สำนักโยธาฯกทม. ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง ระงับการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน

วันนี้ (3 พฤษภาคม) สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร มีหนังสือด่วนที่สุด ที่กท. 0902/1296 เรียนถึง ผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง เรื่อง ระงับการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน ร่วมกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ช่วงลาดพร้าว - สำโรง) ระบุว่า

‘ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักการโยธานุญาตให้การไฟฟ้านครหลวงต่ออายุหนังสือนุญาต
ดำเนินการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน ร่วมกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ช่วงลาดพร้าว - สำโรง) ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น

สำนักการโยธาได้รับการประสานจากสำนักงานเขตวังทองหลาง เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 พบประชาชนพลัดตกลงไปในบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินเสียชีวิต บริเวณเกาะกลางถนนปากซอยลาดพร้าว 49 พื้นที่เขตวังทองหลาง 

จากการตรวจสอบพบว่ามีการนำไม้อัดที่มีสภาพชำรุดมาปิดฝาบ่อไว้ ไม่เรียบร้อย และปัจจุบันบ่อพักในโครงการดังกล่าวยังไม่มีการปิดฝาบ่อให้เรียบร้อยถูกต้องตามมาตรฐาน จำนวนหลายจุด

จึงขอให้การไฟฟ้านครหลวง ระงับการก่อสร้างและให้ตรวจสอบและปิดฝาบ่อในโครงการดังกล่าวให้เรียบร้อยถูกต้องตามมาตรฐาน ภายใน 3 วันนับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ 

พร้อมทั้งดำเนินการติดต่อประสานญาติผู้เสียชีวิตเพื่อเยียวยาค่าเสียหากเนื่องจากการปฏิบัติงานด้วยความประมาทเลินเล่อ ไม่เป็นไปตามคู่มือก่อสร้างงานสาธารณูปโภคและเงื่อนไขในหนังสืออนุญาต 

หากไม่ดำเนินการกรุงเทพมหานครจะขอระงับ
การพิจารณาอนุญาตงานรายถัดไปของการไฟฟ้านครหลวงที่ยื่นขออนุญาตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 

ผลเป็นประการใดโปรดแจ้งให้สำนักการโยธาทราบต่อไป’
 

นนทบุรี การไฟฟ้านครหลวงเร่งซ่อมถนนยุบตัวหน้าวัดบ่อ ยันพร้อมรับผิดชอบ

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 8 เมษายน 2567 นายมโนช จิตร์ศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบระบบไฟฟ้าและงานวิศวกรรมโยธาการไฟฟ้านครหลวงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ จุดกลับรถใต้สะพานพระราม 4 หน้าวัดบ่อท่าน้ำปากเกร็ดตำบลปากเกร็ดอำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี หลังถนนมีการทรุดตัว ลึก 4 เมตร กว้างประมาณ 15 เมตร เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมาเพื่อเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
 
นายมโนช จิตร์ศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบระบบไฟฟ้าและงานวิศวกรรมโยธา กาไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า การไฟฟ้านครหลวงมีความต้องการที่จะคืนสภาพให้เร็วที่สุด โดยเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ปรากฎว่าเราดำเนินการไปยังมีท่อประปาที่แตกเสียหายด้านล่าง ซึ่งการประปานครหลวงต้องเป็นผู้ดำเนินการ เราจึงต้องปฏิบัติตามคำแนะนำเทศบาลนครปากเกร็ดว่าอยากให้มีการสรุปรูปแบบการแก้ไขของการประปา โดยพรุ่งนี้จะมีการประชุมสรุปร่วมกัน ถ้าได้ข้อสรุปทั้งหมด การไฟฟ้านครหลวงจะระดมกำลังและแก้ไขให้เสร็จภายใน 1 คืน คาดว่าไม่เกินวันพุธจะเปิดการจราจรได้

ปัญหาที่เรากลัวคือเพื่อจะไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ซ้ำอีก ทั้งเรื่องน้ำเซาะ น้ำรั่วต้องเคลียร์ให้จบ เราจึงจะบดอัดและถมพื้นที่ได้ไม่งั้นจะพังและต้องขุดใหม่อีก งานก็จะเป็นเหมือนเดิมและทรุดอีกภายหลัง การทำงานร่วมกันจะมีการประปานครหลวง เรื่องท่อระบายน้ำหรือส่วนที่การไฟฟ้านครหลวงทำเสียหายจะทำการซ่อมใหม่ให้เหมือนเดิม ในส่วนของวัดบ่อตอนนี้ลักษณะการทรุดตัวไม่ได้ลึกมาก เป็นแค่ผิว ความเสียหายจะเป็นช่วงทางเดิน รั้วต่างๆ ส่วนโครงสร้างอาคารไม่ได้รับความเสียหาย ตนต้องขออภัยกับประชาชนในเขตเทศบาลนครปากเกร็ดที่ได้รับผลกระทบ ทำให้เกิดความไม่สะดวก ในส่วนของการไฟฟ้านครหลวงจะดูแลและรับผิดชอบ ขอให้มั่นใจได้ว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจ จะดูแลและรับผิดชอบ ทำให้กลับมาสภาพเดิมโดยเร็วตามมาตรฐาน

ครม.เห็นชอบกู้เงินในประเทศลงทุนระยะยาวใหม่ของ กฟน. 6 แผนงาน

ครม.เห็นชอบการกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ของการไฟฟ้านครหลวง จำนวน 6 แผนงาน

วันที่ 2 เม.ย.นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับการลงทุนในแผนงานระยะยาวใหม่ของ กฟน. จำนวน 6 แผนงาน ภายในกรอบวงเงินรวม 38,900 ล้านบาท โดยให้ทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นรายปีจนกว่าการดำเนินงานจะแล้วเสร็จตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ ดังนี้

1.แผนงานขยายเขตและปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า ปี 2565 - 2566 : เป็นการขยายเขตและปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า เช่น สายป้อนระดับแรงดัน หม้อแปลงจำหน่าย เครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า และคาปาซิเตอร์ พร้อมอุปกรณ์ประกอบ เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชนที่มีแน้วโน้มเพิ่มสูงขึ้นในเขตให้บริการ ของ กฟน. และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า วงเงินเต็มแผนงาน 8,866.37 ล้านบาท แหล่งเงินทุน เงินกู้ในประเทศ 6,500.00 ล้านบาท เงินรายได้ 2,366.37 ล้านบาท

2.แผนปฏิบัติการดิจิทัล ปี 2566 - 2570: ประกอบด้วย 3 แผนงาน ดังนี้ (1) แผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการบริการผู้ใช้ไฟฟ้าและการบริหารองค์กร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าให้ได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็ว(2) แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อรองรับระบบงานต่าง ๆ ให้สามารถทำงานตอบสนองระบบงานที่เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ มีความทันสมัย และมีเสถียรภาพ (3) แผนพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศและระบบสื่อสาร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพื่อความมั่นคงปลอดภัยในระบบสารสนเทศและระบบสื่อสารขององค์กร วงเงินเต็มแผนงาน 6,652.52 ล้านบาท แหล่งเงินทุน เงินกู้ในประเทศ 5,300.00 ล้านบาท เงินรายได้ 1,352.52 ล้านบาท

3.แผนงานพัฒนาระบบไฟฟ้าตามแผนการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า ระยะที่ 1 : เป็นการนำสายไฟฟ้าลงดินเพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าและปรับปรุงภูมิทัศน์ รวมทั้งเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าในอนาคตได้ ประกอบด้วย 2 โครงการ ดังนี้ (1) เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา ถนนสีหบุรานุกิจ และถนนร่มเกล้า ระยะทาง 18.8 กิโลเมตร (2) เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ถนนศรีนครินทร์ (ถนนรามคำแหง - ถนนเทพารักษ์) ระยะทาง 15.8 กิโลเมตร วงเงินเต็มแผนงาน 8,353.70 ล้านบาท แหล่งเงินกู้ เงินกู้ในประเทศ 6,300.00 ล้านบาท เงินรายได้ 2,053.70 ล้านบาท

4.แผนงานประสานสาธารณูปโภคทั่วไป ปี 2566 - 2570 : เป็นการนำสายไฟฟ้าลงดินเพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าและปรับปรุงภูมิทัศน์ รวมทั้งเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยดำเนินการไปพร้อมกับโครงการสาธารณูปโภคของหน่วยงานภายนอก จำนวน 5 โครงการ ดังนี้ (1) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกาย ช่วงที่ 1 ก่อสร้างทางยกระดับและถนนฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ระยะทาง 1.3 กิโลเมตร (2) โครงการก่อสร้างปรับปรุงถนนประชาชื่นจากการประปานครหลวงถึงถนนแจ้งวัฒนะ (ถนนหมายเลข 11) ของ กทม. ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร  (3) โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ของกรมทางหลวง (ทล.) ระยะทาง 2 กิโลเมตร (4) โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 สาย บ้านบางปูใหม่ - บ้านบางปู ของ ทล. ระยะทาง 10 กิโลเมตร วงเงินเต็มแผน 2,797.87 ล้านบาท แหล่งเงินกู้ เงินกู้ในประเทศ 2,000.00 ล้านบาท เงินรายได้ 797.87 ล้านบาท

5.แผนงานพัฒนาระบบไฟฟ้าตามแผนการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า ระยะที่ 2: เป็นการนำสายไฟฟ้าลงดินเพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าและปรับปรุงภูมิทัศน์ รวมทั้งเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าในอนาคตได้ ประกอบด้วย ๗ โครงการ ดังนี้ (1) เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีทอง ถนนสมเด็จเจ้าพระยา และถนนเจริญนคร ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร (2) เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ถนนเพชรเกษม (ถนนรัชดาภิเษก - ถนนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 8.2 กิโลเมตร (3) เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ถนนพระราม 4 (ถนนพญาไท - คลองผดุงกรุงเกษม) ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร    (4) เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ถนนพหลโยธิน (ถนนงามวงศ์วาน - ซอยพหลโยธิน54/2) ระยะทาง 11.3 กิโลเมตร (5) เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม ถนนรามคำแหง และถนนสุวินทวงศ์ ระยะทาง 12.6 กิโลเมตร และ (6) เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม ถนนพระราม 9 (พระราม 9 ซอย 13 - ถนนรามคำแหง) ระยะทาง 2.1 กิโลเมตร และ (7) เส้นทางเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีเขียว (ถนนเทพารักษ์ - ถนนสุขุมวิท) ระยะทาง 4.3 กิโลเมตร วงเงินเต็มแผน 9,972.90 ล้านบาท แหล่งเงินกู้ เงินกู้ในประเทศ 7,500.00 ล้านบาท เงินรายได้    2,472.90 ล้านบาท

6.แผนขยายเขตและปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า ปี 2566 - 2570 : เป็นการขยายเขตและปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า เช่น สายป้อนระดับแรงดัน หม้อแปลงจำหน่าย เครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า และคาปาซิเตอร์ พร้อมอุปกรณ์ประกอบ เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชนที่มีแน้วโน้มเพิ่มสูงขึ้นในเขตให้บริการของ กฟน. และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า วงเงินเต็มแผน 18,012.40 ล้านบาท แหล่งเงินกู้ เงินกู้ในประเทศ 13,600.00 ล้านบาท เงินรายได้ 4,412.40 ล้านบาท

MEA ห่วงใย เตือนอันตรายการทำงานใกล้แนวสายไฟฟ้าแรงสูง

MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง มีความห่วงใยความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานใกล้กับแนวสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูงในระบบจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากผู้ประกอบการและผู้ปฏิบัติงานขาดความรู้ ความเข้าใจในการทำงานใกล้แนวสายไฟฟ้าแรงสูง ทำให้เกิดความสูญเสียถึงขั้นเสียชีวิตได้ ที่ผ่านมา MEA ได้มีการประชาสัมพันธ์ จัดฝึกอบรม สัมมนา เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการพาดสายสื่อสาร ผู้ทำงานใกล้แนวสายไฟฟ้าแรงสูง ผู้ประกอบการรถเครน ผู้ประกอบการป้ายโฆษณา และผู้รับเหมาที่ประกอบกิจการรับต่อเติมอาคารบ้านเรือนในเขตพื้นที่จำหน่ายของ MEA ให้ตระหนักถึงอันตรายจากกระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
 
MEA จึงแนะนำให้ระมัดระวังในการทำงานใกล้แนวสายไฟฟ้าแรงสูง โดยศึกษาระยะห่างที่ปลอดภัย ตลอดจนหลีกเลี่ยงการสัมผัสสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าแรงต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะฝนตกหรือเปียกชื้นซึ่งอาจเกิดอันตรายจากไฟฟ้าช็อตได้ สำหรับระยะห่างที่ปลอดภัยสำหรับป้ายโฆษณาและเสาไฟฟ้าแรงสูงนั้น 
เราจะทราบได้อย่างไรว่าสายไฟฟ้าแรงสูงนั้นจะต้องมีระยะห่างที่ปลอดภัยเท่าไร MEA ขอแนะนำวิธีสังเกตุจำนวนของลูกถ้วยบนเสาไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้รองรับสายไฟฟ้าและเป็นฉนวนไฟฟ้า ยิ่งมีลูกถ้วยมากแสดงว่าสายไฟฟ้านั้นมีขนาดแรงดันไฟฟ้าสูงมากเช่นกัน จึงทำให้ระยะห่างของป้ายโฆษณากับเสาไฟฟ้าก็จะต้องมีระยะห่างมากขึ้นตามลำดับ ดังนี้
 
ป้ายโฆษณาบนอาคารพาณิชย์ ที่มีเฉลียงระเบียงหรือที่มีคนเข้าถึงได้
- ลูกถ้วย 7 ชั้น ต้องมีระยะห่างมากกว่า 2.30 เมตร
- ลูกถ้วย 4 ชั้น ต้องมีระยะห่างมากกว่า 2.13 เมตร
- ลูกถ้วย 2-3 ชั้น ต้องมีระยะห่างมากกว่า 1.8 เมตร 


ป้ายโฆษณาบิลบอร์ด
- ลูกถ้วย 7 ชั้น ต้องมีระยะห่างมากกว่า 2.30 เมตร
- ลูกถ้วย 4 ชั้น ต้องมีระยะห่างมากกว่า 1.80 เมตร
 
ทั้งนี้ การพาดสายสื่อสารหรือติดตั้งอุปกรณ์ใด ๆ บนเสาหรือสายไฟฟ้าของ MEA จะต้องได้รับอนุญาตทุกครั้งก่อนปฏิบัติงานเนื่องจากอาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางระบบไฟฟ้าทำให้ไฟฟ้าดับบริเวณกว้างได้ รวมถึงผู้ปฏิบัติงานต้องสวมหมวกใส่ถุงมือ สวมรองเท้าชุดแต่งกายตามมาตรฐาน ข้อกำหนดเรื่องอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (PPE) และปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้ กรณีมีการก่อสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้าง ป้ายโฆษณา ใกล้กับแนวสายไฟฟ้าแรงสูง ต้องแจ้งให้ MEA ทราบเพื่อให้คำแนะนำตรวจสอบติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าแรงสูงก่อนดำเนินงานก่อสร้าง
 
หากประชาชนพบเห็นสายไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด หรือไม่อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ สามารถแจ้งเหตุผ่าน MEA Smart Life Application และช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของ MEA ได้แก่ Facebook: การไฟฟ้านครหลวงMEA, Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ, Twitter: @mea_news รวมถึงแจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงเขต ได้ทุกแห่ง ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

เช็กเลย "รัฐบาลช่วยค่าไฟ 2566" งวดเดือนพ.ค.ใช้ไฟไม่เกินเท่าไร คืนเงินค่าไฟ 150 บาท

ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบภาระค่าไฟประชาชน จากสถานการณ์ราคาพลังงาน และในช่วงฤดูร้อนปี 2566 ซึ่งต่อมา เมื่อวันที่ 15 พ.ค.66 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเห็นชอบให้ ‘รัฐบาลช่วยค่าไฟ 2566’ โดยดำเนินมาตรการบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน จากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากราคาไฟฟ้า ตามที่ ครม. เสนอให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าต่อเนื่อง 4 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ส.ค.66 ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ส่วนลดค่าไฟฟ้า (เพิ่มเติม) สำหรับงวดเดือน พ.ค.66 จำนวน 150 บาทต่อราย ให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ทั้งนี้กำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

สำหรับใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือน พ.ค.66 ที่จดหน่วย และส่งใบแจ้งค่าไฟฟ้าในวันที่ 14-17 พ.ค.66 ที่ยังไม่มีส่วนลด MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง จะปรับปรุงในระบบรับชำระเงินค่าไฟฟ้า โดยผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถตรวจสอบยอดเงินค่าไฟฟ้าประจำเดือน พ.ค.66 ที่มีการปรับปรุงแล้ว ได้ที่แอปพลิเคชัน MEA Smart life หรือที่ทำการ MEA ทั้ง 18 เขต ทั้งนี้ หากผู้ใช้ไฟฟ้าที่ชำระค่าไฟฟ้าแล้ว MEA จะคืนเงินส่วนลดดังกล่าวให้ในเดือนถัดไป(หมายเหตุ สำหรับใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือน พ.ค.66 จะเป็นการจดหน่วยในวันใดวันหนึ่ง ระหว่างวันที่ 14 พ.ค.ถึงวันที่ 13 มิ.ย.66)

ทั้งนี้ การไฟฟ้านครหลวง ได้เตือนประชาชน ระมัดระวังการรับข้อมูลจากช่องทางการสื่อสารในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งอาจมีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสามารถสอบถามข้อมูลค่าไฟฟ้าได้ที่ช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ของ MEA ได้แก่ Facebook: การไฟฟ้านครหลวง MEA,Line: @meathailand,Twitter: @mea_news,,MEA Call Center โทร 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

JR คว้างาน กฟน.มูลค่า 51 ล้าน โปรเจคศูนย์ควบคุมระบบไอที-สื่อสาร มั่นใจปี 66 รายได้โต 15-20%

JR ประกาศข่าวดีส่งท้ายไตรมาส 1/66 ได้งานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่า 51 ล้านบาท โครงการ ซื้อศูนย์ควบคุมเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสื่อสาร ดัน Backlog พุ่งแตะ 10,472 ล้านบาท บิ๊กบอส “จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ”มั่นใจปี 66 รายได้โต 15-20% ตามนัด

นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) (JR) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รับแจ้งลงนามในสัญญาจาก การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 สำหรับโครงการซื้อศูนย์ควบคุมเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสื่อสาร มูลค่าโครงการ 51,197,196.26 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยจะมีการลงนามในวันที่ 18 เมษายน 2566 บริษัทมีระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญาและรับประกัน 3 ปี ทั้งนี้ส่งผลให้ในไตรมาส 1/66 มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 10,472 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2569 ผลักดันผลการดำเนินงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานในมือที่เพิ่มขึ้น หลังได้รับโครงการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม รวมทั้งบริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JR กล่าวอีกว่า ในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20%เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีกว่า 10,472 ล้านบาท สนับสนุนธุรกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โตก้าวกระโดด และมีแผนที่จะประมูลงานใหม่เพิ่มประมาณ 1,900 ล้านบาทในปีนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นงานธุรกิจรับเหมาวางระบบไฟฟ้า และวางระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ

 

MEA  พร้อมให้บริการข้อมูลข่าวสารฉับไวเป็นไปตามหลักการ “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น”

ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการไฟฟ้านครหลวง พร้อมให้บริการข้อมูลข่าวสารฉับไวเป็นไปตามหลักการ “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น”

MEA ได้มีการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการไฟฟ้านครหลวง และปี 2564 ได้รับรางวัลศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการโดดเด่นจากสำนักนายกรัฐมนตรี 

ปัจจุบันศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการไฟฟ้านครหลวง ตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 1 การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานเพลินจิต แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการให้บริการที่เป็นเลิศของ MEA ตลอดจนการบริหารงานตามหลักบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สนองตอบต่อนโยบายของกระทรวงมหาดไทย

ประชาชนสามารถดูรายละเอียดศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการไฟฟ้านครหลวง www.mea.or.th/minisite/info

เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ของราชการ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.) www.oic.go.th/INFOCENTER49/4925

e-mail : pi.center@mea.or.th
ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการไฟฟ้านครหลวง โทร. 0 2256 3000 ต่อ 3358 

MEA เตือนมิจฉาชีพ หลอกให้ดาวน์โหลดแอปฯปลอม

MEA เตือนมิจฉาชีพหลอกลวงให้ดาวน์โหลดแอปฯ ปลอม แอบอ้างเป็นตัวแทนบริการล้างเครื่องปรับอากาศ และให้บริการด้านระบบไฟฟ้า เก็บค่าไฟ

นายคมกริช สาคริก ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า MEA มีความห่วงใยเตือนผู้ใช้ไฟฟ้าให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงให้ดาวน์โหลดติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมทำให้เสียทรัพย์จึงควรตรวจสอบก่อนสมัครใช้บริการทุกครั้ง สำหรับ MEA Smart Life Application แอปเดียวจบครบทุกเรื่องไฟฟ้าที่สามารถตรวจสอบหน่วยการใช้ไฟฟ้า ชำระค่าไฟฟ้า และรวมบริการอื่นๆ สามารถดาวน์โหลดใช้งานฟรีทั้ง App Store และ Play Store คลิก http://onelink.to/measmartlife

นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ฯ แสดงบัตรพนักงานปลอมสร้างความน่าเชื่อถือให้บริการด้านไฟฟ้า หรืออาจใช้โฆษณาแอบอ้างผ่านการรับรองเป็นตัวแทนจาก MEA เรียกเก็บค่าไฟฟ้า ค่าบริการเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้า แอบอ้างโครงการล้างแอร์ ปลอมแปลงใบแจ้งค่าไฟฟ้าและใบเสร็จเพื่อใช้หลอกลวงในการรับชำระค่าไฟฟ้า หรือแจ้งเอกสารเตือนตัดไฟฟ้า แอบอ้างแจ้งเปลี่ยนเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า (มิเตอร์) แอบอ้างจำหน่ายอุปกรณ์ช่วยลดค่าไฟฟ้าที่ไม่สามารถประหยัดไฟฟ้าได้จริง และแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ MEA ที่รับงานซ่อมบำรุงอุปกรณ์ไฟฟ้าของบริษัทต่าง ๆ ทำให้ประชาชนเสียทรัพย์เกิดความเดือดร้อน และอาจส่งผลให้ระบบไฟฟ้าผิดปกติหรือกระทบต่อระบบจำหน่ายไฟฟ้าและยังผิดกฎหมาย รวมถึงหลอกลวงในรูปแบบสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลบนแพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์ โดยอ้างเป็นร้านค้าเพื่อรับแลกวงเงินหลอกลวงให้ชำระค่าไฟฟ้าบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์สะสมแต้มและจะโอนเงินคืนให้ในภายหลัง แต่ไม่มีการโอนเงินคืนให้จริงอีกด้วย

โดย MEA มีความห่วงใยประชาชน จึงขอเตือนอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพดังกล่าว MEA ยืนยันว่าปัจจุบันไม่มีตัวแทนพนักงานรับชำระค่าไฟฟ้า เก็บเงินค่าเปลี่ยนเครื่องวัดฯ รวมถึงไปดำเนินการตรวจซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าเก็บค่าบริการนอกสถานที่แต่อย่างใด ยกเว้นกรณีที่ MEA มีงานบริการสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้า จัดกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์กับชุมชน หรือโครงการต่างๆ ซึ่ง MEA จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทราบผ่านช่องทางสื่อสารทางการของ MEA หรือสื่อมวลชนก่อนทุกครั้ง ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถตรวจสอบหน่วยการใช้ไฟฟ้าและชำระค่าไฟฟ้าผ่านแอป MEA Smart Life หรือใช้บริการชำระผ่านการหักบัญชีธนาคาร และหักบัตรเครดิตอัตโนมัติ บริการ Mobile Application บริการ Internet Banking หรือเว็บไซต์ตัวแทนรับชำระเงิน ตู้ ATM ต่าง ๆ และ LINE MEA Connect คลิกเพิ่มเพื่อน https://lin.ee/gX2zNRl นอกจากนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถเข้าไปเลือกใช้ทุกบริการออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทาง ตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่ https://www.mea.or.th/eservice/

ทั้งนี้ หากผู้ใช้ไฟฟ้าพบกลุ่มบุคคลแอบอ้างหลอกลวงทำให้เสียทรัพย์ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ รวมถึงระมัดระวังการรับข้อมูลจากช่องทางการสื่อสารในสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งอาจมีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line : MEA Connect(@MEAthailand), Twitter : @mea_news, และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง