  โดยหุ้นกู้ทั้งหมดมีกำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ตลอดอายุของหุ้นกู้ และคาดว่าจะเปิดจองซื้อในวันที่ [26, 29-30] พฤษภาคมนี้ ผ่านสถาบันการเงินทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารยูโอบี   และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร สำหรับหุ้นกู้ดิจิทัล เสนอขายผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย เท่านั้น

ในปี 2565 IRPC สร้างรากฐานอันแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกชนิดพิเศษมูลค่าสูง (Specialty Product) ร้อยละ 22 การเปิดโรงงาน บริษัท อินโนโพลีเมด จำกัด ผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ สำหรับวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ การขยายกำลังการผลิต 4 โครงการ ได้แก่ โครงการพีพี เมลต์โบลน (PP Meltblown) 40,000 ตันต่อปี ที่มีกำลังผลิตสูงสุดในประเทศ และโครงการผลิตเม็ดพลาสติก พีพี สปันบอนด์ (PP Spunbond) 190,000 ตันต่อปี เพื่อผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสุขอนามัย โครงการผลิตเม็ดพลาสติก พีพีอาร์ (PPR: PP Random Copolymer Pipe) 80,000 ตันต่อปี เพื่อผลิตท่อน้ำร้อนน้ำเย็นที่ไร้สารทาเลตเป็นรายแรกของภูมิภาค และโครงการผลิต เอชดีพีอี 100 - อาร์ซี (HDPE100 - RC) 40,000 ตันต่อปี เพื่อผลิตท่ออุตสาหกรรมที่มีอายุการใช้งานได้นานถึง 100 ปี ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการก่อสร้าง โดยไม่ต้องเปิดหน้าดิน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่นในรอบ 5 ปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต  และความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองรับโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและคุณภาพน้ำมันดีเซล ยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project หรือ UCF)  ที่จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในต้นปีหน้า และการจับมือกับพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจปัจจุบัน            และสร้างธุรกิจใหม่ รวมถึงการเปิดคลังน้ำมันจังหวัดสุราษฏร์ธานี พร้อมรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจภาคใต้

นายกฤษณ์  กล่าวต่อว่า เพื่อตอบโจทย์การสร้างสิ่งที่ดีเพื่ออนาคต บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 20% ภายในปี 2573 เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2603

หุ้นกู้ของ IRPC เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนในสภาวะตลาดที่มีความไม่แน่นอนและผันผวนสูงเช่นนี้ เนื่องจาก   ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ และบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ A-(tha) แนวโน้มลบ (negative) และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ A-(tha) จาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566

ผู้ลงทุนที่สนใจจะได้รับความสะดวกในการจองซื้อหุ้นกู้ผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งผ่านสาขาหรือช่องทางออนไลน์ของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ที่มีการให้บริการ นอกจากนี้ได้เพิ่มทางเลือกในรูปแบบหุ้นกู้ดิจิทัล ซึ่งผู้ลงทุนสามารถถือครองหุ้นผ่านวอลเล็ต แบบไม่มีใบตราสาร (Scripless Bond) และสามารถซื้อขายได้เรียลไทม์ 24 ชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเห็นข้อมูลการถือครองบน “วอลเล็ต” ได้ทันที และสามารถทำรายการซื้อ/ขายหุ้นกู้ในตลาดรองผ่าน      “วอลเล็ต” ได้

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ IRPC สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณ 100,000 บาท  ผ่านทางธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารทหารไทย   ธนชาต ธนาคารยูโอบี และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และสำหรับการจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัล สามารถจองซื้อขั้นต่ำ      1,000 บาท และทวีคูณ 1,000 บาท  ผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้บนแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ของธนาคารกรุงไทยเท่านั้น โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th และสามารถติดต่อผู้จัดการการจัดจำหน่ายตามรายละเอียดด้านล่าง

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โทร. 1333 หรือ Bualuang mBankin‪g

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572 หรือ Krungsri Mobile Application (KMA)

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 โดยจองซื้อผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ บนแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เท่านั้น

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819 โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคลจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่ และสาขา)

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784 หรือ SCB Easy App

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 1428 กด#4

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 หรือ Mobile application - CIMB Thai Digital Banking

ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-285-1555

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (รวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขาย) โทร. 02-165-5555 หรือ Application DIME

ไทยพาณิชย์เปิดตัวบัญชีหุ้นกู้ EASY-D บริการรับฝากหุ้นกู้แบบไร้ใบครั้งแรกบน SCB EASY App

นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ และ นายธนิก ธราวิศิษฏ์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Markets ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมเปิดตัว “บัญชีหุ้นกู้ EASY-D บริการรับฝากหุ้นกู้แบบไร้ใบ” ครั้งแรกบน SCB EASY App ให้ลูกค้าสามารถฝากหุ้นกู้บนช่องทางดิจิทัลแบบไร้ใบ ชูจุดเด่น Seamless Experience ซื้อง่าย-ฝากได้ ที่ SCB EASY App มอบประสบการณ์การรวมศูนย์การลงทุนไว้ในที่เดียว ทั้งนี้ บริการรับฝากหุ้นกู้แบบไร้ใบในบัญชีหุ้นกู้ EASY-D จะเริ่มให้ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีหุ้นกู้ EASY-D ได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนนี้เป็นต้นไป มั่นใจช่วยให้ลูกค้าเพิ่มโอกาสการลงทุนและการบริหารความมั่งคั่งได้อย่างไร้รอยต่อ ตอกย้ำความเป็น Digital Bank with Human Touch

ธนาคารไทยพาณิชย์มองโอกาสเอกชนลุยออกหุ้นกู้ระดมทุนรับเศรษฐกิจฟื้นตัว พร้อมตอบรับแนวคิดการพัฒนาระบบ Digital Infrastructure ของ ก.ล.ต. ในการสร้างกระบวนการลงทุนเป็นดิจิทัล 100% ต่อยอดเทรนด์การจองซื้อหุ้นกู้ผ่านช่องทางดิจิทัลที่ขยายตัวมากยิ่งขึ้น เปิดตัว “บัญชีหุ้นกู้ EASY-D บริการรับฝากหุ้นกู้แบบไร้ใบ” ครั้งแรกบน SCB EASY App ให้สามารถฝากหุ้นกู้บนช่องทางดิจิทัลแบบไร้ใบ ชูจุดเด่น Seamless Experience ซื้อง่าย-ฝากได้ ที่ SCB EASY App มอบประสบการณ์การรวมศูนย์การลงทุนไว้ในที่เดียว ให้นักลงทุนรายย่อยสามารถรวมการลงทุนในหุ้นกู้ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ไม่ต้องเก็บใบหุ้นกู้ มั่นใจช่วยให้ลูกค้าเพิ่มโอกาสการลงทุนและการบริหารความมั่งคั่งได้อย่างไร้รอยต่อ ตอกย้ำความเป็น Digital Bank with Human Touch

นายธนิก ธราวิศิษฏ์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Markets ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่งผลให้ภาคธุรกิจกลับมาเริ่มลงทุนขยายกิจการอย่างคึกคัก อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เราจะเห็นธุรกิจขนาดใหญ่เร่งระดมทุนด้วยเครื่องมือทางเลือกต่างๆ โดยหนึ่งในเครื่องมือการระดมทุนที่ลูกค้ารายใหญ่ให้ความสนใจคือ การออกและเสนอขายหุ้นกู้ ด้วยเป็นทางเลือกในการระดมทุนที่สามารถเข้าถึงผู้ลงทุนที่หลากหลาย และช่วยในการบริหารต้นทุนทางการเงินของบริษัท โดยข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยประเมินว่า การออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนในปี 2566 นี้จะเป็นไปในเชิงบวก โดยคาดการณ์ว่าจะมีการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้มากกว่า 1 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องจากการออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนในปี 2565 ที่มีการออกหุ้นกู้สูงเป็นประวัติการณ์ด้วยมูลค่าประมาณกว่า 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ เราจะเห็นการออกหุ้นกู้ที่ระดมทุนสำหรับโครงการด้านความยั่งยืน พัฒนาสิ่งแวดล้อมและสังคม หรือ ESG Bonds ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น และจะเห็นหุ้นกู้ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่จำนวนไม่สูงนัก เพื่อเป็นการขยายการลงทุนไปยังกลุ่มนักลงทุนรายย่อย” 

 

นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเพิ่มโอกาสการลงทุนให้นักลงทุนรายย่อยให้สามารถเข้าถึงตลาดทุนได้ง่ายขึ้น เราจึงจะเห็นเอกชนสนใจออกหุ้นกู้บนช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้น  เพื่อรองรับการเติบโตของเทรนด์การลงทุนดิจิทัลดังกล่าว และเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธนาคารในการเป็น Digital Bank with Human Touch ธนาคารจึงได้ต่อยอดบริการการลงทุนในหุ้นกู้ผ่าน SCB EASY App ด้วยการเปิดตัว “บัญชีหุ้นกู้ Easy-D บริการรับฝากหุ้นกู้แบบไร้ใบ” ครั้งแรกบน SCB Easy App ให้สามารถฝากหุ้นกู้บนช่องทางดิจิทัลแบบไร้ใบ อำนวยความสะดวกให้นักลุงทุนรายย่อยด้วยประสบการณ์ไร้รอยต่อ ซื้อง่าย-ฝากหุ้นกู้ได้ ที่ SCB Easy App มอบประสบการณ์การรวมศูนย์การลงทุนไว้ในที่เดียว

 

การเปิดตัวบัญชีหุ้นกู้ EASY-D บริการรับฝากหุ้นกู้แบบไร้ใบ บน SCB Easy App ยังตอบรับกระแสความนิยมการลงทุนในหุ้นกู้ เนื่องจากหุ้นกู้เป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นสามัญ อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนที่โดยทั่วไปเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ และมีระยะเวลาการลงทุนที่ชัดเจน อย่างไรก็ดี พบว่าผู้ลงทุนในตราสารหนี้ซึ่งรวมถึงหุ้นกู้มักเลือกที่จะถือใบหุ้นกู้ไว้กับตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผู้ลงทุนไม่มีพอร์ตการลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ รวมถึงผู้ลงทุนอาจมีการลงทุนในหลากหลายผลิตภัณฑ์ผ่านแอป จึงเป็นที่มาให้ธนาคารฯ พัฒนาบัญชีหุ้นกู้ EASY-D เพื่อตอบโจทย์ข้อจำกัดนี้ของนักลงทุนรายย่อย โดยผู้ลงทุนที่จองซื้อหุ้นกู้ผ่าน SCB Easy App สามารถฝากหุ้นกู้แบบไร้ใบไว้กับธนาคารได้อย่างปลอดภัย ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนรายย่อย ทั้งยังได้เห็นภาพรวมการลงทุนอยู่ในที่เดียว นอกจากนี้ บัญชีหุ้นกู้ EASY-D บริการรับฝากหุ้นกู้แบบไร้ใบ ยังสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระบบ Digital Infrastructure ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ต้องการเห็นกระบวนการในตลาดทุนเป็นดิจิทัล 100% ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยลูกค้าสามารถทำธุรกรรมที่เป็น digital แบบ end-to-end ตั้งแต่การจองซื้อหุ้นกู้ไปจนถึงการฝากหุ้นกู้ในบัญชีหุ้นกู้อีซี่ดี ผ่าน SCB Easy App

สำหรับบริการรับฝากหุ้นกู้แบบไร้ใบในบัญชีหุ้นกู้ EASY-D จะเริ่มให้ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีหุ้นกู้ EASY-D ได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนนี้เป็นต้นไป โดยในช่วงแรกจะให้บริการรับฝากหุ้นกู้ภาคเอกชนที่เสนอขายผ่าน SCB EASY App ดังนั้น ลูกค้าจึงควรเปิดบัญชีหุ้นกู้ EASY-D เตรียมให้พร้อมก่อนจองซื้อหุ้นกู้ที่ธนาคารจะเปิดจำหน่ายเพื่อความสะดวกในการใช้งาน

คุณสมบัติผู้สมัครบัญชีหุ้นกู้ EASY-D                                

1.สัญชาติไทยและอายุ 20 ปีขึ้นไป

2.มีบัญชีเงินฝากและผูกกับแอป SCB EASY แล้ว

3.มีอีเมลที่ยืนยันแล้ว และ เบอร์โทรศัพท์มือถือ

4.ยืนยันตัวตนกับธนาคารแล้ว

ขั้นตอนการสมัครใช้บริการ SCB Easy-D

 

 

 

"โนเบิล" พร้อมขายหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 3 ปี ชูดอกเบี้ย 4.70% เปิดจอง 3-5 เม.ย.66

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE  เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.70% ต่อปี เสนอขายระหว่างวันที่ 3 - 5 เมษายน นี้ ซึ่งบริษัทฯ และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ระดับ “BBB” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” พร้อมแต่งตั้งธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ โดยจะนำเงินที่ได้ไปคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE  เปิดเผยว่า ทาง NOBLE เตรียมออกเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ โดยเป็นการออกและเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.70% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณทุก ๆ 100,000 บาท เสนอขายระหว่างวันที่ 3-5 เมษายน 2566 โดยวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้ไปคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนเมษายนและตุลาคม 2566 จำนวน 1,732.50 ล้านบาท และ 700.00 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนที่เหลือเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้บริษัทฯและหุ้นกู้ที่ออกในครั้งนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ระดับ “BBB” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” ซึ่งถือเป็นระดับ Investment grade หรือเรียกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้

โดยในส่วนของผลการดำเนินงานของปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 8,678 ล้านบาท กำไรสุทธิ 455 ล้านบาท และมียอดขาย (Pre-sale) อยู่ที่ 17,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% จากสิ้นปี 2564 ซึ่งเป็นยอดขายที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (Record High) ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯมา นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการเปิดโครงการใหม่ในปี 2565 จำนวน 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 31,550 ล้านบาท ได้แก่ 1) โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9  2) โครงการนิว เมกา พลัส บางนา 3) โครงการนิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น เฟส1 4) โครงการนิว อีโว อารีย์ 5) โครงการนิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง 6) โครงการนิว ครอส คูคต สเตชั่น เฟส 1 7) โครงการโนเบิล คิวเรท 8) โครงการโนเบิล ครีเอท 9) โครงการนิว โคฟ นอร์ธ ราชพฤกษ์ 10) โครงการโนเบิล เคิร์ฟ และ 11) โครงการนิว ริเวอร์เรสต์ ราษฎร์บูรณะ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นปี 2565 ในมือรวมมูลค่า 19,627 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า

สำหรับในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และยอดขายที่ระดับ 23,000 ล้านบาท โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวม 23,300 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งโครงการประเภทบ้านเดี่ยว ทาว์นโฮม ที่ดินเปล่า และคอนโดมิเนียมแนวราบและแนวสูง โดยกระจายทำเลให้หลากหลายและคลอบคลุมทุกทิศของกรุงเทพฯ เช่น แถบกรุงเทพตะวันตก และตะวันออก เป็นต้น รวมถึงทำเลกลางใจกลางเมือง อาทิ ถนนวิทยุ

กรุงไทยขายหุ้นกู้อนุพันธ์ “BNP Alpha Commodity” คุ้มครองเงินต้น 100% ดีเดย์ 22-24 มี.ค.นี้ 

ธนาคารกรุงไทยตอบโจทย์ผู้ลงทุน ออกหุ้นกู้อนุพันธ์ชุดใหม่ “BNP Alpha Commodity” อายุ 3 ปี จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก เปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งน้ำมัน ทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ โดยมีดอกเบี้ยคงที่ 0.5%ใน 2 ปีแรก คุ้มครองเงินต้น 100% เครดิตเรทติ้ง AAA เปิดจอง 22-24 มี.ค.นี้ 

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย  เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจการเงินและการลงทุนในปี 2566 ที่มีความผันผวน มีปัจจัยความท้าทายรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ชัดเจน อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง  ซึ่งธนาคารยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของผู้ลงทุนในทุกสภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดธนาคารเตรียมเสนอขาย “หุ้นกู้อนุพันธ์กรุงไทย BNP Alpha Commodity” อายุ 3 ปี จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกผ่านดัชนี BNP Paribas AW Alpha Commodity 4 ER  เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนจากสินค้าโภคภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมรับอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.5% ต่อปีใน 2 ปีแรก และคงจุดเด่นคุ้มครองเงินต้นเต็มจำนวนโดยธนาคารกรุงไทย ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ เรทติ้งส์ โดยผลตอบแทนอ้างอิงเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกู้อนุพันธ์อยู่ที่ 6.11% ต่อปี

ทั้งนี้ดัชนี BNP Paribas AW Alpha Commodity 4 ER  ได้รับการพัฒนาจากธนาคารชั้นนำระดับโลก บีเอ็นพี พารีบาส์ (BNP Paribas) กระจายการลงทุนในสินทรัพย์โภคภัณฑ์มากกว่า 10 ประเภท ทั้งกลุ่มพลังงาน เช่น น้ำมัน กลุ่มโลหะมีค่า เช่น ทองคำ เงิน และกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม เป็นต้น มีกลยุทธ์การลงทุนที่แข็งแกร่ง แบบมืออาชีพ มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนการลงทุนในทุกสภาวะตลาด จาก 3 กลยุทธ์คือ 1. Carry เลือกถือตัวที่ให้ผลตอบแทนสูง  2. Momentum จับจังหวะขาขึ้น ขาลงของตลาด 3. Value ซื้อตัวที่ถูก ขายตัวที่แพง โดยปรับพอร์ตการลงทุนทุกวัน เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยง ลดความผันผวน   

โดยธนาคารเตรียมเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์กรุงไทย BNP Alpha Commodity ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ลงทุนขั้นต่ำ 3 ล้านบาท เปิดจองซื้อผ่านทุกสาขา ระหว่างวันที่  22-24 มีนาคม 2566 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ โทร. 02-208-4673, 02-208-4691, 02-208-4831, 02-208-4840, 02-208-4817 หรือ email : sps@krungthai.com