ฝุ่นพิษ! ถล่ม 34 จังหวัด พบ "PM2.5" เกินค่ามาตรฐาน

เมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 เพจศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โพสต์กราฟฟิกพร้อมเนื้อหาว่า รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศประจำวันที่ 10 มกราคม 2567 ณ 07:00 น สรุปดังนี้

ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน จ.ปทุมธานี, กรุงเทพฯ, จ.นนทบุรี, จ.นครปฐม, จ.สมุทรสาคร, จ.สมุทรปราการ, จ.น่าน, จ.ลำปาง, จ.แพร่, จ.ลำพูน, จ.อุตรดิตถ์, จ.สุโขทัย, จ.พิษณุโลก, จ.ตาก, จ.พิจิตร, จ.นครสวรรค์, จ.อุทัยธานี, จ.ชัยนาท, จ.สิงห์บุรี, จ.ลพบุรี, จ.สระบุรี, จ.อ่างทอง, จ.สุพรรณบุรี, จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.กาญจนบุรี, จ.ราชบุรี, จ.สมุทรสงคราม, จ.สระแก้ว, จ.ฉะเชิงเทรา, จ.ชลบุรี, จ.ระยอง, จ.หนองคาย, จ.กาฬสินธุ์ และ จ. นครราชสีมา

* ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 11 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 12.8 - 75.0 มคก./ลบ.ม.

* ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 3 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 19.2 - 47.4 มคก./ลบ.ม.

* ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 34.9 - 77.6 มคก./ลบ.ม.

* ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐาน 6 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 27.5 - 67.3 มคก./ลบ.ม.

* ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 10.7 - 28.9 มคก./ลบ.ม.

* กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ​ ​กทม. เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 35.1 - 73.8 มคก./ลบ.ม.

- คำแนะนำทางสุขภาพ : ประชาชนทั่วไป : ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง


ฝุ่น,ฝุ่นพิษ,ฝุ่นPM25


#ฝุ่น #ฝุ่นพิษ #ฝุ่นPM25 #PM25

"รัฐบาล" ย้ำมุ่งแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ห้ามเกษตรกรเผาในเขตปฏิรูปที่ดิน หากไม่ปฏิบัติ จะสิ้นสิทธิและต้องออกจากที่ดิน

เมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ห้ามเกษตรกรเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ขยะมูลฝอย หรือสิ่งของไม่พึงประสงค์ ฯลฯ ในเขตปฏิรูปที่ดิน โดยหากได้รับหนังสือเตือนแล้วยังไม่ปฏิบัติ จะสิ้นสิทธิและต้องออกจากที่ดิน 
 
รองโฆษกฯ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญและเน้นย้ำถึงการจัดการกับปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่น PM 2.5 ที่ถือเป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จึงได้เห็นพ้องและมีมติกำหนดให้ เกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดิน ห้ามกำจัดวัสดุทางการเกษตร ฟางข้าว ตอซังข้าว ซังข้าวโพด หญ้า หรือขยะมูลฝอย หรือสิ่งอันไม่พึงประสงค์ใด ๆ โดยการเผาอันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพดิน หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งก่อสร้างในโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือการทำประโยชน์ในที่ดินของเกษตรกรอื่น หรือสภาพแวดล้อม ถ้าเกษตรกรไม่ปฏิบัติตาม ให้ปฏิรูปที่ดินจังหวัดมีหนังสือเตือนให้ปฏิบัติให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด ถ้าเกษตรกรยังคงฝ่าฝืนโดยไม่มีเหตุอันสมควร เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) หรือผู้ซึ่งเลขาธิการ ส.ป.ก. มอบหมายจะมีคำสั่งให้สิ้นสิทธิและต้องออกจากที่ดิน
 
โดย “รมว.ธรรมนัส” ตั้งเป้าหมายลดการเผาไหม้ในพื้นที่เกษตรกรรมลงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ครอบคลุมพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ และพื้นที่อื่น ๆ ลดลงร้อยละ 10 รวมทั้งมุ่งผลักดันหลักการ 3R แก่เกษตรกร Re-Habit ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม Replace with high value crops ปรับเปลี่ยนพืชบนพื้นที่สูงให้เป็นการปลูกพืชที่ปลอดการเผาและลดการบุกรุกป่า และ Replace with Alternate crops ปรับเปลี่ยนพืชบนพื้นราบ จากพื้นที่ไม่เหมาะสมปลูกข้าวปรับไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อส่งเสริมให้ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชให้เหมาะสมและสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่
 
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจังและยั่งยืน เพื่อยกระดับวิถีชีวิตประชาชนในทุกมิติ รวมถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น อากาศสะอาด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินหน้าแก้ไข พูดคุยกับทุกฝ่าย ทั้งในและนอกประเทศ มีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ปัญหามีความเข้มข้นมากขึ้น จึงได้สั่งการเร่งสื่อสารให้ประชาชนและเกษตรกรทราบและเข้าใจถึงการทำการเกษตรที่ต้องไม่มีการเผา รวมถึงให้เข้าใจถึงจุดกำเนิดของ PM2.5 ที่จะส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ และสุขภาพของประชาชนด้วย” เกณิกา กล่าว


#ฝุ่น #ฝุ่นพิษ #ฝุ่นPM25 #PM25

ห้ามประมาท! “กรมควบคุมมลพิษ” เตือน “กทม.-บริมณฑล” ระวังจมฝุ่น 5-12 ม.ค.นี้

นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แถลงข่าวประกาศเข้าฤดูฝุ่นแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพราะสถานการณ์ฝุ่นจะเริ่มรุนแรงแล้ว โดยคุณภาพอากาศวันนี้ เป็นสีเขียวในพื้นที่ กทม. เริ่มดีขึ้น แต่บริเวณภาคตะวันตกกลับเริ่มมีสีแดง สืบเนื่องจากการพบจุดความร้อน (Hot spot) เพิ่มขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ลมพัดผ่านไปยังภาคตะวันตก

ทั้งนี้ จากคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ระหว่างวันที่ 5-12 ม.ค.นี้ จะมีอัตราการระบายอากาศต่ำมาก หากไม่ควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นในเมือง จะส่งผลให้เกิดฝุ่นสะสมเพิ่มขึ้นในแอ่ง กทม. เมื่อมีลมประกอบ ก็จะพัดไปทางฝั่งตะวันตก จึงต้องมีมาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง

โดยข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม พบจุดความร้อนที่เกิดขึ้นก่อนปีใหม่ 200 จุด แต่หลังปีใหม่พบการเผาเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 จุด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่นาข้าวและพื้นที่การเกษตร ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะรับโจทย์จากกรมควบคุมมลพิษ ไปควบคุมการเผาหรือบริหารจัดการการเผาแบบเป็นช่วงเวลา เพื่อลดปริมาณฝุ่น พร้อมกันนี้ ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด โดยส่งหนังสือแจ้งจุดความร้อน พร้อมคำแนะนำในการควบคุมไปยังทุกจังหวัดทุกวัน ในฐานะที่เป็นพื้นที่ต้นลม เพื่อควบคุมต้นตอ ไม่ให้ส่งผลกระทบไปยังพื้นที่ใต้ลม

กรมควบคุมมลพิษ ยังฝากคำแนะนำถึงประชาชน หากพบการเผา หรือ ฝุ่นควันโปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทุกช่องทาง โดย กทม. แจ้งผ่านผ่านแพลตฟอร์ม Traffy* Fondue หรือ เว็บไซต์ https://www.traffy.in.th  ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศผ่านแอปพลิเคชัน Air4Thai , ค่าฝุ่น  และ สวมหน้ากากป้องกันตนเอง

“พัชรวาท” ดึงหน่วยงานแหล่งกำเนิดฝุ่นร่วมวิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหา-ออกมาตรฐานรับมือฤดูฝุ่นจิ๋ว

“พัชรวาท” ดึงหน่วยงานแหล่งกำเนิดฝุ่นร่วมวิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหา -ออกมาตรฐานรับมือฤดูฝุ่นจิ๋ว สื่อสารให้ประชาชนรับทราบข้อมูลให้ทันท่วงที ด้าน “อธิบดี คพ.” แนะเช็ก 2 แอปฯ Air4Thai – AIRBKK เป็นหลัก ป้องกันการสับสน

วันที่ 13 ธ.ค.2566 พล.ต.อ.พัชรวาท  วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แสดงห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในหลายพื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน  ได้สั่งการไปยัง นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี  อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ให้เร่งรัดประสานหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5

โดยนายปิ่นสักก์ กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาว การถ่ายเทอากาศไม่ดี ทำให้ฝุ่นระบายออกยาก จึงทำให้ค่าฝุ่นเพิ่มขึ้นในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล แหล่งกำเนิดฝุ่นที่สำคัญคือภาคจราจรและขนส่ง ทำให้ค่าฝุ่นแตะเกินค่ามาตรฐานสีส้ม ในอนาคตจะเริ่มมีการเผาในพื้นที่โล่ง โดยเฉพาะภาคการเกษตร ยิ่งทำให้ค่าฝุ่นในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นอีก หากควบคุมไม่ได้ในปัจจุบัน สำหรับพื้นที่ กทม.ที่เกิดฝุ่นพิษจากจราจรและการขนส่งนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรณรงค์ให้เข้มข้น เรื่องการหันมาใช้น้ำมันยูโร 5 โดยที่ไทยเริ่มปรับมาใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ผ่านมา ช่วยค่าฝุ่นในกทม.ลงได้ถึงร้อยละ 10 ควบคู่กับบำรุงรักษาเครื่องยนต์และตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้ดี จะช่วยลดการเกิดฝุ่นลงได้มากถึงร้อยละ 50 ของรถคันดังกล่าว และได้รับการประสานข้อมูลจากจิสด้า เพื่อแยกแยะจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ว่าเกิดจากการเผาป่าหรือภาคเกษตร เผานาข้าว ไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งมายังกระทรวงฯ จากนั้นจะส่งไปยังจังหวัด เป็นซิงเกิ้ลคอมมานด์ ที่มีผู้ว่าราชการเป็นผู้สั่งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จะทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น เช่น มีข้อมูลจากจิสด้าระบุว่ามีการเผาไหม้นาข้าวในเขตจังหวัดภาคกลาง ทำให้ชี้เป้าจุดเกิดเหตุได้ และสั่งการแก้ไขในทันที 

นายปิ่นสักก์  กล่าวว่า เราได้มีการตั้งศูนย์สื่อสาร ภายใต้คณะกรรมการสื่อสาร ที่มีอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เป็นประธาน เพื่อให้สื่อสารว่าควรแก้ไขอย่างไร พื้นที่ไหน เวลาใด ขณะนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท  ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน กำลังทำเรื่อง เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและการสื่อสารรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

“พล.ต.อ.พัชรวาท ได้วางระบบแนวทางแก้ปัญหาไว้ โดยมีอนุกรรมการและคณะทำงานวิชาการส่วนกลาง เพื่อวิเคราะห์ว่าปัญหาเกิดจากอะไร รวบรวมข้อมูลให้ถูกต้อง เพื่อให้มีมาตรการที่เหมาะสม และส่งข้อมูลให้ศูนย์ซิงเกิ้ลคอมมานด์ในระดับจังหวัด และระดับภาคที่มีแม่ทัพภาคเข้ามาช่วยแก้ปัญหา” นายปิ่นสักก์ กล่าว

อธิบดี คพ. กล่าวด้วยว่า  นอกจากแอปพลิชันที่ใช้ในการสื่อสารอย่าง Air4Thai กรุงเทพฯ แล้ว จะมี AirBKK ที่ใช้มาตรฐานเดียวกัน จึงอยากให้ใช้ 2 แอพนี้เป็นหลัก เพราะจะมีการเตือนที่ถูกต้อง ซึ่งหากใช้แอปฯ อื่น อิงมาตรฐานประเทศอื่น ค่าสีจะไม่เท่ากัน อาจจะทำให้เกิดความสับสนได้ และจากความตระหนักอาจกลายเป็นความตระหนก เช่น มีการถามว่า กทม.สีแดงแล้วทำไมไม่เวิร์คฟอร์มโฮม ทั้งที่จริงๆ แล้ว ผู้ว่าฯ กทม.เตรียมความพร้อมแล้วว่าจะต้องสีแดงต่อเนื่อง 3 วัน แต่ค่ามาตรฐานของไทยยังไม่สีแดง แต่พอเราไปใช้มาตรฐานประเทศอื่น ที่มีการแบ่งสี 6 ช่วง 6 เฉด ทำให้เกิดการตระหนกเกิดขึ้น เป็นต้น  

 

“พัชราวาท” สั่งด่วนกรมควบคุมมลพิษ ประสาน “จิสด้าน“ ใช้ข้อมูลจุด Hotsport หาแหล่งกำเนิด PM 2.5 รายจังหวัดแก้ไขปัญหา

“พัชราวาท” สั่งด่วนกรมควบคุมมลพิษ ประสาน “จิสด้าน“ ใช้ข้อมูลจุด Hotsport หาแหล่งกำเนิด PM 2.5 รายจังหวัด เพื่อประเมินสถานณ์การแก้ไขปัญหา

พล.ต.อ.พัชรวาท  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการด่วนไปยังกรมควบคุมมลพิษ เพื่อประสานสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า)  หลังพบ 52 จังหวัดของประเทศไทย มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานที่ส่งผลต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีค่าคุณภาพอากาศระดับสีแดงและในขณะที่กรุงเทพมหานคร พบค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานทุกเขต โดยพบระดับสีแดง 7 เขต ได้แก่ หนองแขม พระโขนง บางนา ดอนเมือง ลาดพร้าว หลักสี่ บึงกุ่ม ส่วนพื้นที่เขตอื่นอยู่ระดับสีส้ม ซึ่งยังเกินมาตรฐานกว่า 40 เขต

โดยกรมควบคุมมลพิษจะใช้ข้อมูลแหล่งกำเนิดฝุ่น ทั้งข้อมูลของจุดความร้อน(hotspot) และแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินจาก จิสด้า และข้อมูลแหล่งกำเนิดฝุ่นอื่นๆ เพื่อชี้เป้าหมายแหล่งกำเนิด pm 2.5 ในรายจังหวัดพร้อมกำชับให้มีการกำกับ พร้อมการประเมินสถานการณ์ในการแก้ปัญหาและรายงานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศของประเทศไทยต่อไป

ปอดคนกรุงโล่ง! ค่า PM2.5 พื้นที่ กทม. อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานี

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สรุปผลการตรวจวัด PM2.5 วันที่ 8 ธ.ค. 2566 เวลา 05.00-07.00 น. (3 ชั่วโมงล่าสุด) ตรวจวัดได้ 7.7 – 29.5 ไมโครกรัม (มคก.) / ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 16.2 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานีที่มีการตรวจวัด

ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่น PM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา)

ในช่วงวันที่ 8-13 ธ.ค. 66 การระบายอากาศไม่ดี อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสเกิดฝนตกภายในสัปดาห์ หลังจากนั้นจึงคาดว่าจะทำให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดการณ์วันนี้มีเมฆบางส่วนกับมีเมฆบางส่วนกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย

จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร.


#ฝุ่น #PM25 #ฝุ่นPM25


 

"ฝุ่นพิษ" ยังถล่มเมืองกรุง พบ "PM2.5" เกินมาตรฐาน 59 พื้นที่ สูงสุดที่ "หนองแขม"

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครขอสรุปผลการตรวจวัด PM2.5 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เวลา 05.00-07.00 น. (3 ชั่วโมงล่าสุด) ตรวจวัดได้ 33.3-67.1 มคก./ลบ.ม.

ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 45.2 มคก./ลบ.ม.

ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 59 พื้นที่

ทั้งนี้ ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ในช่วง 33.4-67.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 59 พื้นที่ ได้แก่

1.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 67.1 มคก./ลบ.ม.

2.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 59.1 มคก./ลบ.ม.

3.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลลาดกระบังข้างป้อมตำรวจ : มีค่าเท่ากับ 58.5 มคก./ลบ.ม.

4.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 57.6 มคก./ลบ.ม.

5.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 56.5 มคก./ลบ.ม.

6.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 55.9 มคก./ลบ.ม.

7.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 55.8 มคก./ลบ.ม.

8.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 54.1 มคก./ลบ.ม.

9.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 54.0 มคก./ลบ.ม.

10.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 52.6 มคก./ลบ.ม.

11.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 52.4 มคก./ลบ.ม.

12.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 51.4 มคก./ลบ.ม.

13.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 51.3 มคก./ลบ.ม.

14.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 50.7 มคก./ลบ.ม.

15.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 50.6 มคก./ลบ.ม.

16.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 50.5 มคก./ลบ.ม.

17.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 49.4 มคก./ลบ.ม.

18.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 49.2 มคก./ลบ.ม.

19.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 49.2 มคก./ลบ.ม.

20.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 49.0 มคก./ลบ.ม.

21.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 48.8 มคก./ลบ.ม.

22.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 48.8 มคก./ลบ.ม.

23.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 48.8 มคก./ลบ.ม.

24.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 48.6 มคก./ลบ.ม.

25.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 48.6 มคก./ลบ.ม.

26.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 47.9 มคก./ลบ.ม.

27.เขตดินแดง ริมถนนวิภาวดีรังสิต : มีค่าเท่ากับ 47.5 มคก./ลบ.ม.

28.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 47.2 มคก./ลบ.ม.

29.เขตบางแค ภายในสำนักงานเขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 46.9 มคก./ลบ.ม.

30.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 46.7 มคก./ลบ.ม.

31.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 46.6 มคก./ลบ.ม.

32.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 46.0 มคก./ลบ.ม.

33.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 45.7 มคก./ลบ.ม.

34.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 45.6 มคก./ลบ.ม.

35.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 45.0 มคก./ลบ.ม.

36.เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 44.8 มคก./ลบ.ม.

37.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 44.8 มคก./ลบ.ม.

38.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 44.6 มคก./ลบ.ม.

39.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 44.6 มคก./ลบ.ม.

40.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 44.4 มคก./ลบ.ม.

41.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.9 มคก./ลบ.ม.

42.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 43.1 มคก./ลบ.ม.

43.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม.

44.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม.

45.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 42.2 มคก./ลบ.ม.

46.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 42.1 มคก./ลบ.ม.

47.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 42.0 มคก./ลบ.ม.

48.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 41.5 มคก./ลบ.ม.

49.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 41.3 มคก./ลบ.ม.

50.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม.

51.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 40.9 มคก./ลบ.ม.

52.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 40.6 มคก./ลบ.ม.

53.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 40.4 มคก./ลบ.ม.

54.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 39.8 มคก./ลบ.ม.

55.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.5 มคก./ลบ.ม.

56.เขตบางกะปิ ข้าง ป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ : มีค่าเท่ากับ 39.1 มคก./ลบ.ม.

57.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 38.8 มคก./ลบ.ม.

58.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม.

59.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม

ข้อแนะนำสุขภาพ

-ระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

-สำหรับบุคคลทั่วไป: ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น

-ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ : ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ เช่น ไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลียควรปรึกษาแพทย์

-ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง(คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา)

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย.-6 ธ.ค. 66 การระบายอากาศ ค่อนข้างไม่ดีถึงอ่อน ประกอบกับอากาศค่อนข้างปิด จึงคาดว่าจะทำให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองทรงตัวถึงเพิ่มขึ้นในระยะนี้ และคาดการณ์วันนี้มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง


#ฝุ่นพิษ #ฝุ่น #ฝุ่นpm25 #pm25

ปักธงเชียงใหม่ปลอดฝุ่น PM 2.5 “วิชัย ทองแตง” ปั้นภาคีเครือข่ายรัฐ-เอกชน กว่า 50 องค์กรพลิกเชียงใหม่ไร้ฝุ่น

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “ผมได้ร่วมหารือกับทุกภาคส่วนและกำหนดเป็นวาระเร่งด่วน สำคัญที่สุดในอันที่จะแก้ปัญหานี้ให้ได้ เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ร้อนของพี่น้อง ลูกหลานเราโชคดีเหลือเกินที่เรามีภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง เกิดการร่วมแรงร่วมใจที่ทรงพลังอย่างยิ่ง อย่างที่ไม่เคยปรากฏเหมือนที่ใดมาก่อนเหมือนในวันนี้”

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “พวกเราประจักษ์รู้ในความเป็นจริงกันทุกคนว่าแท้จริงแล้ว มันเกิดจากฝีมือมนุษย์เราเอง การเผาป่า เรือกสวน กิ่งไม้ ไร่นา เพื่อพลิกฟื้นผืนดินทำกินของพวกเรากันเอง นั้นเกิดประโยชน์มหึมาแต่ก็เกิดโทษมหาศาล ทางอบจ.เราเองได้จัดงบลงไปปีละหลายสิบล้าน เพื่อแก้ไขปัญหา PM 2.5 บรรเทาทุกข์ให้กับชาวเชียงใหม่ ในวันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ชาวเชียงใหม่จัดตั้งเป็นภาคีเครือข่าย ซึ่งถือเป็นการแสดงครั้งสำคัญของพวกเรา”

ด้านคุณวิชัย ทองแตง นักธุรกิจผู้มีแรงบันดาลใจที่มุ่งหวังให้ จ.เชียงใหม่และภาคเหนือปลอด PM 2.5 ได้กล่าวว่า “ภาคีเครือข่ายนี้ถือเป็นการแสดงพลังของชาวเชียงใหม่ พวกเราต้องเป็นแกนนำผลักดันการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของเชียงใหม่และของประเทศไทย อยู่ที่ทุกท่านร่วมมือร่วมใจกันเดินหน้าไปพร้อมกันในวันนี้ และถือเป็นครั้งแรกที่วันนี้ได้มารวมตัวกัน แม้ผมจะเป็นผู้ริเริ่มแต่การผลักดันให้สำเร็จก็อยู่ที่ท่านทุกคน และผลของความสำเร็จก็จะตกอยู่ที่ชาวเชียงใหม่และประเทศชาติของเรา”

ด้าน ผศ.วีระชัย ลิ้มพรชัยเจริญ ที่ปรึกษาโครงการบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด กล่าวว่า “ผมเล็งเห็นว่าการที่เกิดปัญหา PM 2.5 เยอะขนาดนี้ แสดงว่าชีวมวลก็เยอะเช่นกัน ทีมงานจึงได้ลงสำรวจพื้นที่ในการแก้ปัญหาเพื่อเสริมแหล่งผลิตชีวมวล ในการรักษาสภาพแวดล้อม โดยเริ่มต้นที่ อ.จอมทอง เพื่อเปลี่ยนเศษซากทางการเกษตร พร้อมขยายเพิ่มอีก 3 จุดในภาคเหนือ  โดยนำไปใช้ในอุตสหกรรม เพื่อพลังงานทดแทนสะอาด เป็นชีวมวลอัดเม็ดพร้อมคาดหวังให้ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีรายได้กระจายสู่ชุมชน ถือเป็นความพยายามของภาคเอกชนโดย บริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด ยินดีให้ความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเชียงใหม่เพื่อลดปัญหา PM 2.5 ให้ได้อย่างยั่งยืน”

ดร.ก้องเกียรติ สุริเย ผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนเครดิต กล่าวว่า “ผมพร้อมเชื่อมโยงธุรกิจคาร์บอนเครดิตมาช่วยจังหวัดเชียงใหม่ แก้ปัญหา PM 2.5 เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน นับเป็นอีกช่องทางสนับสนุนโดยนำธุรกิจเข้ามาสร้างเม็ดเงินสู่ภาครัฐและภาคประชาชนให้มีรายได้เพียงพอที่จะสามารถกลับมาคิดพร้อมพัฒนาช่วยเรื่องของสิ่งแวดล้อมในเชียงใหม่ได้ ซึ่งประเด็นในเรื่องของคาร์บอนเครดิต ที่เกิดมาจากสภาวะโลกร้อน คือการที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากเกินไป โชคดีที่ประเทศไทยตระหนักในเรื่องของคาร์บอนเครดิตมีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง ส่วนนี้จึงเป็นที่มาของการเอาคาร์บอนเครดิตมาช่วยสร้างธุรกิจ และเอาธุรกิจนั้นมาสร้างเม็ดเงินป้อนกลับมาสู่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วทำให้จังหวัดเชียงใหม่นั้นมีรายได้มากขึ้น เพื่อนำเม็ดเงินนั้นไปพัฒนาสิ่งแวดล้อมแก้ปัญหา PM 2.5 นั้นให้ดีขึ้น โดยสิ่งที่ทางภาคีเครือข่ายต้องโฟกัสคือการจัดการขยะทางการเกษตร และการดูแลรักษาป่าเพื่อธุรกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

หลังจากนั้นได้มีการเสวนาในหัวข้อ เราจะร่วมใจกันอย่างไรให้เชียงใหม่หมด PM 2.5 โดยมีผู้เข้าร่วมได้แก่ คุณชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ , คุณพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ , คุณพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ กรรมการ บริษัท แอทเซส เวิล์ด คอเปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อดีตอธิบดีกรมสรรพสามิต , คุณอนุชา มีเกียรติชัยกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ , ดร.ณรงค์ชัย ชลภาพ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจคาร์บอน องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ , คุณชนนิกานต์ สุพิทยาพร นางสาวไทย ประจำปี 2566 , ผศ.วีระชัย ลิ้มพรชัยเจริญ ที่ปรึกษาโครงการบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด พร้อมฟังความคิดเห็นจากภาคีเครือข่าย นับเป็นการแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่ของภาคีเครือข่ายที่น่าประทับใจ และพร้อมที่จะพลักดัน หยุดเผา เรารับซื้อ ให้สัมฤทธิ์ผลเป็นลำดับต่อไป

สนใจนำเศษซาก ตอซังข้าวโพด เข้าร่วมโครงการ หยุดเผา เรารับซื้อ ของบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0934165953