เมื่อเวลา 18.35 น.วันที่ 30 ก.ย. 2568 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นัดแรก ภายหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น โดยนายกฯกล่าวช่วงต้นการประชุมครม.ว่า ในการอภิปรายนโยบาย 2 วันที่ผ่านมาให้ครม.ไปพิจารณาว่าจะดำเนินการได้อย่างไรบ้าง ณ วินาทีนี้รัฐบาลของเราสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างสมบูรณ์ แบบสั่งการมอบนโยบายหรือการปฏิบัติใดๆ ณ ขณะนี้รัฐบาลชุดนี้มีความสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนี้เราจะเร่งทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้นำนโยบายที่ทางตนในฐานะนายกรัฐมนตรีได้แถลงซึ่งรวมไปถึงนโยบายที่เกี่ยวพันกับกระทรวงทุกกระทรวงขอให้ได้เร่งทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

นายอนุทิน กล่าวว่า การประชุมครม.ในวันนี้ที่ต้องเรียนเชิญทุกท่านประชุมทันทีเมื่อการแถลงนโยบายได้เสร็จสิ้น เนื่องจากมีเรื่องสำคัญโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณของ ปี 68 เพื่อให้สามารถนำงบประมาณที่เหลืออยู่ประมาณ 60,000 กว่าล้านบาทไปดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน รวมทั้งโครงการที่ใช้เงิน ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เขาดำเนินการไปก่อน ขอถือโอกาสนี้ให้นำเรียนข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งนำไปปฏิบัติโดยทันที คือเรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ

จากการที่ตนได้ลงพื้นที่ในหลายจังหวัดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้ทราบว่ามีรัฐมนตรีอีกหลายท่านได้ลงพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติ เช่น รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนรัฐมนตรีอีกหลายท่านที่ได้ร่วมคณะกับพวกตนไปลงพื้นที่นั้นท่านคงได้เห็นแล้วว่าปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากอุทกภัยตอนนี้ถือว่าเขาเดือดร้อนมาก เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกปี และเราคงต้องมีการดำเนินการทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้ความเดือดร้อนและความเสียหายของพี่น้องประชาชนได้รับการเยียวยาช่วยเหลือโดยตรง

ขอให้ทางกระทรวงมหาดไทยได้เร่งสั่งการไปยังจังหวัด และลงไปถึงระดับอำเภอว่าต้องให้เร่งขึ้นทะเบียนครอบครัวผู้ประสบภัย เพื่อรัฐบาลจะได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้เสนอค่าเยียวยาเบื้องต้นให้แก่ครอบครัวผู้ประสบภัย เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ มีความเป็นเอกภาพ ไม่ซ้ำซ้อน และครอบคลุมทุกมิติ 

นายอนุทิน กล่าวว่า ตนขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐได้ส่งเรื่องเกี่ยวกับมาตรการหรือแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาดังกล่าว ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศชภ.) เพื่อพิจารณาในภาพรวมก่อนที่จะนำเสนอต่อครม. ทั้งนี้ตนจะได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติโดยเร็ว ตนพบว่ามีพื้นที่ในเขตจังหวัดภาคกลางพี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือและเสียสละอันยิ่งใหญ่ ท่านได้เสียสละพื้นที่ซึ่งเป็นที่ดิน เรือกสวน ไร่นาของท่านให้เป็นพื้นที่รับน้ำ ทำให้เป็นพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี ที่ผ่านมามองว่าเป็นการทุ่มเทเสียสละของเขา เราต้องไปดูแลเขาอย่างเต็มที่

จากนี้ไปตนขอให้ถือว่าพี่น้องประชาชนที่ได้ให้พื้นที่ของเขาเป็นพื้นที่รับน้ำนั้น ให้เปรียบเสมือนเป็นผู้ประสบภัยด้วยเช่นกันและรัฐบาลต้องให้การดูแลช่วยเหลือและเยียวยาเป็นการจำเพาะ โดยจัดให้มีมาตรการช่วยเหลือเป็นการประจำ ไม่ต้องไปตั้งเรื่องขอเป็นครั้งปีต่อปี ดังนั้นตนขอมอบให้ ศชภ.นี้ได้ทำข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือประชาชนในเขตพื้นที่รับน้ำเป็นการประจำทุกปีต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ยังได้เน้นย้ำให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้นายกฯ สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย ทบทวนหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่าย และวงเงินช่วยเหลือ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้อย่างครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ โดยเร็ว เนื่องจากหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่าย รวมทั้งวงเงินช่วยเหลือดังกล่าว ยังมีข้อจำกัดบางประการ ส่งผลให้การจ่ายเงินช่วยเหลือ ยังไม่ครอบคลุมประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง